การ์ตูน ช่วยชีวิต “น้าต๋อย เซมเบ้” วันที่ป่วย คนข้างเตียงคือเด็กๆของเขา

กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เขียนไว้ในคอลัมน์ ธุรกิจพอดีคำ ในชื่อตอน “ดูการ์ตูนแล้วได้อะไร” ฉบับวันที่ 2-8 ก.ย. 2559 กล่าวถึง น้าต๋อย เซมเบ้ นักพากย์การ์ตูนชื่อดังของไทยว่า

น้าต๋อย เซมเบ้ เริ่มพากย์การ์ตูนตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 ครับ

ในตอนนั้น การ์ตูนญี่ปุ่นที่โด่งดังมีอยู่มากมาย

เช่น อาราเล่ โดราเอมอน ดรากอนบอล ซิตี้ฮันเตอร์

น้าต๋อยพากย์เสียงการ์ตูนเหล่านี้แทบทั้งสิ้น

แน่นอนครับ การ์ตูน ก็เหมือนกับ ละคร

มีทั้งฉาก “ตลกขบขัน” เมื่อ ไจแอนท์ ถูก โนบิตะ แก้แค้นด้วยของวิเศษจากโดราเอมอน

ฉากต่อสู้ดุเดือดระหว่าง ซุนโงคู กับ ฟรีเซอร์ เพื่อช่วยเหลือดาวนาเม็ก

หรือแม้แต่ฉากทะลึ่งตึงตัง ของ ซาเอบะ เรียว กับ คาโอริ คู่กัดใน “ซิตี้ฮันเตอร์”

น้าต๋อยเล่าว่า เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว

“น้าต๋อยถูกต่อว่า” จากคุณครูประถมปลาย และผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวง นับร้อย ในการประชุมครั้งหนึ่ง

พวกเขารุมถามน้าต๋อยว่า “เด็กๆ จะได้อะไรจากการดูการ์ตูนพวกนี้”

คำถามเชิงประชดประชันน่ะครับ

น้าต๋อยตอบไปว่า “แค่เด็กๆ ได้ตื่นขึ้นมาดูการ์ตูนใช้เวลากับครอบครัวตอนเช้าวันหยุดก็น่าจะเป็นสิ่งดีไม่ใช่หรอ”

คำตอบดูเหมือนจะยังไม่ถูกใจท่านๆ

เริ่มมีคำถามเกี่ยวกับการ์ตูนหลายๆ เรื่องที่มีฉากต่อสู้รุนแรง เช่น ดรากอนบอล

“ดูแล้ว เด็กๆ จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไรเล่า”

ด้วยความที่น้าต๋อยไม่ใช่นักการเมือง หรืออาจารย์ที่พูดจาเก่ง ทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ

น้าต๋อยไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงตอบไปว่า “ผมเชื่อว่าเด็กๆ จะเฝ้าดูฮีโร่ของพวกเขา แล้วเติบโตขึ้นมาเป็นคน”

คำตอบที่ดู “ล่องลอย” แต่แฝงด้วย “ความเชื่อ” อยู่ลึกๆ

 

เวลาล่วงเลยมา 30 ปี

สุขภาพของน้าต๋อย ย่ำแย่ลง ต้องเลิกงานพากย์ไปเกือบสี่ปี

ถึงขั้นที่น้าต๋อยเล่าว่า “คิดว่าจะไม่รอดแน่ๆ”

วันหนึ่งน้าต๋อยเข้า “โรงพยาบาล” เพื่อรับการผ่าตัด

ในขณะที่น้าต๋อยกำลังสะลึมสะลือ นอนอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมเครื่องช่วยหายใจ

ก็มี “มือคู่หนึ่ง” มากุมมือน้าต๋อยไว้

น้าต๋อยลืมตาขึ้นมา พบว่าเป็น “สองมือของคุณหมอหนุ่ม” อายุ 30 ต้นๆ

“น้าต๋อยครับ ผมโตขึ้นมากับการ์ตูนของน้าต๋อยครับ…ผมจะช่วยชีวิตน้าต๋อยให้ได้ น้าต๋อยไม่ต้องห่วงนะครับ”

พยาบาลสาว ที่อยู่ใกล้ๆ ก็เดินเข้ามาสมทบ พร้อมรอยยิ้ม

“หนูก็โตขึ้นมากับ เซเลอร์มูน ค่ะ น้าต๋อยสู้ๆ นะคะ”

น้าต๋อยเล่าว่า ภาพของอาจารย์ คุณครู กว่าร้อยคน ในวันนั้น มันย้อนกลับมาอีกครั้ง

คำถามที่น้าต๋อยตอบไม่ได้เมื่อสามสิบปีที่แล้ว

นี่ไงล่ะ เด็กเหล่านี้ที่ดูการ์ตูนของผม พวกเขาเติบโตขึ้นมา และกำลัง “ช่วยชีวิต” ผมอยู่

เป็นคุณหมอ เป็นนางพยาบาล เป็นคนดีของสังคม

สิ่งที่ “น้าต๋อย” เชื่อในวันนั้น ในวันที่มีแต่คำถามจาก “ท่านๆ”

ต้องใช้เวลากว่าสามสิบปีในการพิสูจน์

น้าต๋อยยังเล่าต่อไปอีกว่า

น้าต๋อยเคยทำหลายอย่างที่หลายคนอาจจะไม่รู้

นั่นคือ “การทำการ์ตูนฮีโร่” ของไทย คล้ายกับหนัง “ไอ้มดแดง”

น้าต๋อยมีความฝันว่า เด็กไทยก็น่าจะมีการ์ตูนฮีโร่ไทยดูเองสักเรื่อง

ทำเสร็จ ออกฉาย ผลลัพธ์คือ “เจ๊ง” ครับ ไม่ประสบความสำเร็จ

เสียเงินของตัวเองไปหลายล้านบาท

แต่น้าต๋อย ก็ยังอยากจะ “สร้างสรรค์” งานเพื่อเด็กๆ ต่อไปเรื่อยๆ จนจะทำไม่ไหว