เช็กสต๊อกหนังสือ : หลังสิ้นบัลลังก์มังกร

หลังสิ้นบัลลังก์มังกร สำนักพิมพ์มติชน เส้าหย่ง-หวังไห่เผิง เขียน กำพล ปิยะศิริกุล แปล จำนวน 559 หน้า ราคา 480 บาท

เป็นหนึ่งในหนังสือยอดนิยมของสำนักพิมพ์มติชนในช่วงงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา กล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนยุค “เปลี่ยนผ่าน” จาก “ยุคโบราณ” สู่ “ยุคใหม่” โดยมีเหตุการณ์ “สงครามฝิ่น” เป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมโทรมทั้งปวงในช่วงปลายราชวงศ์ชิง อันนำไปสู่การล่มสลายของบัลลังก์มังกรที่เคยผงาดอยู่เหนือแผ่นดินจีนมานับพันปี จากนั้นจึงนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อร้อยกว่าปีดังกล่าว เป็นช่วงที่จีนเผชิญการจลาจลภายในและภัยคุกคามจากกองทัพสมัยใหม่และเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายจากจักรวรรดินิยมตะวันตก แม้ผู้ปกครองจีนจะพยายามปรับตัวด้วยการ “ปฏิรูป” ในด้านต่างๆ แต่ในที่สุดก็นำไปสู่การที่ต้อง “เลือก” ระบบการปกครองที่เหมาะสมกับประเทศและยุคสมัยเสียใหม่ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ฉับพลันรุนแรงและกระแสการปฏิวัติทั่วโลก

ในห้วงรอยต่อดังกล่าว จีนพยายามจะสร้างสาธารณรัฐที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางการต่อสู้กับกลุ่มอำนาจเก่าที่เทิดทูนราชาธิปไตย ผ่านการปะทะของขั้วการเมืองทั้งโดยสันติและโดยกำลังทหาร กระทั่งนำไปสู่การลุกฮือของชนชั้นกรรมาชีพและการก่อกำเนิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เป็นผู้กำชัยเหนืออุดมการณ์ทั้งปวงเหนือแผ่นดินจีน

เนื้อหาในเล่ม 12 บท ปูพื้นตั้งแต่สงครามฝิ่น สู่ขบวนการไท่ผิงเทียนกั๋ว ขบวนการเรียนรู้วิทยาการตะวันตก วิกฤตชายแดนระหว่างจีนกับญี่ปุ่น การปฏิวัติซินไฮ่ การปกครองยุคขึ้นศึกเป่ยหยาง จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติประชาธิปไตยใหม่สู่การปฏิวัติประชาชนและสงครามกลางเมือง มาสิ้นสุดที่สงครามต่อต้านญี่ปุ่นของชนชาติจีน ทั้งหมดผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่ร้อยปี

ยุค “เปลี่ยนผ่าน” ของจีนนำไปสู่การสูญเสียอย่างมหาศาล แต่ก็ได้ให้บทเรียนและเครื่องเตือนใจมากมายแก่เราว่าจะต้องไม่เดินตามรอยอันนำไปสู่ความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ดังกล่าว

ส้มจากซิซิลี-เรื่องสั้นโนเบล ชุดที่ 23 สำนักพิมพ์นาคร ลุยจิ ปิรันเดลโล และคนอื่นๆ เขียน ทองสุก เกตุโรจน์ แปลและเรียบเรียง จำนวน 320 หน้า ราคา 260 บาท

รวมเรื่องสั้นคัดสรรของบรรดานักเขียนรางวัลโนเบล 14 เรื่อง 14 คน ที่เน้นนำเสนอความหลากหลายในกลวิธีการเล่าเรื่อง โครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก สารัตถะและความคิด ที่มีอรรถรสต่างกันไป ไล่มาตั้งแต่ ต้นส้มจากซิซิลี ของ ลุยจิ ปิรันเดลโล, เหมือนฝันร้าย ของ ไฮน์ริค เบิล, มาดาม เดอ ลูซี ของ อนาโทล ฟร็องซ์, หนูน้อยโทบราห์ ของ รัตยาร์ด คิปลิง, ฆาตกร ของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์, ปีศาจเฒ่า และ ศัตรู ของ เพิร์ล เอส บัค, คุณหนู ของ รพินทรนาถ ฐากูร, พ่อ ของ บียอร์นสเตียร์เน บียอร์นสัน, มัจจุราช ของ วฟาดีสฟาว์ เรย์มงต์, ผีหลอก ของ คนุต แฮมซุน, เนื้อคู่ ของ พอล ไฮย์เซอ, เหมืองเงิน ของ เซลมา ลอเทร์เลิฟ และ ก่อนถูกประหาร ของ ฌอง ปอล ซอร์ต

ดูชื่อชั้นแต่ละคนแล้ว รวมเรื่องสั้นชุดนี้จึงสมควรหามาอ่านโดยพลัน

การปฏิวัติที่ถูกตัดตอน สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ไทเรล ฮาเบอร์คอร์น ผู้เขียน เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว และ พงษ์เลิศ พงษ์วนานต์ แปล คำนำเสนอโดย ธงชัย วินิจจะกูล จำนวน 301 หน้า ราคา 350 บาท

หลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ดูเหมือนว่าขบวนการนักศึกษาประชาชนเป็นฝ่ายชนะที่สามารถขับไล่ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พันเอกณรงค์ กิตติขจร ผู้นำเผด็จการทหารพ้นประเทศไปได้ แต่ให้หลังเพียงปีเดียวทั้งผู้นำชาวนา นักศึกษา กรรมกรก็เริ่มถูกลอบเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด โดยเฉพาะผู้นำชาวนาในภาคเหนือถูกลอบยิงล้มตายหลายสิบคน ก่อนนำไปสู่การล้อมปราบครั้งใหญ่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวงในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และชาวนาจำนวนมากเข้าป่าจับปืนสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

หนังสือเล่มนี้ซึ่งดัดแปลงจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก มหาวิทยาลัยคอร์แนล ของผู้เขียน ได้นำพาชิ้นส่วนภาพและเสียงของการต่อสู้ของขบวนการชาวนาในภาคเหนืออันเป็นกำลังหลักในสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยในฐานะ “ตัวแสดงหลัก” ในการต่อสู้เรื่องค่าเช่านาโดยใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ในการต่อสู้กับรัฐและเจ้าที่ดินซึ่งผู้เขียนตีความว่าเป็นเสมือน “การปฏิวัติ” ที่ก่อรูปขึ้นโดยชาวนาเอง ในที่สุดนำมาซึ่งการลอบเข่นฆ่าเพื่อ “ตัดตอน” การปฏิวัตินี้ โดยที่ผู้ลงมือยังคงลอยนวลพ้นผิดมาจนทุกวันนี้

ยิ่งปัจจุบันเมื่อสังคมขับเคลื่อนคลี่คลาย ชาวนาไม่ได้มีอาชีพหรือมีรายได้จากการทำนาเพียงอย่างเดียว หากแต่ยืดหยุ่นปรับตัวแสวงหาอาชีพอื่นมาเสริมจนกลายเป็นชนชั้นกลางระดับล่างและร่วมเป็นกำลังสำคัญในขบวนการต่อสู้ของเสื้อแดงเพื่อเรียกร้องการเลือกตั้ง แต่ก็ถูกปราบปรามเข่นฆ่าในปี 2553 ในที่สุด การเมืองเรื่องข้าวและชาวนาจึงมีความสำคัญต่อรัฐบาลทุกยุคสมัย แต่ที่น่าสนใจภายใต้แนวคิดนี้คือ ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยห้วงนี้ “การปฏิวัติ” ของมวลชนชาวนาจะฟื้นคืนมาได้หรือไม่ ในลักษณะใด และจะพบเจอกับการตอบโต้ด้วยอำนาจดิบเถื่อนอีกหรือไม่

ในคำนำเสนอ ธงชัย วินิจจะกูล กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ไทเรล ฮาเบอร์คอร์น แสดงให้เห็นว่าเหตุใดชาวนาและนักศึกษาจึงลุกขึ้นมาท้าทาย ทำไมพวกเขาจึงถูกปิดปาก และทำไมจึงมีการลอบสังหารและกักขังตามอำเภอใจ หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงให้ปากเสียงแก่ผู้ถูกปิดปากเท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามสำคัญต่อสังคมไทยและประวัติศาสตร์ไทยอีกด้วย”

พ่อมดพ่าย (ชุดสายเลือดปีศาจ เล่ม 3) สำนักพิมพ์ NANMEEBOOKS ผู้เขียน Sally Green ผู้แปล พลอย โจนส์ จำนวน 280 หน้า ราคา 235 บาท

ผลงานนักเขียนหน้าใหม่ที่ทำลายสถิติ ขายลิขสิทธิ์การแปลได้มากที่สุดในโลกตั้งแต่ก่อนตีพิมพ์

นาทาน เบิร์น กำลังหลบหนีอีกครั้งเมื่อฮันเตอร์ฝ่ายขาวเร่งมือไล่ล่า ไม่มีพ่อมดแม่มดดำคนไหนปลอดภัย ไม่ว่าบนแผ่นดินไหน พลังของนาทานแข็งแกร่งยิ่งกว่าเคย แต่เรื่องร้ายที่รุมเร้าทำให้จิตใจเขายิ่งสับสนปั่นป่วน

เพื่อให้เหล่าพันธมิตรชนะการต่อสู้ นาทานต้องกลายเป็นอาวุธชิ้นสำคัญ และเพื่อปกป้องสังคมที่เกลียดชังเขา นาทานอาจต้องยอมเสียสละทุกสิ่งและทุกคนที่เขารัก…นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา พ่อมดสองสายเลือด

.

คํา คม คิด

“มนุษย์คนเดิมคนเดียวกันนี้ เมื่ออยู่ในช่วงวัยแต่ละช่วง ภายใต้สถานการณ์แต่ละอย่าง ก็ถือเป็นมนุษย์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางครั้งเหมือนปีศาจ บางครั้งเหมือนนักบุญ แต่ชื่อของเขาไม่เปลี่ยน เราฝากฝังทุกอย่างทั้งดีทั้งชั่วไว้ในชื่อนั้น”

จาก The Gulag Archipelago ของ อเล็กซานเดอร์ ซอลเซนิตซิน นักเขียนรางวัลโนเบลชาวรัสเซีย