Fuji Rock Festival เทศกาลดนตรี ที่ต้อง ‘ลองสัมผัส’ สักครั้งในชีวิต

บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์

 

Fuji Rock Festival

เทศกาลดนตรี

ที่ต้อง ‘ลองสัมผัส’ สักครั้งในชีวิต

 

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง Smash Japan ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์ผู้จัด ฟูจิ ร็อก เฟสติวัล เทศกาลดนตรีอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศไลน์อัพศิลปินชุดแรกที่จะมาเล่นคอนเสิร์ต

ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับนักฟังเพลงชาวไทยและทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ในปีนี้มีวง Foo Fighters, Lizzo และ The Strokes เป็นศิลปินเฮดไลน์

ส่วนวงดนตรีและศิลปินที่เห็นชื่อแล้วคอเพลงอินดี้ต่างก็ตื่นเต้นจนตาลุกวาวก็มี อาทิ Black Midi วงร็อกแนวทดลองจากรุงลอนดอน

Yo La Tengo วงอินดี้ร็อกจากอเมริกา

Idles วง ฮาร์ดคอร์ พังก์ ที่เล่นสดอย่างเดือดจากอังกฤษ

คอรีย์ หว่อง ศิลปินแนวฟังก์, แจ๊ซ และอาร์แอนด์บียอดฝีมือ

Romy สมาชิกสาวแห่งวง The xx

Slowdive สุดยอดวงดรีมป๊อประดับแถวหน้าของวงการ

Balming Tiger วงดนตรีที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มศิลปิน, ดีเจและแร็พเปอร์แห่งวงการเพลง เค-ป๊อปและฮิปฮอปของเกาหลี

นอกจากนี้ ก็ยังมีศิลปินกะแสหลักอย่าง อลานิส มอร์ริเซ็ตต์, วง Weezer, วง Yeah Yeah Yeahs และอีกมากมาย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ไลน์อัพแรกเท่านั้น เพราะจะมีการประกาศศิลปินไลน์อัพต่อๆ ไปออกมาอีก

เพียงแค่ไลน์อัพแรกที่ประกาศออกมาก็คุ้มค่าพอแล้วที่จะทำให้นักฟังเพลงและผู้ที่ชื่นชอบการชมคอนเสิร์ตกดซื้อบัตรไว้ล่วงหน้าเพื่อความอุ่นใจ

ในส่วนของเทศกาลดนตรีฟูจิ ร็อก จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1997 ก่อนที่จะย้ายมาจัดที่นาเอบะ สกี รีสอร์ต ในเมืองยูซาวะ จังหวัดนิงาตะ ในปี 1999 และจัดขึ้นที่นี่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

โดยเทศกาลดนตรีฟูจิ ร็อก ขึ้นชื่อในเรื่องการนำศิลปินทั้งในและนอกกระแสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ มาแสดงสดในเทศกาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงอินดี้ที่มีชื่อชั้นในระดับเดียวกับที่สามารถเล่นในเทศกาลดนตรีระดับแถวหน้าของโลกหรือในยุโรปอย่าง Primavera Sound ของประเทศสเปน หรือว่า Coachella ของสหรัฐอเมริกาได้เลย

ถึงแม้ว่าวงที่มาเล่นจะไม่มีมากเท่ากับ 2 เทศกาลดังกล่าวก็ตาม

 

จากประสบการณ์ที่เคยมีโอกาสได้ไปฟูจิ ร็อก เฟสติวัล ในปี 2019 เทศกาลดนตรีแห่งนี้มีการแบ่งโซนในการจัดงานได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลในขนาดที่ว่า เอมิลี อีวิส ลูกสาวของไมเคิล อีวิส ผู้ก่อตั้ง Glastonbury Festival หนึ่งเทศกาลดนตรีร่วมสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังกล่าวชื่นชม

ฟูจิ ร็อก เฟสติวัล ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โดยจะจัดเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน สิ่งที่ทำให้เทศกาลดนตรีนี้พาผู้คนมาร่วมงานในแต่ละปีได้เป็นจำนวนหลายหมื่นคนนอกจากไลน์อัพศิลปินระดับโลกแล้ว

ก็ยังอยู่ที่การได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เนื่องจากพื้นที่ที่ใช้สำหรับจัดงานฟูจิ ร็อก อยู่บนเขาซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก

การได้ดูคอนเสิร์ตที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านถือเป็นสวรรค์ของนักฟังเพลงเลยทีเดียว

ส่วนสายแคมปิ้งที่อยากมาร่วมงานแบบชิลๆ เน้นบรรยากาศ ไม่เน้นดูคอนเสิร์ตก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะทางผู้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับกางเต็นท์เอาไว้อย่างกว้างขวาง

ใครมาก่อนก็ได้พื้นที่ดีๆ ก่อน และคนญี่ปุ่นมีความชื่นชอบในการแคมปิ้งอยู่แล้ว

ภาพของรถบ้านพร้อมกับเต็นท์ขนาดใหญ่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันทั้งที่มากันแบบกลุ่มเพื่อนและมากันเป็นครอบครัว ถือเป็นวัฒนธรรมการพักผ่อนและการเสพศิลปะดนตรีของชาวญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งยากจะเห็นได้จากเทศกาลดนตรีประเทศอื่น

เทศกาลดนตรีในโลกนี้มีหลายรูปแบบ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไปมาแล้วหลายเทศกาลพบว่า ฟูจิ ร็อก เป็นมิวสิก เฟสติวัล ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุด

ทั้งนี้ มาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย, ใส่ใจทั้งธรรมชาติและผู้มาร่วมงาน, ความตรงต่อเวลาในทุกๆ เรื่อง

ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีเพื่อให้งานลื่นไหลและการวางแผนในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งอยู่ในระดับดีเยี่ยม

ทั้งหมดนี้สร้างประสบการณ์ในการดูคอนเสิร์ตที่เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง

ผู้คนตั้งใจมาเสพศิลปะดนตรีและมาพักผ่อนกันจริงๆ

ไม่ใช่เน้นกิจกรรมสังสรรค์เปลี่ยนที่กินเหล้าที่ห่างไกลเหลือเกินจากวัฒนธรรมการเสพศิลปะดนตรี

ฟูจิ ร็อก มีเวทีหลักกลางแจ้งอยู่ 2 เวทีด้วยกันคือ Green Stage ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ และ White Stage ซึ่งเป็นเวทีรอง

แต่ก็ยังมีเวทีเล็กๆ ไว้เพื่อรองรับการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินอินดี้โดยเฉพาะอย่าง Red Marquee ซึ่งทำให้ผมได้มีโอกาสชมโชว์จากศิลปินที่ในเวลานี้เป็นศิลปินอินดี้ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้วอย่าง Mitski, Toro y Moi, Shame, Chon

และได้ค้นพบวงร็อกนอกกระแสที่น่าสนใจมากๆ อย่าง Comet is Coming, Jay Som และอีกหลายวง

สำหรับผมแล้วเสน่ห์ของเทศกาลดนตรีก็คือการดูโชว์ของวงที่เราไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ ซึ่งความสามารถทางดนตรีที่เกินคาดของวงเหล่านี้มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผมได้เสมอ

ซึ่งนอกจาก 3 เวทีที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีเวทีเล็กๆ อีก 6 เวที โดยเวที Day Dreaming เป็นเวทีที่อยู่สูงที่สุดเพราะต้องนั่งกระเช้าขึ้นเขาไปชม

ส่วนวงระดับเฮดไลน์และศิลปินกึ่งอินดี้กึ่งแมสหลากหลายแนวที่ไม่น่าจะหาดูได้ในไทยอย่างวง The Cure, Chemical Brothers, SIA, Thom Yorke, James Blake, Cake (วงร็อกลีลายียวนชื่อดังจากยุค 90), Tycho, Gary Clark Jr. (มือกีตาร์บลูส์ยอดฝีมือ), จาแนลล์ โมเน, คอร์ตนีย์ บาร์เน็ตต์ รวมถึงวงร็อกญี่ปุ่นอย่าง Ellegarden, ASIAN KUNG-FU GENERATION

รวมถึงวงไทยหมอลำซิ่งร่วมสมัยเซิ้งกระจายอย่าง The Paradise Molum International Band (ที่คนญี่ปุ่นชอบกันมากๆ) และอีกหลายต่อหลายวงก็เล่นสดได้มันสุดๆ ทุกวง

สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือระบบเสียง, ตารางเวลาของศิลปินที่ขึ้นโชว์แต่ละคน และมารยาทในการชมคอนเสิร์ตของคนดูชาวญี่ปุ่นที่ทำให้ประสบการณ์ในการซึมซับวัฒนธรรมทางดนตรีในต่างแดนมีทั้งคุณค่าและความหมายต่อชีวิตส่วนตัวของตัวผมเอง หรือใครก็ตามที่ฟังเพลงเพื่อที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ของดนตรีทุกแขนงอย่างจริงจัง

โดยฟูจิ ร็อก ยังคงไว้ซึ่งตัวตนของเทศกาลที่จัดไลน์อัพศิลปินที่มีทั้งแมสและอินดี้โดยแทบจะไม่มีกำแพงดนตรีมาขวางกั้นเลยได้อย่างเหนียวแน่น

ในขณะที่ Summer Sonic ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรีที่ดังมากๆในญี่ปุนกลายร่างจากมิวสิก เฟสติวัล ที่เดิมทีมีศิลปินนอกกระแสมากกว่าในกระแสมาเป็นเทศกาลดนตรีเมนสตรีมแบบเต็มตัวไปแล้ว

 

แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม ฟูจิ ร็อก ก็ยังมีข้อติอยู่บ้างแต่เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับผู้จัด

เพราะมันเกิดจากสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้

นั่นก็คือพายุฝนที่มักจะตกกระหน่ำเสมอในช่วงเวลาที่มีการจัดเทศกาล

แล้วก็เป็นพายุฝนที่ในบางปีรุนแรงขนาดที่ว่าพัดเต็นท์พังกระจายเป็นแถบๆ และต้องสวมเสื้อกันฝนอย่างดีเพื่อที่จะมีปัญหาในการดูโชว์น้อยที่สุด

แต่ถ้าหากเทียบกับความคุ้มค่าในการได้เขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดนตรีนี้แล้ว ปัญหาดังกล่าวกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย

ดูจากภาพรวมแล้วคิดว่า ฟูจิ ร็อก ปีนี้จะต้องออกมาดีมากแน่นอนทั้งในส่วนของไลน์อัพและการจัดงานที่น่าจะรักษามาตรฐานที่ดีอยู่แล้วเอาไว้ได้ หรืออาจจะดียิ่งกว่าเดิม

ใครที่รักดนตรีจริงจังและไม่เคยไปเทศกาลดนตรีที่ต้องนอนเต็นท์มาก่อน และยังไม่อยากเดินทางไปไกลมากแล้วละก็ ฟูจิ ร็อก คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

ถ้ากำลังทรัพย์พอ ลางานล่วงหน้าและกดบัตรจองตั๋วคอนเสิร์ตและตั๋วเครื่องบินรอเอาไว้เลย