อนาคตรัฐบาลใหม่ หลังอวสานประยุทธ์ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon
(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

ไม่มีปัญหาไหนที่ทำให้คนไทยด่ารัฐบาลมากกว่าปัญหาปากท้องและความไม่มีอนาคตของประเทศไทย

ต่อให้เครือข่ายรัฐบาลจะยัดข้อหาชังชาติให้ทุกคนที่วิจารณ์รัฐบาลเพียงไร ความเป็นจริงก็ทำให้ประชาชนตาสว่างจนไม่สนวาทกรรมลวงโลกของผู้มีอำนาจเรื่องอนาคตประเทศแม้แต่นิดเดียว

ล่าสุด คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่เยาวราชแล้วประชาชนชู 3 นิ้วไล่ว่าเมื่อไรจะออก จากนั้นคุณประยุทธ์คุมสติอารมณ์ไม่ได้จนสะบัดหน้าเดินหนีนักข่าว

วันถัดมาอาการหนัก ขั้นแถลงข่าวในทำเนียบโดยเอาแฟ้มวางกระแทกแล้วเผ่นขึ้นรถโดยไม่พูดอะไร

อีกวันก็ตาเขียวไม่ตอบคำถามเรื่องตะวัน-แบม

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณประยุทธ์ถูกประชาชนไล่ตรงๆ เพราะการชุมนุมตลอดปี 2563-2564 คือหลักฐานว่าคุณประยุทธ์ถูกไล่มานานแล้ว

ซ้ำการไปภาคเหนือและอีสานแล้วถูกไล่ยังเกิดจนเป็นเรื่องปกติ

แต่การถูกไล่ระยะประชิดใน กทม.ชั้นในอย่างเยาวราชเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

 

หลายสิบปีแล้วที่เยาวราชเป็นพื้นที่ยึดครองของฝ่ายต่อต้านทักษิณ ชินวัตร ในรูปการเลือก ส.ส.ประชาธิปัตย์, ร่วมล้มเลือกตั้งปี 2557, ไปม็อบ กปปส. และเลือกพรรคพลังประชารัฐ

เหตุการณ์ที่คุณประยุทธ์ถูกไล่กลางเยาวราชจึงสะท้อนว่าการเมืองไทยเปลี่ยนแม้กระทั่งในเขตที่มั่นของ “สลิ่ม” กลางเมือง

ยิ่งนึกถึงผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่คนกรุงเทพฯ เลือกชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แบบซูเปอร์แลนด์สไลด์ รวมทั้งผลเลือกตั้ง ส.ก.ที่เทคะแนนเกือบหมดให้เพื่อไทย-ก้าวไกล ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคน กทม.เปลี่ยนจากที่เคยสนับสนุนการฆ่าคนเสื้อแดงปี 2553 และรัฐประหารปี 2557 จนมวลชนฝ่ายคุณประยุทธ์แทบไม่มีความหมายอีกเลย

ต้องไม่ลืมว่าคุณประยุทธ์เปิดตัวพรรคโดยถูกกล่าวหาว่าขนคนจากต่างจังหวัดมาเข้าฉากจนอาจโดนคดี แต่ถ้าคุณประยุทธ์มีมวลชนในกรุงเทพฯ จริง พรรคคงไม่ต้องควักเงินเหมารถขนชาวบ้านแบบนี้

และถ้าฐานที่มั่นใหญ่ของพรรคนี้อยู่ที่ชุมพร นั่นหมายความว่ามวลชนที่หนุนคุณประยุทธ์ยิ่งมีแค่หยิบมือเดียว

ถ้าเทียบกับพรรคการเมืองที่ส่วนใหญ่ไม่มีมวลชนเป็นของตัวเอง คุณประยุทธ์ย่อมไม่ผิดที่มีมวลชนหนุนหลังน้อยขนาดนี้

แต่ถ้าเทียบกับเพื่อไทย, ก้าวไกล, ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยที่มีมวลชนมากบ้างน้อยบ้าง คุณประยุทธ์ก็จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งโดยไม่มีผู้สนับสนุนเป็นหน้าตักของตัวเองเลย

โดยปกติพรรคที่ชนะเลือกตั้งจนเป็นแกนนำรัฐบาลมักมีคุณสมบัติ 3 ข้อ

ข้อแรก คือมีฐานมวลชนหรือ “ผู้สนับสนุนพรรค” ที่เหนียวแน่นจนพร้อมเลือกคนของพรรคตลอดเวลา

ข้อสอง คือผู้นำพรรคโดดเด่นจนคนอยากเลือก

และข้อสาม คือมีนโยบายที่คนยอมรับว่าเป็นทางออกประเทศจริงๆ

สำหรับพรรคคุณประยุทธ์ที่ไม่มีมวลชนหนุนหลังเป็นกลุ่มก้อน เส้นทางที่ต้องทำเพื่อชนะเลือกตั้งมีแต่มีผู้นำและนโยบายที่ประชาชนยอมรับอย่างแรงกล้า

แต่แปดปีของคุณประยุทธ์ทำให้คุณประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำที่ประชาชนยอมรับแน่ๆ

ส่วนนโยบายพรรคคุณประยุทธ์ยิ่งไม่มีทางมีอะไรให้เห็นเลย

 

คุณธนกร วังบุญคงชนะ ซึ่งคุณประยุทธ์ตั้งเป็นรัฐมนตรีทั้งที่เป็น ส.ส.สอบตก บอกว่าพรรคจะได้ ส.ส. 100 คน เท่ากับพลังประชารัฐ และใหญ่กว่าประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย

แต่ด้วยจำนวนมวลชนของพรรค, ตัวคุณประยุทธ์ และนโยบายพรรคซึ่งกลวงโบ๋ เอาแค่พรรคนี้ได้ ส.ส.ถึง 25 ก็ยังยากเหลือเกิน

ตรงข้ามกับเพื่อไทยและก้าวไกลที่ปราศรัยใหญ่และลงพื้นที่ติดต่อกันทุกวัน พรรคคุณประยุทธ์ไม่มีแววทำอะไรได้แบบนี้ คุณประยุทธ์ไม่มีทางปราศรัยหรือลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครได้แบบคุณแพทองธาร ชินวัตร และคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และยิ่งไม่มีทางที่พรรคจะใช้เวทีดีเบตเพื่อสร้างกระแสความนิยมอย่างกว้างขวางได้เลย

แค่นึกถึงการที่คุณประยุทธ์ต้องแสดงวิสัยทัศน์พร้อมคุณพิธา, คุณเศรษฐา ทวีสิน, คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หรือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ตลกแล้ว ยิ่งนึกภาพคุณประยุทธ์ถูกสื่อขยี้บนเวทีอย่างเมามันก็ยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าคุณประยุทธ์หลบแล้วส่งคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปแทน บารมีคุณพีระพันธุ์ก็น้อยจนพูดแล้วไม่ช่วยอะไรเลย

คุณประยุทธ์จะชูนโยบายอะไรเมื่อไม่เคยพูดเรื่องน่าเชื่อถือทางนโยบาย คุณประยุทธ์จะอ้างผลงานอะไรเมื่อไม่มีผลงานชัด คุณประยุทธ์จะชูเรื่องปราบโกงในพรรคที่มีคุณเสกสกล อัตถาวงศ์ และผู้กว้างขวางก็ไม่ได้อีก หรือจะอ้างเรื่องคุณธรรมท่ามกลางพรรคที่มีแต่นักการเมืองน้ำเน่าเกรดบีก็ไม่ได้เช่นกัน

กลยุทธ์เดียวที่คุณประยุทธ์เหลือในการสร้าง “กระแส” คือปลุกระดมกลุ่มคลั่งขวาแบบคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และไทยภักดี แต่เมื่อขาขึ้นของการปลุกระดมทำให้พรรคคุณสุเทพได้ ส.ส.หยิบมือเดียวในปี 2562 พรรคคุณประยุทธ์ในประเทศที่ผ่านม็อบราษฎรมาแล้วย่อมได้ ส.ส.มากกว่านั้นยากเหลือเกิน

 

เมื่อหมดทางสร้างกระแส ทางรอดของคุณประยุทธ์ก็เหลือแค่เกาะนักการเมืองแนว “บ้านใหญ่” และ “นักเลือกตั้ง” แต่ด้วยความที่พรรคคุณประยุทธ์มีแกนกลางคือนักการเมืองสุดโต่งตกยุคที่สอบตกซ้ำซาก โอกาสระดมนักเลือกตั้งให้ได้เท่าพลังประชารัฐ, เพื่อไทย และภูมิใจไทยจึงหดแคบลง

คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำถูกที่เอาตัวรอดจากคุณประยุทธ์โดยแยกพลังประชารัฐออกมา แต่เนื่องจากคนไทยไม่ได้กินหญ้าและมีสมองกว่า 84,000 เซลล์ ความไม่พอใจต่อคุณประยุทธ์ก็คือความไม่พอใจต่อคุณประวิตร อย่างดีที่สุดที่พลังประชารัฐทำได้คือพยุงไม่ให้พรรคแพ้ยับจากความห่วยของรัฐบาล

ไม่มีทางที่พลังประชารัฐจะได้ ส.ส.หลักร้อยอย่างเพื่อไทย คุณประวิตรที่นำพรรคถดถอยจะเละจากการเลือกตั้งจนหมดสภาพ ประชาชนจะพิพากษาคุณประยุทธ์และคุณประวิตรด้วยการไม่ลงคะแนนจนทั้งคู่จบชีวิตการเมือง เหลือแค่ใครจะมีอำนาจต่อรองให้ได้ไปในทางที่ดีๆ ที่ดีกว่ากันเท่านั้นเอง

สื่อพูดกันเยอะว่าเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐโดยไล่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แต่ภายใต้ความตกต่ำของพลังประชารัฐในปัจจุบันที่จะตกต่ำยิ่งขึ้นหลังเลือกตั้ง คุณประวิตรและพรรคจะแทบไม่มีอำนาจต่อรองในการร่วมรัฐบาลกับใคร

และเพื่อไทยก็จะไม่ได้อะไรจากมีพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล

 

คุณทักษิณพูดล่าสุดว่าเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 200 ส่วนพรรคอันดับสองกับสามจะได้ ส.ส.พรรคละ 100 เศษๆ นั่นเท่ากับพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจะได้ ส.ส.รวมกันกว่า 300 ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล หากสามารถหา ส.ส. และ ส.ว.อีก 75 เพื่อหนุนนายกฯ จากฝายประชาธิปไตย

ไม่มีปัญหาว่าเพื่อไทยจะชนะอันดับ 1 เหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งในรอบ 20 ปี แต่ปัญหาคือพรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส.ขนาดไหนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะขณะที่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายโจมตีว่าพรรคก้าวไกลจากการยอมรับข้อเสนอประชาชนเรื่องแก้ 112 โพลทุกสำนักกลับยืนยันก้าวไกลร้อนแรง

ล่าสุด ในไทยรัฐโพลซึ่งคุณทักษิณอ้างในคลับเฮาส์วันที่ 24 มกราคม เพื่อไทยมีคนรอเลือก 38.02%, ก้าวไกลมีคนรอเลือก 32.77% และรวมไทยสร้างชาติมีคนรอเลือก 6.58% ซึ่งเท่ากับการปลุกกระแสคลั่งไม่มีผลต่อการสร้างคะแนนให้คุณประยุทธ์ และไม่มีผลทำลายคะแนนพรรคก้าวไกลเลย

เป็นความจริงว่าสื่อพูดเรื่องดีลเพื่อไทยกับพลังประชารัฐมากจนมีคนเชื่อเรื่องนี้จริงจัง แต่ไม่มีความสมเหตุสมผลที่เพื่อไทยต้องดึงพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล รวมทั้งไม่มีความสมเหตุสมผลที่เพื่อไทยจะถูกคนด่าจากการร่วมรัฐบาลกับคุณประวิตร, คุณธรรมนัส พรหมเผ่า ฯลฯ ต่อให้จะเคยมีความเชื่อมโยงกัน

ยิ่งคิดถึงข่าวเพื่อไทยไล่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ก็ยิ่งเห็นความไม่สมเหตุสมผลของเรื่องนี้เยอะไปหมด เพราะก้าวไกลคือพรรคใหญ่ที่มีผู้สนับสนุนมากอันดับต้นๆ ของฝ่ายประชาธิปไตย การกำจัดก้าวไกลจึงเป็นการผลักมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยนับล้านให้อยู่ตรงข้ามกับเพื่อไทยวันที่ได้เป็นรัฐบาล

คุณประวิตรคือคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากข่าวดีลพลังประชารัฐ-เพื่อไทย ข่าวนี้ทำให้คุณประวิตรมีอำนาจต่อรองกับคุณประยุทธ์มากขึ้น พลังประชารัฐมีโอกาสแย่งคะแนนจากเพื่อไทยสูงขึ้น

และในที่สุดแล้วพลังประชารัฐต้องเกาะเพื่อไทย มากกว่าเพื่อไทยต้องเกาะพลังประชารัฐ อย่างที่พูดกัน