ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังลับแลมีอรุณรุ่ง |
ผู้เขียน | ธงทอง จันทรางศุ |
เผยแพร่ |
ทุกวันนี้มีคนมากดกริ่งส่งของที่บ้านผมแทบไม่เว้นวัน
นอกจากมาส่งอาหารตามที่เราสั่งซื้อแล้ว ยังมีของอีกสองอย่างเป็นสินค้าขายออนไลน์ที่บ้านผมเป็นลูกค้าอยู่สม่ำเสมอ
อย่างแรกคือ หนังสือเก่าหรือหนังสือมือสอง ซึ่งผมเลือกซื้อจากเพจต่างๆ ใน Facebook ที่ผมเป็นผู้ติดตาม
การซื้อหนังสือแบบนี้มีทั้งซื้อผิดซื้อถูก บางเล่มซื้อแล้วพอได้หนังสือมาอยู่ในมือก็ดีใจเหมือนได้แก้ว เพราะถูกใจถูกจริต แถมราคาก็ยังสมเหตุสมผล
แต่บางคราวได้มาแล้วก็หงุดหงิดอยู่ไม่ใช่น้อย รู้สึกว่าตัวเองใจเร็วด่วนได้ สั่งซื้อมาทำไมก็ไม่รู้ เพราะอ่านแล้วไม่เห็นสนุกคุ้มค่าเลย
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องปลอบใจตัวเองว่า จงนึกเสียว่าเสียค่าหน่วยกิตลงทะเบียนเรียน “วิชาการเลือกซื้อหนังสือ” เผื่อว่าคราวหน้าจะฉลาดขึ้นบ้าง
แต่แล้วก็ตกเป็นเหยื่อเขาอีกครั้งแล้วครั้งเล่าเสมอไป ฮา!
เรื่องการซื้อหนังสือของผมนี่พอกันกับการซื้อของออนไลน์อย่างที่สองของบ้านผม นั่นคือ การเช่าพระของน้องชายของผมซึ่งอยู่บ้านเดียวกัน เพราะรายนี้ก็เป็นสมาชิกเช่าพระจากแหล่งต่างๆ ออนไลน์อยู่เสมอ
เวลามีคนมาส่งของที่หน้าบ้าน ลักษณะหีบห่อหน้าตาเป็นพระเครื่ององค์ใดองค์หนึ่งหรือหลายองค์ ผมก็มักถามพลางกระเซ้าเย้าแหย่เสมอว่า “วันนี้ซื้อพระปลอมอีกแล้วหรือ”
เจ้าบรรดาสื่อออนไลน์ทั้งหลายนี้ก็ร้ายกาจนัก พอรู้ว่าเราสนใจอะไรเข้าหน่อยก็หาสินค้ามาประเคนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัวอย่างเช่น บรรดาเพจขายหนังสือมือสอง หรือเพจขายพระเครื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังที่กล่าวมาแล้ว หรือถ้าเกิดวันใดผมสนใจไปคลิกดูโปรแกรมท่องเที่ยวต่างประเทศขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง คราวนี้ล่ะครับ มากันหมดทุกทัวร์เลย
นี่กำลังอยากไปจอร์เจียอยู่เหมือนกัน แหะ แหะ
คราวนี้ชีวิตวันหนึ่งของผมก็หมดไปโดยเร็วไว ถ้าไม่ซื้อหนังสือก็ดูโปรแกรมทัวร์ล่ะครับ
ถ้าผมหลอกตัวเองหรือบอกตัวเองสักนิดว่า โลกนี้เป็นปกติสุขดีอยู่ เพราะคนขายหนังสือมือสองก็ยังขายหนังสือได้เพราะมีคนซื้อหนังสืออย่างผม ทัวร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ยังไปท่องเที่ยวกันอยู่ครึกครื้น เพราะมีลูกทัวร์อุดหนุนอยู่เสมอ
คิดแบบนี้ก็สบายใจดีเป็นบ้า
ทำให้ลืมเรื่องสงครามยูเครนกับรัสเซียที่รบกันมาครบหนึ่งปีแล้ว
ทำให้ลืมเรื่องสนามเลือกตั้งที่ลุงตู่กับลุงป้อมกำลังเดินสายแข่งกันจ้าละหวั่น
ทำให้ไม่ต้องห่วงคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าจะทำอะไรเข้าท่าหรือไม่เข้าท่า
ทำให้ไม่ต้องคิดเรื่องธุรกิจทุนจีนสีเทา
ทำให้ไม่ต้องห่วงกังวลว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเราพึ่งพาได้จริงหรือไม่
และทำให้ไม่ต้องคิดปวดสมองว่าคนยากคนจนจะเอาอะไรกินมื้อหน้า
ผมพบว่า ในชีวิตจริงของเพื่อนมนุษย์จำนวนหนึ่งมีความสุขกับการรับรู้ข้อมูลเพียงเท่าที่อยากรับรู้ และจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม คู่ขนานกันไปนั้นเอง เพื่อนมนุษย์จำนวนดังกล่าวก็ลดช่องทางหรือปิดกั้นช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่อยากได้ยินได้ฟังลงไปเรื่อยๆ
จะไปลำบากอะไรล่ะครับ ถ้าผมใช้วงจรชีวิตที่เป็นปกติสุขของผม ขับรถออกจากบ้านตอนสายเพื่อไปกินข้าวมื้อกลางวันกับเพื่อน ช้อปปิ้งเสียหน่อย ทำผมทำเล็บ ตัดเสื้อ ซื้อของประเดี๋ยวเดียวก็หมดเวลาช่วงบ่ายแล้ว
ตกเย็นออกจากบ้านไปดินเนอร์อีกรอบหนึ่ง สมัยนี้อาหารที่เป็น Fine Dining ก็มีถมไป หรือจะกินโอมากาเสะก็ไม่เลว ชีวิตจะได้ไม่ซ้ำซากจำเจ
ทำแบบนี้แล้วก็หมดเวลาที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ หมดเวลาที่จะดูข่าวไม่ว่าจะเป็นข่าวโทรทัศน์หรือข่าวออนไลน์ไปโดยปริยาย
ความทุกข์ยากและปัญหาปวดหัวที่มีอยู่ในประเทศไทยและมีอยู่ในโลกย่อมไม่อาจเยื้องกรายเข้ามาแผ้วพานผมได้ด้วยประการฉะนี้
แต่ฟังให้ดีนะครับ
ผมไม่ได้หมายความว่าท่านที่ใช้วิถีชีวิตอย่างนั้นเป็นประจำทุกวัน ทุกท่านจะไม่สามารถรับรู้และเข้าใจปัญหาหรือความทุกข์ยากบรรดามีที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมรอบข้างได้เสมอไป
เพราะท่านที่ชีวิตดี มีความสุข แต่มีหูตาและหัวใจที่เปิดกว้างเห็นความเป็นจริงของโลกและสรรพสิ่งที่เป็นไปก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย และหลายท่านก็มีบทบาทในการที่จะทำงานหรือทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้โลกนี้ดีขึ้นด้วย
การไม่หลอกตัวเองหรือการไม่หลงเชื่อเฉพาะแต่เพียงข้อมูลที่แวดล้อมตัวเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากวงสนทนามื้อกลางวันมื้อค่ำ ข้อมูลขายของออนไลน์ และอีกสารพัดข้อมูลที่มีทั้งความจริงความปลอมปะปนกันอยู่ จึงมีความสำคัญมากที่จะทำให้เราเห็นความเป็นจริงได้อย่างตรงไปตรงมา
เรื่องที่พูดมาหลายบรรทัดข้างต้น ถ้าเป็นสามัญธรรมดามนุษย์ที่ไม่มีความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ
ไม่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
แม้ท่านเหล่านั้นจะไม่ขวนขวายเพื่อตระหนักรับรู้ปัญหาของโลก ปัญหาของเมืองไทยหรือปัญหาของสังคมไทย ก็ไม่เป็นการผิดร้ายแต่อย่างใด
ท่านเหล่านั้นมีสิทธิชอบธรรมที่จะใช้ชีวิตตามใจปรารถนาโดยไม่ต้องไปแบกรับชีวิตของคนอื่น เพราะท่านไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอะไรนี่ครับ
แต่สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาสาหรือวิ่งเต้นหรือไปขโมยอำนาจวาสนามาจากที่ไหนก็แล้วแต่เพื่อเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้บริหารประเทศ การเลือกรับข้อมูลข่าวสารแต่เฉพาะชุดของข้อมูลที่ถูกจริตถูกใจของตัวเอง พร้อมกับการปิดกั้นและไม่ยอมรับความจริงนอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองชอบ
ผมเห็นว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำหน้าที่ของท่านอย่างแน่นอน
ใครบางคนเห็นว่ากระบวนการการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในเมืองไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมแล้ว ผู้ที่ด้อยในทางเศรษฐฐานะได้รับการดูแลอย่างเพียงพอแล้ว การศึกษาบ้านเราได้ก้าวเดินมาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว หรืออะไรอีกร้อยแปดพันเก้าประการก็ดีไปหมดในทำนองนี้
ที่มีปัญหาโวยวายกันอยู่ (นิดหน่อย) ก็เพราะประชาชนนั่นเองไม่มีคุณภาพ เอะอะก็มาเรียกร้องให้รัฐบาลต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ น่ารำคาญจริง
ใครนึกอย่างนี้ ใครคนนั้นก็ไม่ควรมาลงสนามเลือกตั้ง ไม่ควรอยากเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะท่าทีของความคิดอย่างที่ว่ามานั้น ย่อมทำให้หมดแรงหมดไฟที่จะทำงานขับเคลื่อนแก้ปัญหาของประเทศ
ในเมื่อทุกอย่างดีหมดแล้วจะต้องทำอะไรอีกหรือ
ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วนอกจากซื้อหนังสือมือสองแบบผมหรือซื้อพระปลอมแบบน้องชายของผมต่อไป
หลายท่านถ้าไม่ต้องบริหารราชการแผ่นดินแล้ว มากดปุ่มออนไลน์ซื้อหนังสือแข่งกับผมไหมครับ
โดนป้ายยาเข้าสักเล่มสองเล่มแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน เงินออกจากกระเป๋าไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022