ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กุมภาพันธ์ 2566 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
ร่องรอย เบาะแส
อัน ‘โกวเล้ง’ กำหนดวาง
‘อาฮุย’ มองไม่ออก
ความจริง มี “เบาะแส” มากหลายอันชวนให้บังเกิดเสียง “เอ๊ะ” ดังขึ้นและดังขึ้นถี่ยิบมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
แต่นั่นมิใช่จาก “อาฮุย”
เอากันแค่ในห้วงสั้นๆ ที่ปรากฏขึ้นในตึกเมฆเรืองโรจน์ 1 คือการที่ลิ่มเซียนยี้เดินทางไปหาอาฮุยที่ศาลบรรพชน
และบอกเบาะแสของ “ลี้คิมฮวง”
เมื่ออาฮุยเดินทางเข้าตึกเมฆเรืองโรจน์หวังจะช่วยลี้คิมฮวงให้พ้นจากการถูกคุมตัวไปยังวัดเสียวลิ้มยี่
แต่แทนที่จะ “ราบรื่น” กลับมากด้วย “อุปสรรค”
อุปสรรคจากการลอบโจมตีโดยอิ้วเล้งเซ็ง ตามด้วยมือเทพยดาเกาทัณฑ์ในความควบคุมของฉั้งฉิก
ตามด้วยหมัดอรหันต์อันร้ายกาจจากซิมไบ๊ไต้ซือ
เมื่อหลบหนีเข้าไปยังดงดอกเหมยอันเป็นที่ตั้งตำหนักหอมเย็นยังประสบเข้ากับซิงแซขลุ่ยเหล็กอย่างเหนือความคาดหมาย
เบาะแส 2 นี้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เล็กน้อย
ระหว่างการปะทะของซิงแซขลุ่ยเหล็ก กับอาฮุย ซึ่งรับบาดเจ็บอย่างหนักหนาสาหัสทั้งสองฝ่าย
หลังคำกล่าวของซิงแซขลุ่ยเหล็กที่ว่า
“วันนี้เราเรียนรู้เรื่องหนึ่ง จะไม่ต่อให้ผู้อื่น 3 กระบวนท่า ท่านก็สมควรเรียนรู้เรื่องหนึ่ง หากคิดลงมือก็ต้องโค่นฝ่ายตรงข้ามล้มลง ไม่เช่นนั้นท่านอย่าได้ลงมือเด็ดขาด”
อาฮุยขบกรามกรอด มองดูดาวเย็นที่ปักตรึงอยู่บนเท้าของตัวเอง
กล่าวย้ำทีละคำว่า “ประเสริฐ ท่านไปเถอะ”
อาฮุยไม่ทันกล่าววาจา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา มีคนร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสขลุ่ยเหล็ก ท่านลงมือประสบผลหรือไม่”
ซิงแซขลุ่ยเหล็กกล่าวว่า “รีบไป เราไม่มีเรี่ยวแรงฆ่าท่าน และไม่ต้องการให้ท่านตายใต้เงื้อมมือผู้อื่น”
อาฮุยกลิ้งตัวตามพื้นดิน กลิ้งออกไป 2 วา
เท้าของอาฮุยแม้เดินไม่ได้ แต่มือยังมีพลังดุจเดิม
เบาะแสอันเป็นร่องรอยที่ 2 นั้นย่อมมาจากคำเรียกขานที่ว่า “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสขลุ่ยเหล็ก ท่านลงมือประสบผลหรือไม่”
คำของซิงแซขลุ่ยเหล็กต่างหากคือรหัสนัย
นั่นก็คือ “รีบไป เราไม่มีเรี่ยวแรงฆ่าท่าน และไม่ต้องการให้ท่านตายใต้เงื้อมมือผู้อื่น” เท่ากับยืนยันอย่างเด่นชัดว่า
ผู้มาก็หมายจะจัดการกับอาฮุยเช่นเดียวกัน
เพียงคำเรียกขานว่า “ผู้อาวุโส” ก็มีความเด่นชัดแล้วในความสัมพันธ์ เมื่อตามมาด้วยประโยคที่ว่า “ท่านลงมือประสบผลหรือไม่”
ก็ประจักษ์แจ้งในเจตนาของการมา
ปมเงื่อนสำคัญอย่างที่สุดก็คือ คนที่มาย่อมรู้จักซิงแซขลุ่ยเหล็กเป็นอย่างดี และต้องเป็นคนบอกตำแหน่งแหล่งที่ให้รอคอย
รอคอยการมาถึงของ “อาฮุย”
ไม่ว่าการนำข่าวสารอันเกี่ยวกับชะตากรรมของลี้คิมฮวงไปแจ้งให้แก่อาฮุย ไม่ว่าการจัดเตรียมกำลังไว้รับมืออาฮุย
ล้วนดำเนินไปตามแผน “สมคบคิด” เพียงแต่อาฮุยไม่รู้
ก่อนที่อาฮุยจะหล่นลงไปในหุบเหวอันลิ่มเซียนยี้วางไว้รออยู่มีคำอธิบายมากมายออกมาจากปลายพู่กันของ “โกวเล้ง”
ขอให้พิจารณาผ่านสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง
อาฮุยรู้สึกตัวอ่อนระทวย ดุจดังนอนอยู่บนปุยเมฆ ในอากาศมีกลิ่นหอมจางๆ ที่คล้ายดอกไม้ คล้ายกำยาน
ได้สติตื่นมาแล้ว แต่กลับคล้ายยังอยู่ในความฝัน
ประสบการณ์แรกก็คือ ได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าว “ท่านได้สติตื่นแล้ว” เป็นเสียงที่นุ่มนวลกระไรปานนั้น กังวลสนใจกระไรปานนั้น พอลืมตาก็เห็นใบหน้าที่สวยสะคราญปานหยาดฟ้า บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่น่ารักที่สุด นุ่มนวลที่สุดในโลก
ในดวงตามีความรักอันซาบซึ้งตราตรึงใจ ใบหน้าที่นุ่มนวลสวยสะคราญนี้คล้ายกับใบหน้าของ “มารดา” เหลือเกิน
อาฮุยจำได้อย่างแม่นยำ
“ตอนมารดาข้าพเจ้าจะตายสั่งย้ำแก่ข้าพเจ้าหลายครั้ง เรียกข้าพเจ้าอย่าได้รับบุญคุณของผู้อื่น คำพูดนี้ข้าพเจ้าก็มิเคยลืมตลอดกาล
บัดนี้ข้าพเจ้ากลับค้างชีวิตท่านแล้ว”
ภายในความคิดของอาฮุยเมื่ออยู่ในความดูแลของโฉมสะคราญซึ่งช่วยชีวิตมันเอาไว้จึงเป็นบุญคุณ ขณะเดียวกัน มันก็มีความเป็นห่วงต่อสหายของมัน ลี้คิมฮวง
“ตอนนี้เป็นเวลาใดแล้ว” นั่นคือคำถาม
เมื่อได้คำตอบว่า “ยังไม่ถึงยามสาม” อาฮุยตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งทันที ขบกรามกล่าวขึ้นด้วยความคับแค้นใจ
“ข้าพเจ้าไม่อาจปล่อยให้พวกมันพาลี้คิมฮวงไปเด็ดขาด”
“แต่มันได้ไปแล้ว” เป็นคำตอบจากลิ่มเซียนยี้
อาฮุยหงายตึงลงบนเตียงอีกครา เหงื่อแตกโซมราวฝนสาดซัด “ท่านว่ายังไม่ถึงยามสาม”
“แต่ลี้คิมฮวงถูกคุมตัวไปเมื่อตอนเช้าตรู่ของเมื่อวาน”
ความจริงก็คือ อาฮุยสลบไสลจากพลังและฝีมือของซิมไบ๊ไต้ซือ ประสานเข้ากับซิงแซขลุ่ยเหล็กเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน
ลิ่มเซียนยี้ใช้ผ้าเช็ดหน้าแพรบางซับเหงื่อให้อย่างนุ่มนวล
“ท่านบาดเจ็บสาหัสยิ่ง นอกจากท่านแล้ว น่ากลัวไม่มีผู้ใดสามารถทนทานได้ ดังนั้น ท่านตอนนี้จงอยู่ในโอวาทแต่โดยดี ต้องรักษาแต่โดยดี”
ความหมาย หมายความว่าอยู่ในโอวาทของนาง
สภาพการดำรงอยู่ของอาฮุยจึงน่าศึกษา ท่านั่งของอาฮุยไม่น่าดูอาฮุยไม่เคยประพฤติเช่นลี้ชิ้มฮัวที่นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งอย่างสุขสบาย
ในชีวิตของอาฮุยน้อยครั้งจะมีโอกาสนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
ภายในห้องก่อไฟเตาหนึ่งให้ความอบอุ่นแก่ผู้คน อาฮุยกลับรู้สึกไม่คุ้นเคย ลิ่มเซียนยี้ขดตัวอยู่ข้างเตาผิงวงหน้าถูกเตาไฟขับจนแดงสดใส
2 วันมานี้ นางแทบไม่ได้หลับตาลงพักผ่อน
ยามนี้อาการบาดเจ็บของอาฮุยทุเลาหายดีราวปาฏิหาริย์ นางค่อยหลับใหลอย่างวางใจ นางยามนอนหลับคล้ายงามขึ้นกว่าตอนตื่น ขนตางอนยาวปิดคลุมบนเปลือกตา ทรวงอกอันกลมกลึงสะท้อนขึ้นลงอย่างอ่อนโยน วงพักตร์แดงผุดผาดดังดอกท้อ
อาฮุยมองดูนางอย่างสงบ คล้ายเซื่องซึมเซาแล้ว
ระหว่างนี้ที่เป็นเบาะแสอย่างสำคัญได้ค่อยก่อรูปและกลายเป็นคำถามแม้กระทั่งต่ออาฮุยโดยตรงเหมือนจะทำให้บังเกิดความสำนึกบางอย่างบางประการ
กระนั้น ก็ยังมิได้ทรง “พลานุภาพ” ได้ระดับนั้น
อาฮุยพลันผุดลุกขึ้น สวมใส่รองเท้าอย่างเงียบงัน ตรงนี้เองที่มีข้อความเหมือนกับบทรำพึงเหมือนกับบทสรุปผุดโพล่งขึ้น
วัตถุเรื่องราวที่งดงาม เฉกเช่นดอกราตรีชั่วแล่น
ปรากฏวูบเดียวก็สิ้นสูญ ไม่ว่าผู้ใดคิดแข็งขืน เหนี่ยวรั้งมันไว้ มีแต่ความปวดร้าวและโชคร้าย
อาฮุยถอนใจเบาๆ
ค้นพบกระบี่ของตัวเองจากโต๊ะที่มุมห้อง บนผนังยังแขวนภาพตัวหนังสือซึ่งเขียนด้วยลายมือของลี้ชิ้มฮัว
มีอยู่ประโยคหนึ่ง คือ “รักนี้เหลือแต่การหวนรำลึก”
เมื่อ 2 วันก่อน อาฮุยต้องไม่เข้าใจความหมายของคำกลอนนี้ แต่ตอนนี้อาฮุยกลับทราบว่า มีแต่การหวนรำลึกจึงเป็นความนิรันดร์อย่างแท้จริง
มีแต่ความหวานชื่นในการหวนรำลึกจึงสามารถคงอยู่ตลอดกาล
“โกวเล้ง” สรุปอย่างรวบรัดผ่านสำนวนแปล น.นพรัตน์ ออกมาว่า โลกนี้มีบุรุษที่สามารถกล่าวคำว่า “ไม่” ต่อหน้าสตรีสะคราญโฉมไม่มาก
หากแม้นสตรีบอกว่าจะขอตาย บุรุษที่สามารถปฏิเสธเกรงว่าไม่มีแม้สักคนเดียว
วิกาลเงียบสงบ อาฮุยเดินออกจากห้องก็พบเห็นดอกเหมยสะพรั่งพราวเหนือพื้นหิมะ ที่แท้สถานที่นี้คือ “ตึกน้อยหอมเย็น”
ที่น่าประหลาดคือ 2 วันนี้หมู่ตึกเมฆเรืองโรจน์ถูกก่อกวนจนแทบถล่มทลาย
แต่กลับไม่มีผู้ใดมาถึงที่นี้ หากคนเหล่านั้นต้องการตัวอาฮุย ไฉนไม่ตรวจค้นถึงนี้ คนเหล่านี้ไฉนไว้วางใจลิ่มเซียนยี้ถึงเพียงนี้
เป็นคำถามจาก “โกวเล้ง” ไม่ใช่คำถามจาก “อาฮุย”
ทุกเบาะแสที่กำหนดและปรากฏขึ้นเป็นการจัดวางเอาไว้โดย “โกวเล้ง” ขณะที่ “อาฮุย” สัมผัสไม่ถึง มองไม่ทะลุ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022