คอฟฟี่เบรก ประภาส อิ่มอารมณ์ /…เฒ่า 80.0…

คอฟฟี่เบรก/ประภาส อิ่มอารมณ์

…เฒ่า 80.0…

ผมเป็นคนวัยเลยหนุ่ม ชนิดกำลังสุกคาต้น รอ…เวลามันจะปลิดขั้วแล้วหล่นเอง หรือเกิดความวิบัติชิงสุกก่อนห่ามไปเสียก่อนในระหว่างทางนั้น…กู๊ดบาย ก็ไม่ทันสั่งลา…ถึงตอนนั้น ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน

ถูกเขาเรียกกันตั้งแต่ น้า ลุง ตา และปู่ หรือบางทีเหมารวมว่า ไอ้เฒ่า อันนี้ถือว่าขัดหู ขัดใจกัน…ม้ากมาก…แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ตามเถอะ

แต่มีเพื่อนคนหนึ่งให้แนวคิดว่า ถ้าถูกเรียกว่าไอ้เฒ่า ก็ตอกกลับไปว่า กูเป็น “เฒ่า 80.0 เว้ย!” ให้เข้ากับเทรนด์ปัจจุบัน ไม่ใช่ผู้เฒ่าธรรมดา ที่กำลังถูกแยกเหล่าเป็น “สังคมผู้สูงอายุ”

ผมจึงต้องแสดงกึ๋นทันสมัยจริงๆ ขนาดเขียนต้นฉบับ ยังใช้โปรแกรมที่ใช้วิธีการพูดใส่ไมค์ แล้วคอมพ์มันก็จะพิมพ์เป็นตัวอักษรแทน จากนั้นก็ค่อยมาขัดเกลา หรือเพิ่มเติมอีกเพียงเล็กน้อย รวดเร็วกว่าวิธีคิดไปพิมพ์ไป ซึ่งไม่เข้ากับสไตล์การเขียนหนังสือของผม ที่เป็น “นักเล่าเรื่องบนหน้ากระดาษ” มากกว่าภาษาศาสตร์

ส่วนพฤติกรรม “เฒ่า 80.0” แบบผม คงไปไหนไม่รอด หรือจะเรียกว่า กลับไปตายรังก็ไม่น่าจะผิด เพราะหูตาเลอะเลือน ขับรถแส่ไปไหนไกลๆ ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะถนนใหญ่หน้าบ้านขณะนี้มีการรื้อเกาะกลางถนน เพื่อเตรียมการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งมีกำหนดว่าจะไปเสร็จและเดินรถได้ก็ปาเข้าไปไม่น้อย อีก 6 ปีข้างหน้า

ซึ่งขณะนั้นผมคงปาเข้าไปเป็น “เฒ่า 80+.0” จะมีโอกาสได้ใช้บริการทันหรือไม่ อันนี้ไม่มีใครให้คำตอบยืนยันได้ แม้กระทั่งตัวของผมเองก็ตาม

ยังโชคดีที่มีเหล่า “เฒ่า 80.0” ที่สนิทชิดเชื้อและแข็งแรงอยู่ ขับรถมารับ โดยนัดหมายกลุ่มเฒ่าอื่นๆ มากินข้าวกลางวันด้วยกันทุกสัปดาห์ ส่วนใหญ่เป็นอาหารญี่ปุ่นเพราะไม่ค่อยมีของเหนียวต้องออกแรงเคี้ยวให้สะท้านฟันปลอม

และไฮไลต์ของทุกครั้ง คือหลังจบของคาว ก็ต้องเลือกร้านกาแฟยี่ห้ออะไรก็ช่าง ขอให้มีมุมนั่งดีๆ พอให้ไอ้เฒ่ากลุ่มนี้ได้ใช้สายตาซอกซอนดูสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาให้เกิดอาการกระชุ่มกระชวย

เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ไปเอาข้อมูลมาสร้างความเซ็งให้เกิดอารมณ์ห่อเหี่ยว แบบผิดกาลเทศะ มันบอกว่า ขณะนี้เขามีกฎหมายคุ้มครองการล่วงละเมิดสตรีออกมาใช้แล้ว เช่น ที่พวกเอ็งกำลังจ้องมองอวัยวะส่วนที่ต่ำลงมาจากใบหน้าของผู้หญิง ถ้าเขาเอาเรื่องและไปแจ้งความ จะถูกฟ้องลงโทษ อย่างน้อยสุดก็มีโทษปรับเป็นเงิน จนหนักถึงปรับและจำ เลยมีการยกกรณีต่างๆ ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เรียกเสียงหัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนาน

แต่ก็ไม่เห็นมีใครเกิดการวิตกกังวลสักคน ยังคงส่งสายตาแทะโลมสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาเหมือนเดิม

…นอกจากตัวเราเองคนเดียวที่เพื่อนๆ สงสัย ถามว่า มึงกลัวถูกเขาไปแจ้งความหรือไง จึงตอบแบบที่มันคาดไม่ถึง

“กูเพิ่งมีหลานคนแรก และเป็นหลานสาว น่ารัก แถมสวยเสียด้วย… กูจึงไม่อยากทำบาป กลัวว่าเดี๋ยวต่อไปมันจะกลับมาลงที่หลานตอนมันโตเป็นสาวเข้า…แบบที่กูทำตอนนี้”

“มึงคิดมาก คนที่เป็นผู้เฒ่าอย่างเรา เขาไม่ให้คิดถึงอนาคต เดี๋ยวจะเกิดความกังวล มีแต่ความทุกข์ คิดแต่ปัจจุบันหาความสุขให้เต็มที่ เพราะพวกเรากำลังอยู่กับเกมนับถอยหลัง ใครจะนับจำนวนที่เหลือก่อนถึงศูนย์ได้นานกว่ากันเท่านั้นเอง” …ก็จริงของมัน ตามตำราเขาว่าเอาไว้แบบนั้น…แต่มันก็ตัดไม่ขาดสักที โดยเฉพาะคิดวาดฝันอันสวยหรู ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน…

อยากรวยส่งท้าย ทำอะไรประชดวัยที่มันจู่โจมมารวดเร็วเหลือเกิน

แต่ยามเมื่อต้องไร้เพื่อน มีแต่ความเหงาอยู่กับตัวเอง…จึงหวังว่าการดูทีวี ซึ่งคมชัดด้วยระบบเอชดี แถมจอใหญ่ดูถนัดตาชนิดไม่ต้องพึ่งแว่นมองไกลให้เมื่อยดั้งจมูก จะพอทำให้เวลาผ่านไปแบบไม่ซึมเศร้า แต่…ต้องผิดหวัง เพราะรายการต่างๆ บนทีวีที่มีมากมายหลายช่อง “ตามไม่ทัน” เทคโนโลยีอันทันสมัยนั้น น่าจะเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถหาบุคลากรมาผลิตความบันเทิงได้อย่างมีคุณภาพมาป้อนได้ทัน…

ไล่มาตั้งแต่…

รายการข่าว ซึ่งบุกเบิกให้คนตื่นตัวหันมาสนใจดูข่าว โดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ก็เปลี่ยนไป…วันๆ เอาแต่ข่าวไม่สร้างสรรค์…ข่มขืน…ฆ่า…อุบัติเหตุ สยดสยอง โดยไม่เลือกเวล่ำเวลาว่าขณะนี้ผู้ชมอยู่ในเวลาระหว่างรับประทานอาหาร หรือทำอะไรที่ไม่สมควรได้รับความเครียด และความหดหู่ตามไปด้วย

…ไม่ลงทุนในการจ้างนักข่าวที่มีคุณภาพ เจาะและหาข่าวเอง นอกเหนือจากการไปเฝ้ารอข่าวตามโรงพัก หรือตัดข่าวจากหนังสือพิมพ์ ส่วนใหญ่เอาคลิปจากโซเชียลเน็ตเวิร์กมาใช้ และที่ร้ายแรง เรื่องของชาวบ้านที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้แน่ชัด แต่เป็นที่สนใจของประชาชน (ชาวบ้านร้านตลาด) แล้วละก็…จะส่งทีมเกาะติดไม่ยอมปล่อยและนำมาขยายผลต่อ เพื่อสร้างเรตติ้งให้ตัวเอง และข่มขวัญช่องข่าวอื่นๆ อย่างไม่คำนึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ตกเป็นข่าว…ดังนั้น ผมจึงต้องดัดจริตไปดูข่าวจากสื่อจากต่างประเทศที่มีจรรยาบรรณและมาจากแหล่งข่าวที่มีคุณภาพแทน…

ละครหลังข่าวค่ำ ที่ชาวบ้านร้านตลาดซึ่งตกเป็นเหยื่อติดกันงอมแงม ก็ขาดนักเขียนสร้างสรรค์ใหม่ๆ จึงหันไปหยิบฉวยของใกล้มือ ไม่ว่าเรื่องจะเป็น remake หรือ rerun ขอแต่ได้คู่พระคู่นางที่คนจ้องหน้าจอเป็นแฟนคลับถูกใจเป็นพอ ถ้าได้อีนางตัวร้ายบวกพลังชั่วกับนางแม่คบคิดกันกลั่นแกล้งนางเอกต่างๆ นานา ชวนให้เกิดความสงสาร จะต้องติดตามเอาใจช่วยยังกับเป็นครอบครัวของตนเอง

เกมโชว์ต่างๆ ก็ช่างไม่แนบเนียน เขียนบทและจัดสรรแบ่งรางวัลเป็นค่าตัวดารานักแสดงกับผู้ร่วมรายการ ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าที่รายการจะออนแอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้แต่รายการแข่งขันร้องเพลงชิงรางวัล ก็มีการล็อกผู้ชนะไว้แล้วเช่นกัน

บางรายการมีกรรมการสี่คน เป็นคนอีสานเสียสามคน ดังนั้น ส่วนใหญ่นักร้องอีสานจะเป็นผู้ชนะ โดยผู้ชนะจะเป็นเพศชายเสียมากกว่าฝ่ายหญิง เพราะเคยมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดเพลงให้ข้อมูลว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จ่ายเงินแลกไลค์เสียงเพลงเป็นผู้หญิง จึงจำเป็นต้องได้นักร้องเป็นผู้ชาย

ส่วนแฟนคลับผู้ชายที่มีสัดส่วนน้อยกว่า ก็ชอบนักร้องผู้หญิง ที่แต่งโป๊ๆ และเต้นชวนเกิดอารมณ์อยากสมสู่…ติดชาร์ตภายในข้ามคืนได้ทีเดียว

เบื่อเพลง มาตามรายการตลกเพื่อคลายอารมณ์ดีกว่า …กลับเครียดหนักเข้าไปอีก เมื่อพบว่ามีแต่ตลกมุขซ้ำๆ เช่น (ตลกอุปกรณ์และเจ็บตัว) ตบกบาล พ่นน้ำหวานทำเป็นเลือด เอาแป้งทั้งฝุ่น หรือละลายน้ำจนเป็นแป้งเปียก ละเลงใส่กัน แต่งกายแปลกประหลาดที่น่าสมเพชมากกว่าตลก จนไม่มีนักแสดงตลกให้ชื่นชอบเป็นแฟนคลับได้สักคน นอกจากตลกหญิงที่มากความสามารถ…เป๊กกี้ ศรีธัญญา คนเดียว ที่พอกู้หน้าสถาบันตลกที่ป๋าล้อต๊อกเคยสร้างมาตรฐานไว้ในอดีต

แต่ทีวีบันเทิงก็ยังไม่สิ้นคนดีมีฝีมือ อย่างพี่ซุปของน้องๆ ที่ทำรายการเด็กมายาวนาน และที่กำลังติดเรตติ้งตอนเสาร์เย็น รายการซูเปอร์เท็น เด็กอัจฉริยะพันธุ์จิ๋ว ซึ่งรายการนั้นเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาแสดงความสามารถ เพื่อแลกกับของที่พวกเขาต้องการ โดยผ่านการตัดสินจากกรรมการสามท่าน เสนาหอย ครูเงาะ และอีกท่านจะหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ามา

ชอบ…ครูเงาะ…มากเป็นพิเศษ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่สวยทั้งบุคลิก งามสง่าด้วยท่วงท่า และวาจาที่คอมเมนต์สั่งสอนเป็นกำลังใจให้น้องๆ…ง่ายๆ แต่คมคายน่าฟัง…ขอเป็นแฟนคลับและชื่นชมเธอเต็มๆ ไปเลย

ทุกความสามารถของเด็กๆ ที่มาแสดงในรายการนี้ ต่างวัย ต่างชนิดความสามารถ บ้างซ้ำกันแต่มีมุมมองที่น่าติดตามชนิดไม่เบื่อ

สิ่งที่น่าทึ่งสำหรับรายการนี้ น้องๆ ที่มาแสดงความสามารถ ทุกคนมีบุคลิกภาพที่สดใส พูดจาฉะฉาน และมีความฝัน ที่ไม่เฉพาะเพื่อสำหรับตนเอง ยังเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และพี่ซุปก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เขาจะมีของอื่นที่น้องๆ ชอบเป็นส่วนตัวตอบแทนนอกเหนือไปจากสิ่งที่ขอมา

รายการดีๆ แบบนี้สังคมต้องให้การสนับสนุนและติดตามชม เพราะท่านจะได้ทั้งความบันเทิง และสาระ รวมทั้งความชื่นอกชื่นใจที่เราจะมีความหวังในอนาคตอันสดใสของเยาวชนไทย ที่จะมาสร้างประโยชน์และชื่อเสียงให้กับประเทศชาติในอนาคตข้างหน้า

ส่วนรายการเด็กอื่นๆ เป็นเกมโชว์ของเด็ก ก็มีการล็อกผลกันไว้ล่วงหน้าเหมือนเกมผู้ใหญ่ รายการ สมอล ทอล์ค ที่มี “เสนาลิง” เป็นผู้ดำเนินรายการ สนุกสนานกับการเดาใจเด็กๆ ที่ต่างไม่สามารถคาดเดาได้ว่า เด็กรู้ หรือไม่รู้…ก็ดูได้เพื่อความบันเทิงมากกว่าสาระ

…ส่วนเวลากลางคืนนั้น เป็นเวลาของการติดตามเรื่องราวข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต และส่งท้ายด้วยการ “เล่าหนังสือ” ให้โปรแกรมพิมพ์ทางไมค์จัดการไว้ให้สำหรับเป็นต้นทุนการทำงานในวันรุ่งขึ้น…จึงปิดคอมพ์แล้ว…เปิดวิทยุฟังเป็นการให้ยานอนหลับอ่อนๆ…แล้วหลับไป…ซึ่งไม่กังวลว่า พรุ่งนี้จะตื่นกี่โมง หรืออาจไม่ตื่นเลยก็ได้…ก็ว่ากันไป…

เพราะนี่มันก็เลยเวลามานานถึงขั้นเป็น “เฒ่า 80.0 ” กันแล้ว

ความสุขเราเป็นผู้สร้างเอง เช่น เพื่อนรักคนหนึ่งมางานวันศิลป์ พีระศรี…เป็นประจำ คือนั่งรถไฟจากทางใต้มาถึงสถานีหัวลำโพงตอนเช้าแล้วแวะเข้าเช็กอินโรงแรมที่เคยใช้เป็นที่พัก ทิ้งสัมภาระของใช้จำเป็นส่วนตัวไว้ที่นั่นแล้วนั่งรถเมล์มาลงที่สนามหลวง เพื่อเข้ามาร่วมงานอย่างไม่เคยขาดหายสักปี…

รวมทั้งยังรักษาผมทรงตัดเกรียน…และหนวดดก ที่ทั้งสองอย่างนั้นเริ่มมีสีขาวเข้ามาแซมสีดำตามวัยที่ล่วงเลยไปสู่อายุแปดสิบกว่าๆ แล้ว

แต่…ยังคงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างเบิกบาน ที่จริงใจ ซึ่งเติมความสุขให้เพื่อนได้อย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เพื่อนรักคนนี้ ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวที่เป็นเรื่องส่วนตัวให้ฟัง

และในทำนองเดียวกัน เราก็ไม่เคยเอ่ยปากไต่ถามเขา

แต่ทุกครั้งซึ่งนานทีที่จะพบกันตามวาระโอกาสอันสำคัญนั้น ดูเขาพกเอาความสุขที่ฉายแววอยู่บนใบหน้าไม่เสื่อมคลายมาให้เห็นทุกคราว

แสดงว่าเขาคงมีวิธีจัดการกับการครองชีวิตคู่ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน จนทำให้อดใจไม่ไหว ตะล่อมถามเขาๆ ก็หลุดปากออกมาให้ฟังจนได้

“อั๊วคิดว่า ผู้ชายทุกคนที่มีเมีย ต่างคนต่างมีปัญหาอย่างแน่นอน เราก็มี…และเคยท้อแท้ แต่เรื่องกำลังใจที่ต้องให้แก่ตนเอง…สำคัญมาก”

เพื่อนรักหยุดพูด และหยิบกระเป๋าใส่เงินมาเปิดให้ดู

“นี่รูปเมียอั๊ว! ติดอยู่ในกระเป๋าไว้ตลอดเวลา

…ทุกครั้งที่มีปัญหา

…ทุกครั้งที่มีความทุกข์

…ทุกครั้งที่เกิดรู้สึกท้อแท้

อั๊วจะหยิบรูปเมียนี้ขึ้นมาดู และจะพบสัจธรรมที่ว่า

…ถ้ากูทนมึงได้มาถึงขนาดนี้ อย่างอื่นกูก็ทนได้ซิวะ”

(ฮา)