เพื่อไทย เดินหน้า แลนด์สไลด์ เหตุเกิดที่ฮ่องกง จตุพร น็อตหลุด ณัฐวุฒิ ถนอมมิตรภาพ ทักษิณ ลั่น เปลืองน้ำยาล้างหู

โอกาสและความเป็นไปได้ของพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ เป็นไปได้สูงมาก จากการวิเคราะห์ของนักวิชาการชั้นนำ และรวมถึงสำนักโพลที่มีความน่าเชื่อถือ

จากผลสำรวจนิด้าโพล ล่าสุด ปลายปี 2565 บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.00 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร พรรคเพื่อไทย

เพราะชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคสามารถทำได้จริง ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร ทิ้งห่างอันดับ 2 ร้อยละ 14.05 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างไม่เห็นฝุ่น

ก่อนหน้านี้ นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่องโอกาสของการเป็นรัฐบาล ก็พบว่า พรรคเพื่อไทย (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว/น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) ตัวอย่าง ร้อยละ 40.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก มากกว่าพรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดยเฉพาะโพลสำรวจ “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ” ปรากฏว่า อุ๊งอิ๊งและพรรคเพื่อไทย ชนะ 4 ภาค แพ้เพียงภาคใต้เท่านั้นที่อุ๊งอิ๊งและพรรคเพื่อไทยเป็นรอง พล.อ.ประยุทธ์

 

ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอก สาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เชื่อว่า ทุกพรรคการเมืองมีโอกาสพ่ายพรรคเพื่อไทยสูงมาก ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยยังนำโด่งทุกพรรค ยกเว้นใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งพบว่าเพื่อไทยกับก้าวไกลสูสีกันมาก ชนิดที่เรียกว่า หายใจรดต้นคอ

ดร.พิชายประเมินว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ทั้งหมดอยู่ที่ 230-250 เสียง

เช่นเดียวกับ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่วิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยอาจเป็นพรรคเดียวที่ได้ ส.ส.เกินร้อย จำนวน ส.ส.อาจไม่ได้มากพอเทียบกับยุครุ่งเรืองในอดีต บัญชีรายชื่ออาจได้ 30-40 แต่ ส.ส.เขต อาจได้จากบ้านใหญ่

เมื่อประเมินเสียงตอบรับของคนเชื้อสายจีนกลางกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนล่าสุด ‘แพทองธาร ชินวัตร’ พร้อมด้วย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นำคณะเพื่อไทยลงพื้นที่เยาวราช รับเทศกาลตรุษจีน พร้อมรับฟังปัญหากับผู้ประกอบการ ภาพที่ออกมาดูเป็นกันเอง ไม่มากไปน้อยไป

เทียบกับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เจอดีมีคนตะโกนถามว่า “ลุงตู่ เมื่อไหร่จะออกสักที” นอกจากนี้ ยังมีประชาชนบางส่วนที่ไม่พอใจเนื่องจากมีทีมงานและสื่อมวลชนติดตามมาจำนวนมาก จนเกิดการเบียดเสียด บางส่วนบีบแตรไล่ เนื่องจากการจราจรติดขัด และยังมีชายคนหนึ่งตามตะโกนว่า “หลอกลวงประชาชน ไหนบอกไม่เล่นการเมือง”

โรดแม็ปสู่แลนด์สไลด์ของเพื่อไทย วางจังหวะไว้อย่างดี ทั้งชุดนโยบายใหม่ และการเดินสาย คิกออฟปราศรัยใหญ่ เจาะสนามเลือกตั้งสำคัญทั่วประเทศอย่างหนัก

ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่า “นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ของพรรคเพื่อไทย ต้องการยกระดับเศรษฐกิจ อย่าตกใจ ที่บอกว่าจ่าย 600 บาทนั้น เพราะที่จริงแล้วเมื่อถึงปี 2570 ผมดูแล้ว 600 บาทอาจเอาไม่อยู่ด้วย เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่านั้น ถ้าปล่อยให้เพื่อไทยเขาแลนด์สไลด์ เขาทำได้แน่”

 

แต่แล้ว จู่ๆ คนกันเอง อย่างตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นปช. และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้พักรบการต่อต้านการสืบทอดอำนาจกับ 3 ป. แล้วหันมาถล่มทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างดุเดือด

จตุพรกล่าวถึงนายใหญ่ทักษิณว่า ไม่ใช่นักต่อสู้ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย เป็นเพียงพ่อค้า คิดเรื่องกำไรตลอดเวลา คิดถึงเกมตลอดเวลา พร้อมแฉว่า ฉากสุดท้ายของคนเสื้อแดงบนถนนอักษะ ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 การชุมนุมของคนเสื้อแดงหลักหมื่นเหลือแค่หลักร้อย เพราะพวกเดียวกันเองปิดก๊อก สมยอมการยึดอำนาจของ คสช.

“ผมต่อต้าน คสช.มาโดยตลอด ผมไม่ได้เผาบ้านตัวเอง ผมไม่ได้ขัดขวางแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย แต่คุณทักษิณมาดูถูก มาด้อยค่าผมทำไม ถ้าคุณทักษิณไม่ด่าผมเห็นแก่เงินที่ฮ่องกง ผมก็ยังลุยกับ 3 ป.เหมือนเดิม ครั้งนี้ผมหัวใจสลาย กระอักเลือด ผมคือคนที่โดนคดีมากที่สุด ติดคุกถึง 3 รอบมากกว่าใคร ผมต้องออกมาเพราะมันเหลืออดจริงๆ” ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ ระบายความคับแค้น ในรายการ The Politics 24 มกราคม 2566

ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตู่ จตุพร ที่รู้จักทักษิณยาวนานกว่า 30 ปี ออกมาฟาดงวงฟาดงา มาจากเหตุเกิดที่ฮ่องกง เมื่อจตุพรรู้มาว่า นายใหญ่ตำหนิเขาเรื่องการเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ที่จตุพรไปหนุน “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” ไม่สนับสนุนตัวแทนของเพื่อไทย เพราะไปรับเงินบุญเลิศ นี่คือปมในใจที่จตุพรถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย

ตู่ จตุพร ให้นิยามนายใหญ่ว่า ร่างท่านเป็นเหล็ก แต่หูเป็นนุ่น และมีปากเป็นสนิม พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคนหูเบา ปากไม่ดี

การออกมาดับเครื่องชนของคนกันเอง พรรคเพื่อไทยไม่ตอบโต้ คนที่เคยร่วมต่อสู้กับจตุพร พรหมพันธุ์ อย่างณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่ตอบโต้ ไม่สร้างพื้นที่วิวาทะ จะไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งบานปลายระหว่างคนในพรรค และนายจตุพรมากไปกว่าที่เป็นอยู่

“ถ้าจะมีบางอย่างที่รักษาไว้ให้ได้ ผมก็จะรักษาไว้ คือความทรงจำที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันมาของแกนนำและมวลชนเสื้อแดง ผมเชื่อว่าพี่น้องร่วมอุดมการณ์ คงไม่มีใครอยากเห็นภาพว่าผมกับคุณจตุพรจะต้องแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันในบางแง่มุมบนพื้นที่สื่อสารมวลชน” นายณัฐวุฒิกล่าว

ค่ำวันที่ 24 มกราคม มีคนถามโทนี่ วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร บนเฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ค่ำ 24 มกราคม เรื่องที่นายจตุพรวิจารณ์ โทนี่ไม่ตอบตรงๆ แต่พูดว่า โดนวิจารณ์มาตลอด

16 ปีแล้วที่ถูกเห่า เป็นเรื่องธรรมดา เฉยๆ โดนมาเยอะแล้ว โดนอีกสักตัวสองตัวก็เฉยๆ และว่า “อย่าไปฟังเลย เปลืองน้ำยาล้างหู”

โทนี่เปรียบเทียบว่า ผัวเมียบางทีก็หย่ากันได้ บางทีกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ใช้เวลา ไม่เป็นไรหรอก คนเราเวลาขับรถมาด้วยกัน มาถึงแยกไฟแดง จะไปต่อหรือเปล่า ไปต่อก็ไปด้วยกัน มันเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ปกติ

ระหว่างวิวาทะเดือด จตุพร พรหมพันธุ์ โดนกล่าวหาว่า ไปรับงานใครมา สกัดแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย คำตอบของเขาคือ “ผมขอถามกลับคุณทักษิณไปรับงานใครมา ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดถึงผม แล้วไปพูดถึงผมทำไมที่ฮ่องกง”

ไม่มีใครรู้ว่า บทสนทนาที่ฮ่องกงเป็นมาอย่างไร แต่ได้ทำให้จตุพรหัวใจสลายไปแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนกับพรรค อย่างณัฐวุฒิ กล่าวประโยคหนึ่งว่า เพื่อไทยต้องรักษาสมาธิในการเดินหน้าเพื่อเป้าหมายแลนด์สไลด์

การสื่อสารการเมืองที่ผิดพลาดและล้มเหลว ส่งผลต่อชัยชนะและพ่ายแพ้ตลอดมา