เหตุใดภาพจำ ‘มนุษย์ต่างดาว’ คือ หัวโต ตาโต แขนขายาว? | บัญชา ธนบุญสมบัติ

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติhttps://www.facebook.com/buncha2509

ประเด็นมนุษย์ต่างดาว หรือเอเลี่ยน มักจะผุดขึ้นมาให้ฮือฮากันเป็นระยะ

แม้ว่าหนังไซไฟทั้งหลายอาจให้ภาพที่แตกต่างกันไป แต่ “ภาพจำ” มนุษย์ต่างดาวที่ติดตาคนทั่วโลกมักดูคล้ายมนุษย์ แต่หัวล้านกลมโต ตารูปไข่ แขนขายาว ตัวเล็กผอม นิ้วยาวเรียว ผิวไม่เขียวก็เทา

ลักษณะแบบนี้ฝรั่งเรียกว่า Little Green Men (กรณีสีเขียว) หรือ Little Gray Men (กรณีสีเทา)

คำถามก็คือ เหตุใดลักษณะมนุษย์ต่างดาวเช่นนี้จึงกลายเป็นภาพจำไปได้?

ภาพจำของมนุษย์ต่างดาว
ที่มา > https://en.wikipedia.org/wiki/Little_green_men

รากลึกที่สุดคือ ตำนาน ‘เด็กน้อยตัวเขียวแห่งวูลพิต’ หรือ Green Children of Woolpit ตำนานกล่าวถึงเหตุการณ์ที่หมู่บ้านวูลพิตในเทศมณฑลซัฟโฟล์กในอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 12 กล่าวคือ มีเด็กชายและเด็กหญิงถูกพบโดยเกษตรกรในช่วงที่พวกเขากำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เด็กทั้งคู่น่าจะเป็นพี่น้องกัน

จุดที่น่าแปลกใจคือ ทั้งคู่พูดภาษาที่ชาวบ้านไม่เข้าใจ สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่แตกต่างจากปกติ ที่สำคัญคือ ทั้งคู่มีผิวสีเขียว!

เด็กน้อยได้รับการดูแลโดยเจ้าของที่ดินในแถบนั้น แม้ว่าจะหิวแต่ตอนแรกทั้งคู่ไม่ยอมกินอะไรเลย จนกระทั่งชาวบ้านได้นำถั่วสดๆ มาให้ ทั้งคู่จึงเริ่มกินและกินต่อเนื่องนานนับเดือน แต่ในที่สุดผู้ดูแลก็ชักชวนให้เด็กน้อยกินอาหารปกติได้

ต่อมาเด็กชายป่วยและเสียชีวิต ส่วนเด็กหญิงมีสุขภาพดีขึ้นและมีสีผิวเป็นปกติ ไม่กี่ปีต่อมาเธอพูดภาษาอังกฤษได้และได้ชื่อว่าแอกเนส

แอกเนสเล่าว่า เธอและพี่ชายมาจากดินแดนใต้ดินอันแปลกประหลาด ที่นั่นไม่มีดวงอาทิตย์ มีแต่แสงสนธยาชั่วนิรันดร์ ผู้คนมีผิวสีเขียว

เธอเล่าต่อว่า เธอกับพี่ชายกำลังดูแลฝูงสัตว์ของพ่อ ต่อมาเจอถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อเข้าไปก็หลงทางอยู่ในความมืดมิดเป็นเวลานาน ต่อมาได้ยินเสียงระฆังและตามเสียงนั้นไป จนออกมาอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำ และรู้สึกตื่นตระหนกกับแสงอาทิตย์เจิดจ้า

ในตอนนั้นเองที่เธอและพี่ชายถูกพบโดยชาวบ้าน

เด็กน้อยตัวเขียวแห่งวูลพิต
ที่มา > https://www.historic-uk.com/CultureUK/The-Green-Children-of-Woolpit/

คําอธิบายที่ยอมรับกันในปัจจุบันคือ เด็กน้อยทั้งสองเป็นลูกหลานของผู้อพยพชาวเฟลมิช ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในแถบฟลานเดอร์สของเบลเยียมในปัจจุบัน พวกเขาพูดภาษาเฟลมิชซึ่งเป็นภาษาถิ่นแบบหนึ่งของภาษาดัตช์ คนอังกฤษจึงไม่เข้าใจ ส่วนผิวสีเขียวอาจเกิดจากการภาวะทุพโภชนาการนั่นเอง

เรื่องราวแนว ‘เด็กน้อยตัวเขียวแห่งวูลพิต’ ได้สืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยคติความเชื่อของผู้คนได้เปลี่ยนจากการเชื่อผีสางโชคลางมาเป็นแนวสมัยใหม่ จึงกลายเป็นว่า “คนตัวเล็กสีเขียว” ได้กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวผู้มีเทคโนโลยีสูงส่งไปโดยปริยาย

สารานุกรมนิยายวิทยาศาสตร์ระบุว่า คำว่า “little green men” ปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์ครั้งแรกในเรื่อง “Maya’s Little Green Men” เขียนโดย ฮาโรลด์ ลอว์เลอร์ ใน ค.ศ.1940

อย่างไรก็ดี มีเหตุการณ์ 2 กรณีที่ตอกย้ำภาพจำ “Little Green Men” และทำให้คำคำนี้ฮอตฮิตติดลมบนจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การเผชิญหน้าเคลลี-ฮอปกินส์วิลล์ และ การลักพาตัวเบ็ตตี้และบาร์นี ฮิลล์

ลักษณะของ “คนตัวเล็ก” จากคำบรรยายของบิลลี เรย์ เทย์เลอร์
ที่มา > เอกสาร Close Encounter at Kelly and Others of 1955 หน้า 48

กรณีแรก คือ การเผชิญหน้าเคลลี-ฮอปกินส์วิลล์ (Kelly-Hopkinsville Encounter) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1955 ฟาร์มซัททัน ในชุมชนเคลลี รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา ฟาร์มแห่งนี้เป็นของครอบครัวซัททัน อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งไม่มีน้ำประปา ไม่มีโทรศัพท์ วิทยุ หรือโทรทัศน์

ช่วงหนึ่งเพื่อนของลักกี้ ซัททัน ชื่อ บิลลี เรย์ เทย์เลอร์ จากรัฐเพนซิลเวเนีย ได้มาพำนักอยู่ด้วย วันที่เกิดเหตุการณ์ ราว 1 ทุ่ม ระหว่างที่บิลลีตักน้ำที่บ่อในสวนหลังบ้าน เขาเห็น “วัตถุสีเงิน” บินมาอย่างเงียบๆ เหนือบ้านแล้วหยุดกลางอากาศ จากนั้นก็ลงจอดบนพื้น

ด้วยความตกใจ เขารีบวิ่งเข้าบ้านเพื่อบอกครอบครัวซัททัน แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ แถมต่างพากันหัวเราะ

ราว 1 ชั่วโมงถัดมา สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็เห่าไม่หยุด ลักกีและบิลลีออกไปดูทางประตูหลังบ้าน ในความมืดนั้นพวกเขาเห็นสัตว์รูปร่างคล้ายคนขนาดเล็ก สูงราว 3 ฟุตครึ่ง ศีรษะใหญ่ ดวงตากลมโตสีเหลืองสุกสว่าง แขนยาวมากจนเกือบแตะพื้นดิน และปลายแขนมีกรงเล็บ ร่างกายดูแวววับน่าขนลุกเมื่อต้องแสงราวกับว่าผิวของมันเป็น “โลหะเงิน”

เมื่อถูกปืนยิงใส่ สัตว์ตัวนี้กลับไม่เป็นไร แถมพลิกยันตัวขึ้น แล้วหลบไปได้อีกต่างหาก!

ครอบครัวซัททันหลบอยู่ในบ้านจนถึง 5 ทุ่ม จึงตัดสินใจขับรถไปที่สถานีตำรวจฮอปกินส์วิลล์ จากนั้นทีมตำรวจและช่างภาพหนังสือพิมพ์ก็ตรงไปยังสถานที่เกิดเหตุ วันต่อมาทั้งวิทยุและหนังสือพิมพ์ (รวมทั้ง New York Times) ก็นำเสนอข่าว ในที่สุดข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วโลก ครอบครัวซัททันโด่งดังในชั่วข้ามคืน

หลังจากเหตุการณ์นี้ ปรากฏว่ามีรายงานการเผชิญหน้า “คนตัวเล็กๆ” ผุดขึ้นที่โน่นบ้างที่นี่บ้างทั่วอเมริกา!

มีการจัดทำรายงานชื่อ Close Encounter at Kelly and Others of 1955 ละเอียดยิบถึง 200 หน้า เขียนโดย Isabel Davis และ Ted Bloecher ตีพิมพ์โดย Center for UFO Studies ปี 1978

คำอธิบายที่ยอมรับกันมากที่สุดคือ จริงๆ แล้วพวกเขาเจอนกเค้าหงอนใหญ่ (great horned owl หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Bubo virginianus) ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงสิ่งที่พวกเขาบรรยายไว้

กรณีนี้ยังทำให้ชุมชนเคลลีฉลองวันครบรอบเหตุการณ์ทุกๆ สัปดาห์ที่สามของเดือนสิงหาคม เรียกว่า Kelly Little Green Men Days Festival (มีเว็บ ลองค้นดูได้) แถมยังมีโปเกมอนชื่อ Sableye ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “คนตัวเล็ก” อีกต่างหาก

โปเกมอนชื่อ Sableye
ที่มา > https://www.pngitem.com/middle/hxRmbmh_sableye-official-art-hd-png-download/

อีกกรณีหนึ่งที่ตอกย้ำภาพจำมนุษย์ต่างดาว คือ การลักพาตัวเบ็ตตี้และบาร์นี ฮิลล์ (Betty and Barney Hill Abduction) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 กันยายน ค.ศ.1961 ซึ่งเบ็ตตี้และบาร์นี ฮิลล์ คู่สามีภรรยากำลังขับรถกลับบ้าน ราว 4 ทุ่มครึ่ง เบ็ตตี้อ้างว่าเห็นแสงประหลาดอยู่ไกลๆ และเมื่อจอดรถ บาร์นีใช้กล้องส่องทางไกลมองเห็นจานบิน

จากนั้น…ความทรงจำของทั้งคู่ก็หายไป 2 ชั่วโมง!

ทั้งคู่ยังรายงานว่ามีรอยถลอกบนผิวหนัง และเสื้อผ้ามีรอยขาด ต่อมาเบ็ตตี้ก็เริ่มฝันประหลาดว่าถูกจับตัวไปโดยเอเลี่ยน เธอบอกว่าช่วงเวลาที่หายไปนั้น ทั้งคู่เจอเอเลี่ยนสีเทาซึ่งค่อนข้างเป็นมิตร เอเลี่ยนพาพวกเขาขึ้นยานอวกาศ เพื่อไปตรวจสภาพร่างกาย

ทว่า บาร์นีไม่ได้ฝันเช่นนั้น สองปีผ่านไป เบ็ตตี้ได้ชวนให้บาร์นีไปรับการสะกดจิตเพื่อดึงความทรงจำกลับคืนมา แล้วบาร์นีก็เริ่มจำเหตุการณ์ได้ แต่ ดร.เบนจามิน ไซมอน จิตแพทย์ผู้ทำการสะกดจิต สรุปว่าแม้ว่าทั้งคู่จะตอบคำถามอย่างจริงใจ แต่การสะกดจิตเพื่อดึงความจำออกมานั้น มักทำให้ผู้ถูกสะกดจิตสร้างความทรงจำที่ผิดเพี้ยนขึ้นมาได้ คุณหมอเชื่อว่าความทรงจำของทั้งคู่ไม่ได้มาจากเหตุการณ์จริง

เช่นเคย…เมื่อข่าวการลักพาตัวโดยเอเลียนแพร่สะพัดออกไป ก็ทำให้เกิดกรณีลักพาตัวในทำนองเดียวกันตามมาเช่นกัน!

เรื่องราวของ ‘เด็กน้อยตัวเขียวแห่งวูลพิต’ รวมทั้งกรณีการเผชิญหน้ากับ ‘มนุษย์ต่างดาว’ ทั้งสองกรณีนี้เองที่ทำให้เกิดภาพจำ Little Green/Gray Men อันติดตาผู้คนทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน และ…คงจะยาวนานต่อไปในอนาคต!