คำยืนยันจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ว่าพร้อมจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่งพรรคพลังประชารัฐ

อาจสร้างความแปลกใจและถึงกับไม่พอใจให้กับคนจำนวนหนึ่งในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้

นั่นจึงเท่ากับสะท้อนและยืนยันท่าทีที่ปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยอมรับบนฐานความเชื่อที่แยก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาต่างหาก

เป็นความเชื่อที่แม้จะวางบนฐานแห่งการทำรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็มองว่าเป็นบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

เป็นความเชื่ออันสอดรับกับคำยืนยันหลายกรรมหลายวาระของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ว่าเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เกี่ยวกับตนเอง

ความน่าตื่นตระหนกอยู่ที่เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันเช่นนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็ให้ความเชื่อมั่นอย่างสนิทใจและมิได้ลังเลที่จะเข้าร่วมงานทางการเมือง

ท่าที พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส คือ สัญญาณสำคัญ

 

สัญญาณนี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงแนวโน้มและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง นั่นก็คือ แนวโน้มที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเป็นตัวหลักในทางการเมือง

นั่นก็คือ แนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องยุติบท บาทบนฐานแห่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29

สัญญาณเช่นนี้ได้ส่งออกมาเป็นลำดับอย่างเป็นระบบอย่างเป็นกระบวนการ แม้จะดำรงอยู่ในแนวทาง”ลับ ลวง พราง” แต่สัง คมก็เริ่มเห็นอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

หากมองจากรากฐานแห่งความเป็นนักเรียนเตรียมทหาร นี่คือสัญญาณแห่งการปรับเปลี่ยนทิศทาง เท่ากับเป็นการสลับตัวละครเพียงแต่จะราบรื่นหรือว่ามากด้วยอุปสรรคปัญหา

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส ที่ไต่ทะยานไปอยู่ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย่อมจับ”สัญญาณ”ได้เป็นอย่างดี

 

หากเริ่มต้นจากความจัดเจนต่อเส้นทางการเมืองแบบไทย-ไทย กระบวนการเช่นนี้มิได้เป็นของแปลกใหม่ สัมผัสได้ตั้งแต่ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาแล้วว่าเป็นอย่างไร

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าสังคมการเมืองไทยก็มีปัจจัยใหม่

ไม่เพียงเป็นปัจจัยของพรรคไทยรักไทยในยุครัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 หากแต่ยังเป็นปัจจัยของพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลในยุครัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

ปัจจัยจากพรรคเพื่อไทย ปัจจัยจากพรรคก้าวไกลจึงอาจเป็นอีก”ตัวแปร”ในระดับที่แน่นอนหนึ่งทางการเมือง