วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / ผูกพัน เอี้ยก่วย อินทรี (112)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

ผูกพัน เอี้ยก่วย อินทรี (112)

ระหว่างเดินตามอินทรีไป เอี้ยก่วยอดไม่ได้ที่จะหวนนึกการพบกันหนแรกระหว่างมันกับพี่อินทรี เป็นการพบเมื่อมันตื่นขึ้นในยามวิกาล พลันได้ยินด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือบังเกิดเสียงอินทรีร่ำร้อง สุ้มเสียงแหบพร่าแต่พลุ่งพล่าน โศกเศร้า

สร้างความสงสัยใคร่รู้จึงโดดลงจากเส้นเชือกสืบเสาะไปยังต้นเสียง

เสียงร้องบัดเดี๋ยวดัง บัดเดี๋ยวขาดหาย เปรียบกับเสียงของคู่อินทรีบนเกาะดอกท้อยังกังวานยิ่งกว่า ยิ่งเดินยิ่งลาดต่ำลงเข้าสู่หุบเขาแห่งหนึ่ง เสียงของอินทรีอยู่เบื้องหน้ามิไกลจึงผ่อนฝีเท้าเบาลง ยื่นมือแหวกพุ่มไม้เบื้องหน้าออกดู

เบื้องหน้าเป็นอินทรีขนาดใหญ่โตมหึมา สูงกว่าผู้คน รูปลักษณ์ขี้ริ้วถึงขั้นอัปลักษณ์ ขนหร็อมแหร็มหลุดร่วงคล้ายถูกถอนดึงไปกว่าครึ่ง

ขนเหลืองคล้ำ สกปรก โสโครก จะงอยปากอัปลักษณ์งองุ้ม ขนหัวเป็นหงอนแดงสีเลือด

ในโลกนี้มีพันธุ์ทวิชาตินับพันนับหมื่น แต่ไม่เคยเห็นสัตว์ปีกดุร้ายลักษณะโบราณอาจหาญถึงเพียงนี้มาก่อน ขา 2 ข้างหยาบ เมื่อกางปีกออก ปีก 2 ข้างกลับสั้นยิ่ง น่าสงสัยว่าอินทรีตัวนี้จะโบยบินได้อย่างไร

ภาพที่เห็นเป็นอินทรีก้าวขายาวกอปรด้วยอิริยาน่าเกรงขาม

หลังอินทรีส่งเสียงร้องก็ปรากฏเสียงสวบสาบดังจากทางด้านซ้าย ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ปรากฏงูพิษ 4 ตัวพุ่งเข้าใส่

เข้าใส่โดยพร้อมเพรียง ระดับความเร็วดุจเกาทัณฑ์

อินทรีหันหัวยื่นจะงอยปากงองุ้มจิกติดต่อกัน 4 ครา จิกกระทั่งงูพิษทั้ง 4 ตายสิ้น ความแม่นยำของการจิก ความรวดเร็วของการเคลื่อนไหวเฉกเช่นยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้มสำแดงออก ฝีมือจิกสังหารสะกดจนเอี้ยก่วยปากอ้าตาค้าง

ความรู้สึกขบขันดูแคลนเบื้องต้นแปรเปลี่ยนเป็นทอดถอนชมเชย

ขณะครุ่นคิดพลันสูดได้กลิ่นคาวชนิดหนึ่งบ่งบอกสัตว์พิษจำพวกงูใหญ่รุกล้ำกล้ำกรายมาถึงละแวกใกล้เคียง อินทรีผงกหัวขึ้นส่งเสียงร้องแว้ แว้ 3 ครา ได้ยินเสียงหวีดใหญ่จากต้นไม้ด้านตรงข้าม ปรากฏงูเหลือม 3 หัวเท่าปากชามตัวหนึ่งห้อยลงมาพุ่งฉกเข้าหาอินทรี

อินทรีไม่ถอยหนีกลับเคลื่อนตัวเข้าหา ยื่นจะงอยปากงองุ้มออกจิกเข้าตาขวาของงูเหลือม ช่วงคอของอินทรีทั้งหยาบทั้งสั้นคล้ายบิดหมุนไม่สะดวกแต่ยืดหดรวดเร็วดุจสายฟ้า เอี้ยก่วยแม้มีสายตาปราดเปรียวกลับไม่อาจเห็นชัดถนัดตาว่ามันจิกตาของงูเหลือมไปอย่างไร

งูเหลือมสูญเสียตาขวาบังเกิดความเจ็บปวดสุดทนทาน อ้าปากมหึมาขึ้นฉกกัดถูกหงอนแดงบนหัวของอินทรี พอจู่โจมประสบผลก็ทิ้งลำตัวยาว 2 วาจากยอดไม้ม้วนพันกระชับไปโดยรอบตัวของอินทรี

เห็นแน่ชัดว่าอินทรียากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว

น.นพรัตน์ แปลจากสำนวนการบรรยายของโกวเล้งออกมาว่า เอี้ยก่วยไม่ต้องการเห็นอินทรีถูกทำร้ายถึงตาย จึงกระโดดปราดออกไปจับกระบี่ฟันใส่ลำตัวงูเหลือม

ทันใด อินทรีกางปีกขวาออกตีใส่แขนขวาของเอี้ยก่วย

ด้วยพลังอันรุนแรง รวดเร็ว ขณะที่เอี้ยก่วยไม่ทันระวัง กระบี่สุภาพชนหลุดลอยออกจากมือปลิวลิ่วออกไปหลายวา

เอี้ยก่วยขณะตื่นเต้นสงสัยเห็นอินทรียื่นจะงอยปากจิกใส่ลำตัวของงูเหลือมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งคราจิกจนเลือดงูเหลือมฉีดพุ่งออกมา เห็นเช่นนั้นเอี้ยก่วยต้องครุ่นคิดขึ้น “หรือว่าเจ้ามีความมั่นใจเอาชัยไม่ต้องการให้เราสอดมือเข้าช่วยเหลือ”

งูเหลือมยิ่งม้วนพันยิ่งรัดแน่ อินทรีก็พองขนต่อต้านอย่างสุดแรง เอี้ยก่วยหยิบหินใหญ่ทุบใส่ลำตัวงูเหลือมจนคลายตัวออกเล็กน้อย อินทรียืดคอปราดออกจิกตาซ้ายของงูเหลือมบอดสนิทไปอีกข้าง อินทรียื่นกรงเล็บตะปบตำแหน่งใต้คอ 7 นิ้วของงูพร้อมกับใช้จะงอยปากจิกเข้าส่วนหัว

งูเหลือมบิดตัวปั่นป่วน สุดท้ายไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เนิ่นนานให้หลังค่อยแข็งทื่อตายไป อินทรีเชิดหัวขึ้น ร้องดังกังวาน 3 ครั้ง หันหัวมาทางเอี้ยก่วยเป็นเชิงทักทาย

นั่นเป็นการพบกันหนแรกระหว่างเอี้ยก่วยกับพี่อินทรี เป็นการพบขณะที่แขนขวาของเอี้ยก่วยยังอยู่ เป็นการพบขณะที่กระบี่สุภาพชนยังอยู่ในมือ

ทำไมจึงบรรยายบรรยากาศการพบอย่างค่อนข้างละเอียด

คำตอบจะค่อยๆ เห็นได้จากการพบกันครั้งที่ 2 คำตอบจะค่อยๆ เห็นได้จากความรักความห่วงใยอันพี่อินทรีมีต่อเอี้ยก่วยอย่างลึกซึ้ง