หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๖)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๖)

 

๑สิ่งหนึ่งที่ฉันหวาดกลัวอย่างยิ่ง คือ

กฎหมายต่างดาว

เพราะหากมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่างดาว พวกเขาก็ต้องมีกฎหมายของพวกเขา กฎหมายนี้มีชื่อว่า กฎหมายมนุษย์ต่างดาว

ฉันคิดว่าน่ากลัว เพราะทุกวันนี้ ขนาดกฎหมายต่างชาติที่แตกต่างกัน ยังชวนให้ทะเลาะ ขัดแย้ง งุนงง และฉันต้องเรียนรู้ หากอยากอยู่ในสังคมของพวกเขา

แต่กฎหมายต่างดาว ย่อมแตกต่างกับเราอย่างมหาศาล เป็นช่องว่างใหญ่ที่ยากจะบรรจบกันได้ ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่มีความยุติธรรม เพียงแต่ความยุติธรรมของพวกเขา อาจแตกต่างจากเรา สิ่งที่พวกเขาเห็นคุณค่า อาจไม่เหมือนเรา

การคาดเดาไม่ได้นี่เอง ที่น่าสะพรึงกลัว

 

ชีวิตที่มีสติปัญญาต่างดาว ถ้ามีอยู่จริง มีความเป็นไปได้สามทางเท่านั้น หากเทียบกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ คือ จิตใจของพวกเขา

ก ดีกว่า

ข พอๆ กัน

ค เลวกว่า

การที่มนุษย์ช่างไร้เดียงสา ฝันหวาน อยากเจอมนุษย์ต่างดาว เราต้องคิดก่อนว่า พวกเขาเป็นกลุ่มไหน ความเป็นไปได้ จะคืออะไร หากเราคิดว่า หากสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่างดาว มีความเจริญมาก อารยธรรมของพวกเขาสูงส่ง เทคโนโลยี พัฒนาไปไกล จิตใจของพวกเขาก็ต้องสูงส่งตาม เท่ากับเรามองจักรวาลนี้อย่างไร้เดียงสา คิดง่ายๆ มนุษย์เราเองก็ไม่ได้ดีเด่นพิเศษตรงไหน แม้เทคโนโลยีของเราจะพัฒนาสูงขึ้น แต่จิตใจของพวกเราก็ไม่ได้สูงขึ้นตาม เราก็ยังคงเป็นชีวิตกลางๆ

หากคำตอบชีวิตมนุษย์ต่างดาว เป็นกลุ่ม ก ก็โชคดีไป

แต่หากพวกเขาเป็นกลุ่ม ข หรือ ค เท่ากับเราหาเรื่อง การพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว เท่ากับเรากำลังพยายามฆ่าตัวตาย

การพยายามเสาะแสวงหามนุษย์ต่างดาว จึงเป็นความไร้เดียงสาระดับสูงสุด และอันตรายยวดยิ่ง

คิดในแง่คลื่นแห่งความน่าจะเป็น ฉันว่าโอกาสที่จะเป็นร้าย มีสูงกว่า โอกาสที่เป็น ข กับ ค รวมกัน สูงกว่า ที่จะเป็น ก และแม้แต่ใน ก เอง ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นในแบบที่เราคิด

มันอาจเป็น ก ในแบบที่เราคิดไม่ถึง

 

อาการยิ้มแป้น ร่าเริง ฝันหวาน สิ่งเหล่านี้ น่ากลัวยิ่งนัก แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน

อะไรทำให้เราไปเกิดศรัทธาแบบนั้น มันคงมีที่มา นี้คือความงมงายในศาสนา ที่ยังเหลือร่องรอย ขัดไม่ออก

ขนาดเราไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว ก็ยังเหลือศรัทธาในมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเรายังไม่เคยเจอ คิดเอง เออเอง

เราเอาความคิดฝัน หรืออุดมคติของเราเป็นตัวกำหนด

เราเป็นเหยื่อความคิดของตัวเราเอง

เราหลงใหลในมนุษย์ต่างดาว เหมือนที่เราเคยหลงใหลในพระเจ้า

สิ่งที่ควรทำ คือเราต้องวางใจเป็นกลาง ต้องระมัดระวัง และคำนวณค่า คลื่นแห่งความน่าจะเป็น เราต้องพัฒนาตัวเราให้ดีที่สุด ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการออกอวกาศ ในการจะสมาคมกับชีวิตต่างดาว หากเจอกัน ดังนั้น อันตรายสูงสุดในการออกอวกาศ ก็คือการเจอมนุษย์ต่างดาวนี่เอง อันตรายยิ่งกว่าปัญหาเทหวัตถุใดๆ อย่าลืม

ด้วยเรามีเบสิกไม่เหมือนกัน

เรามีดวงดาวไม่เหมือนกัน

เรามีกฎหมายไม่เหมือนกัน

 

หากเราเจอชีวิตต่างดาวในอวกาศ การตัดสินว่า เราเหมือนกันหรือไม่ เราคงไม่มาตัดสินกันในความรู้ทางฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ฯลฯ

ด้วยเพราะความรู้เหล่านี้ ต่อให้ตัวเราต่างกัน ความรู้เหล่านี้ควรเหมือนกัน แต่ตัวกำหนดจริงๆ น่าจะเป็น

กฎหมาย

บทกวี

กฎหมายสะท้อนจิต และหลักการ อุดมการณ์

กวีสะท้อนจิต ในแง่อารมณ์ ความคิดฝัน

เพราะชีวิตต่างดาวที่มีบทกวี ชื่นชมบทกวีได้ แสดงว่า พวกเขาต้องมาจากดาวเคราะห์ที่อุดมสมบูรณ์ เปี่ยมด้วยสายนทีเช่นเดียวกับเรา

หากมนุษย์ต่างดาวมีกฎหมายที่เรารับได้ แสดงว่าเราไปด้วยกันได้

หากมนุษย์ต่างดาวมีบทกวี ที่เราซาบซึ้งใจได้ แสดงว่า เราคบกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

๑๐

มีแต่บทกวีเท่านั้น ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวโลก

วันนี้มันอาจไม่ค่อยมีค่าเท่าไร เราอาจคุ้นเคยกับมันจนไม่เห็นคุณค่า หรือเราอาจตื่นเต้นกับวิทยาศาสตร์ จนมองข้ามมันไป แต่ในความเวิ้งว้างของจักรวาลหากมีใครท่องบทกวี

ทันใดนั้น เราก็สัมผัสได้ถึงความเป็นดาวเคราะห์โลก เอกลักษณ์ข้อนี้ มีเฉพาะในดวงดาวแบบนี้เท่านั้น

ในความเวิ้งว้างของจักรวาล เสียงดนตรีคลาสสิค มีคุณค่ายิ่งนัก และในทำนองเดียวกัน บทกวีก็มีคุณค่าเหลือเกิน

 

๑๑

ฉันประทับใจ สมัยก่อน ในยุคกรีก เวลาชาวกรีกรบกับต่างชาติ หากมีเรือลอยลำเข้ามาที่ด่านในยามราตรี ซึ่งมืดสนิท พวกเขาจะถามเป็นบทกวีโฮเมอร์ หากฝ่ายตรงข้ามสามารถโต้ตอบได้ ท่องบทกวีได้ แสดงว่าเป็นกรีกเหมือนกันแน่นอน เพราะยุคนั้น ชาวกรีกทุกคนจะรู้จักบทกวีของโฮเมอร์ แม้ในความมืดจะมองไม่เห็นหน้า ก็เชื่อได้ ปล่อยให้ผ่านประตูด่าน หากเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาจะฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ และไม่สามารถโต้ตอบได้ แสดงว่านี้คือเรือของศัตรู

๑๒

หากอยากรู้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวนั้น มาจากดาวเคราะห์ที่มีสภาพเป็นอย่างไร ก็ทดสอบได้ ด้วยการอ่านบทกวี ให้พวกเขาฟัง และลองฟังบทกวีของพวกเขาย้อนกลับ มันจะเปิดเผยจิตวิญญาณของพวกเขาออกมา

หากพวกเขาแตกต่าง ไม่ได้แปลว่า ดวงดาวของพวกเขาไม่ดี แต่แสดงว่า พวกเขาไม่ได้มีดาวเคราะห์เหมือนเรา ไม่ได้มีสายน้ำ ป่าเขา

เช่นเดียวกับเรา อาจบางที กฎหมายของพวกเขา จะเป็นสิ่งที่เราไม่มีวันเข้าใจได้เลย