ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 พฤศจิกายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ www.sujitwongthes.com
งานศพ มีสนุก
ยุคแรกอุษาคเนย์
แต่งตัวสีสันฉูดฉาด
งานศพยุคดั้งเดิมในอุษาคเนย์ เชื่อว่าคนตายเพราะขวัญหาย
ต้องแต่งตัวสีสันฉูดฉาด แล้วมีมหรสพอึกทึกครึกโครม เพื่อเรียกขวัญคืนร่างคนตายสู่ปกติ
ยุคนั้นไม่รู้จักวิญญาณ เพราะยังไม่ติดต่อรับศาสนาจากอินเดีย
แม้หลังติดต่อและรับการเผาศพแบบอินเดียแล้ว คนทั่วไปก็ยังแต่งตัวไปงานศพด้วยสีสันฉูดฉาดตามความเชื่อเดิม
แต่งชุดดำงานศพ เป็นวัฒนธรรมตะวันตกที่สังคมไทยเริ่มรับจากฝรั่งยุโรปสมัย ร.5 กว่าจะแพร่หลายแต่งชุดดำทั้งประเทศ เพิ่งหลัง พ.ศ.2500 แต่ชุมชนห่างไกลบางแห่งก็ไม่แต่งชุดดำจนทุกวันนี้
งานศพมอญ
งานศพมอญในไทยไม่แต่งชุดดำ ยังทำตามประเพณีดั้งเดิมของอุษาคเนย์ พบคำอธิบาย จะคัดมาดังนี้
“งานศพมอญโดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์และผู้สูงอายุ—-จะไม่ถือว่างานศพเป็นงานที่เศร้าโศก ถือว่าเป็นงานสนุกสนาน ร่วมยินดีกับผู้ตายที่ได้ไปสู่สุขคติ ทั้งพระและฆราวาส การแต่งกายไปงานศพจึงสวมเสื้อผ้าสีสันทั่วไป”
“ต่อมาภายหลังมีการรับวัฒนธรรมจากภายนอกเข้าไปผสมกลมกลืน จึงเปลี่ยนการแต่งกายจากสีสันเป็นขาวดำ”
[คัดจากหนังสือ “200 ปี ปทุมธานี” จังหวัดปทุมธานี พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2558 หน้า 84]
นอกนั้นยังพบภาพงานศพในบทความเรื่อง “ประเพณีหลังความตายในรัฐมอญ” โดย องค์ บรรจุน [พิมพ์ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 38 ฉบับที่ 11 (กันยายน 2560) หน้า 40-47] เล่าว่าไปพบงานศพเมื่อ พ.ศ.2559 ที่บ้านเกาะซ่าก แขวงเมืองจย้าจก์แหมะโร่ะฮ์ รัฐมอญ ประเทศเมียนมาร์ มีข้อความสำคัญจะคัดมาดังนี้
“การตั้งศพที่บ้านไม่ต้องนิมนต์พระมาสวด มีเพียงคนเฒ่าคนแก่อ่านนิทานหรือชาดกให้คนที่อยู่เป็นเพื่อนศพฟัง”
“ผู้หญิงมีสไปพาดบ่า แต่ไม่มีใครสวมเสื้อผ้าขาวดำแม้แต่คนเดียว”
[ภาพและคำอธิบายต่อไปนี้ ด้วยความกรุณาจาก องค์ บรรจุน]