เปิดปมตำรวจฉาวอีก! สารวัตรซัว-นายพล จ. ชูวิทย์แฉเอี่ยวเว็บพนัน ผบ.ตร.เต้น-สั่งเร่งสอบ

ไม่แผ่วเลยจริงๆ สำหรับเรื่องราวฉาวโฉ่ในแวดวงสีกากี ที่ถูกกระหน่ำจนภาพลักษณ์ติดลบ ตั้งแต่เรื่องทุนจีนสีเทา การเปิดบริการดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบวีไอพี ทั้งเรื่องการผ่านด่าน ตม.แบบรวดเร็ว รถนำขบวนที่ยิ่งใหญ่หรูหรา

มาถึงเรื่องตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน ที่ตอนแรกก็เสียงแข็งปฏิเสธ สุดท้ายก็จำนนต่อหลักฐาน ยอมรับชัดๆ ว่าทำจริง แถมแบ่งเงินกันเองที่หน้าด่านตรวจ

อื้อฉาวไปทั่วโลก

ต่อมาแม้จะพยายามใช้ผลงานในการสร้างภาพลักษณ์ ด้วยการทลายเครือข่ายเว็บพนันมาเก๊า 888 แต่คดียังไม่สิ้นสุด ก็มีเรื่องตามมาอีกจนได้ เมื่อชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จอมแฉคนเดิม ออกมาเปิดโปงข้อมูลว่านอกจากเว็บมาเก๊า 888 ที่เปรียบเสมือนเว็บพนันไซซ์เอส ยังมีเว็บบิ๊กเบิ้มไซซ์แอล ที่เปิดกันอย่างโจ๋งครึ่ม แถมเจ้าของยังเป็นนายตำรวจระดับ พ.ต.ท. ที่ระบุว่าร่ำรวยเหลือหลาย และวันๆ ไม่ได้ทำงาน ดูแลแต่กิจการเว็บพนัน

แถมเชื่อมโยงถึงคนระดับนายพลด้วย

ต่อมา ตร.ก็สั่งให้ พ.ต.ท.คนดังออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บพนัน

คงต้องรอดูผลสอบว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดสะอ้าน หรือซุกขยะไว้ใต้พรม อีกไม่นานคงรู้กัน!!!

สารวัตรซัว

แฉสารวัตรซัวเอี่ยวเว็บพนัน

ท่ามกลางกระแสกวาดล้างเว็บพนันมาเก๊า 888 โด่งดังทั่วประเทศ จอมแฉคนเดิม ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ออกมาเปิดโปงอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายชูวิทย์ระบุว่า มาเก๊า 888 เรียกได้แค่ไซซ์เอสเท่านั้น โดยไซซ์แอลคือ “สารวัตรซัว” แห่ง “เป็นต่อกรุ๊ป” ที่เติบโตมีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้าน

ใช้คอนเน็กชั่นโรงเรียน ภปร.สามพราน เชื่อมโยงนายพล จ. ศิษย์เก่า ภปร. ใช้ลูกน้องหัวกะทิ ที่จบจากที่เดียวกัน สุมหัวทำพนันออนไลน์ ทำมาตั้งแต่ยศร้อยตำรวจตรี จนตอนนี้เป็นพันตำรวจโท มีการตั้งสหกรณ์ เปิดบริษัทบังหน้าเป็นสิบแห่ง ซื้อลาลิซ่าอาบอบนวด จากผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ แถมยังนัดกินข้าวกับอดีต ผบ.ตร. ส. กลางโรงแรมย่านรัชดา เป็นประจำ

พร้อมระบุอีกว่า ส่วนใหญ่ตำรวจที่อาศัยคราบเครื่องแบบหากิน จบหลักสูตร กอส. อบรมแค่ 3 เดืน ออกมาติดยศนายร้อย โดยสารวัตรซัว ก่อนนี้อยู่ไซเบอร์ เป็นมือเก็บเว็บพนันอื่นๆ ส่งให้นายพล จ. ที่วันนี้แม้ไม่ได้อยู่ไซเบอร์แล้ว แต่ยังกินเศษเงินจากพวกพนันออนไลน์ ซึ่งเศษเงินเหล่านี้เดือนหนึ่งได้หลายสิบล้านบาท

ขณะที่สารวัตรซัวย้ายไปอยู่กองส่งกำลังบำรุง แต่เอาชื่อไปหมกไว้เฉยๆ งานการไม่ทำ ไม่เคยเซ็นชื่อลงเวลาสมุดทำงาน มีสูตรสำเร็จ ใส่เครื่องแบบ ผมยาว ขับรถซูเปอร์คาร์ เอาเงินฟาดหัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

สโลแกนประจำตัวสารวัตรซัว คือ “รู้ทุกอย่างเว้นงานในหน้าที่ ไปทุกที่เว้นที่ทำงาน ทุกหน่วยต้องการตัวเว้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

พร้อมจี้ไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิติประภัสร์ ผบ.ตร. ว่าหากต้องการทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้น ต้องกล้าจัดการทั้งหมด ต้องไล่ออกยกเข่ง เริ่มจากสารวัตรซัว โดยให้เวลาถึงวันจันทร์หน้า (13 กุมภาพันธ์) หากไม่จัดการ จะหาว่าตนทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียไม่ได้ และไม่ต้องรอถึงวันจันทร์ ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ธงชัย เสรีวัฒนา ผู้บังคับการกองโยธาธิการ มีคำสั่งกองโยธาธิการ ที่ 5/2566 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน

ใจความว่า ด้วย พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ในเรื่องละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ทางราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ

ตอกย้ำให้ข้อมูลที่ถูกแฉน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ผบ.ตร.สั่งสอบด่วน

ผบ.ตร.สั่งสอบ-ขีดเส้น 15 วัน

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุว่า เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจจึงดำเนินการให้รวดเร็ว และมีข้อมูลชัดเจนจากต้นสังกัดว่ามีพฤติการณ์ขาดราชการเกินกว่า 15 วัน จึงตั้งกรรมการสอบวินัยเบื้องต้น และให้ออกจากราชการไว้ก่อน

หลังจากนี้เมื่อมีการตั้งกรรมการแล้วต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบใส่ใจหรือไม่ ถ้าไม่ใส่ใจ ปล่อยให้มีการขาดราชการไม่มีการรายงาน ผู้บังคับบัญชาสูงกว่านั้นอาจจะมีความผิดด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น ยังตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องการเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ ซึ่งให้สืบสวนเรื่องนี้แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาสักระยะ

ต่อมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ระบุว่า ผบ.ตร.สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติสอบข้อเท็จจริง กรณีสารวัตรซัว และนายพล จ. ว่ามีการจัดระเบียบการพนันออนไลน์ เรียกรับผลประโยชน์ แบ่งประเภทการจ่ายต่อเดือน นอกจากนั้นยังมีการพาดพิงถึงการเรียกรับผลประโยชน์น้ำมันเถื่อน

โดยให้ จตช.ตรวจสอบเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง ทั้งพฤติการณ์การกระทำผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งทางอาญา วินัย หรือไม่อย่างไร แล้วรายงานให้ทราบภายใน 15 วัน หากมีข่าวหรือข้อมูลทางสื่อมวลชนหรือสื่อออนไลน์ในเรื่องเดียวกันเพิ่มเติม หรือมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มไปในคราวเดียวกันด้วย

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้กำชับให้กรรมการสอบสวนดำเนินการอย่างเร่งด่วน พร้อมประสาน ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดด้วย

ขณะที่สารวัตรซัวเองก็มีความเคลื่อนไหว โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเช็กอินที่ประเทศตุรกี พร้อมเขียนข้อความระบุว่า ขอบคุณมากสำหรับการทำตลาดให้ฟรี ขอให้ทำต่อไป

ต่อมาได้โพสต์ข้อความอีกว่า “ตอนนี้เหมือนทำอะไรก็ผิดไปหมด แค่ลงรูปก็ยังผิด คนเอาความหมายไปตีสื่อผิดๆ ถูกๆ ส่วนที่เงียบ ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่ว่าไม่สู้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาและกฎหมายมาพิสูจน์ตัวเอง อย่าเพิ่งตัดสินเพราะฟังข่าวด้านเดียว อดใจรอกันหน่อย เมื่อพร้อมทุกอย่างแล้ว จะแถลงชี้แจงทุกประเด็น และขอพื้นที่สื่อทุกสำนัก ถ้าไม่แก้ข่าวให้ผม ผมให้ทีมทนายเก็บข่าวไว้หมด ตั้งแต่ข่าวแรกจนข่าวสุดท้าย ใครที่พาดพิงหรือนำเสนอข่าวในทางที่ผมเสียหาย ผมต้องดำเนินตามคดีและรักษาสิทธิของผม ขอบคุณครับ”

เป็นเรื่องที่ต้องรอผลพิสูจน์ทางกฎหมายต่อไป

ชูวิทย์แฉซ้ำ

จับตา “นายพล จ.” เคลื่อนไหว

ขณะที่เครือข่ายบริษัทของสารวัตรซัว ในนามเป็นต่อกรุ๊ป ต่างก็ถูกตรวจสอบ โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ระบุว่า จากการตรวจสอบมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป พบว่าไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งอย่างถูกกฎหมาย จึงให้เจ้าหน้าที่แจ้งความต่อตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของมูลนิธิ เพราะการดำเนินกิจกรรม และเผยแพร่ข้อมูลในชื่อมูลนิธิ ถือว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ที่ได้ใช้คำว่า มูลนิธิŽ ประกอบกับชื่อในดวงตราและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 17 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุว่า ให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเชิงลึกสหกรณ์ออมทรัพย์เป็นต่อกรุ๊ป เบื้องต้นพบว่าจดทะเบียนสหกรณ์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 โดยมีคณะผู้จัดตั้งจำนวน 15 คน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 655 คน ทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 3,027,380 บาท

โดยจะต้องสืบสวนการทำกิจการ ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการฟอกเงิน ซึ่งเป็นไปตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ลงเอ็มโอยูกับ ปปง.อยู่แล้ว

นอกจากนี้ที่ยังเป็นจุดสนใจของสังคม นั่นก็คือ นายพล จ. ที่ถูกกล่าวหาว่าจริงแท้แล้วมีมูลหรือไม่อย่างไร

แถมนายชูวิทย์ยังคงแฉซ้ำอีกว่า นอกจากพัวพันเรื่องเกี่ยวกับเงินการพนันแล้ว ยังมีความเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อนอีก ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ก็สั่งการให้ตรวจสอบไปพร้อมกัน

ท่ามกลางกระแสข่าวติดต่อเคลียร์กับนายชูวิทย์ ซึ่งก็ไม่มีใครยอมรับ

รอเวลาเปิดตัวเท่านั้นว่านายพล จ.คือใคร และเกี่ยวพันมากน้อยเพียงไหน

ต้องติดตามต่อจริงๆ!!!