เมื่อช่อง 7 ตัดเวลา ‘ละครหลังข่าว’ คืนวันศุกร์ มาถ่ายทอดสดมวย ‘ONE ลุมพินี’!

เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมวงการโทรทัศน์เมืองไทยครั้งสำคัญ เมื่อ “ช่อง 7HD” ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เรตติ้งอันดับ 1 ของประเทศ เลือกที่จะตัด “ละครหลังข่าวค่ำช่วงไพรม์ไทม์” ออกจากผังรายการในคืนวันศุกร์ เพื่อมาถ่ายทอดสดการแข่งขันมวยศึก “ONE ลุมพินี” แบบเต็มอิ่ม 3 ชั่วโมง ตลอดทั้งปีนี้

โดยเริ่มเปิดสังเวียนครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 20.30-23.30 น.

เบื้องหลังหมุดหมายใหม่ที่เกิดขึ้นกับ “วิกหมอชิต” คือการร่วมมือกันระหว่างช่อง 7, “ไบรอัน มาร์การ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้บริหารของศึก “วัน แชมเปียนชิพ” และค่ายมวย “แฟร์เท็กซ์” ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการศึก “วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย”

ก่อนหน้านี้ “พัฒนพงค์ หนูพันธ์” รักษาการกรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD ได้ระบุถึงความร่วมมือดังกล่าวเอาไว้ว่า

“นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทางสถานีจะได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มกีฬาระดับโลก ในการถ่ายทอดสดศึก ‘ONE ลุมพินี’ และอีเวนต์สำคัญของ ‘วัน แชมเปียนชิพ’ ในอนาคต จนทำให้เป็นครั้งแรกที่รายการมวยระดับโลกจะออกอากาศในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ เพื่อให้คนไทยได้รับชมพร้อมกัน ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี ด้วยมาตรฐานโปรดักชั่นระดับโลก”

ก่อนวันที่ 20 มกราคม ทีมงาน FEED มีโอกาสพูดคุยกับ “เปรม-อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์” ทายาทค่าย “แฟร์เท็กซ์” และหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของ “วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย” เพื่อสอบถามถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่น่าจับตาของวงการโทรทัศน์ครั้งนี้

“วัน แชมเปียนชิพ กับแฟร์เท็กซ์ เคยทำงานร่วมกันเป็น 10 กว่าปีแล้ว ก่อนที่จะเรียกว่า วัน แชมเปียนชิพ เลยก็ว่าได้ เราเป็นสปอนเซอร์เกี่ยวกับอุปกรณ์นวม อุปกรณ์กีฬาให้กับวัน แชมเปียนชิพ และเป็นพาร์ตเนอร์กัน

“พอผมมาเริ่มทำ (ศึกชกมวย) ‘แฟร์เท็กซ์ ไฟต์’ ก็ได้ทำงานใกล้ชิดมากขึ้นกับพี่ชาตรี ศิษย์ยอดธง พี่ชาตรีก็บอกว่าทำไมไม่ลองมาทำเป็น (การแข่งขัน) ‘Road To ONE หนทางสู่ วัน แชมเปียนชิพ’ ในรายการของแฟร์เท็กซ์ ไฟต์ เราก็ได้โอกาสทำ แล้วก็ประสบความสำเร็จ

“พี่ชาตรีก็เริ่มมีไอเดียว่าเขาอยากจะทำสิ่งดีๆ ให้กับมวยไทย ให้กับนักกีฬาไทย ให้กับวงการมวยไทย เพราะว่านักกีฬากับวงการมวยไทย ถือว่าซบเซาไปเยอะเป็นเวลากว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา ก่อนโควิดด้วย

“เพราะพี่ชาตรีเป็นคนไทย เขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคนไทย ของมวยไทย พี่ชาตรีรู้สึกว่าเขาต้องทำสิ่งนี้ให้กับคนไทย และอยากมาทำอะไรก็ได้ให้กับนักกีฬา สุดท้ายก็ได้คุยกับผู้ใหญ่ฝั่งทหาร และเลือกที่จะมาทำที่ลุมพินี เพราะว่าลุมพินีก็มีคอนเซ็ปต์ที่เปลี่ยนไปเลย

“ก่อนหน้านั้น เราเห็นลุมพินีมีนักพนัน มีอะไรเยอะแยะ แต่ทางผู้ใหญ่ของลุมพินี ผู้บัญชาการทหารบกได้มีมาตรการว่าต่อไปนี้ลุมพินีจะเปลี่ยน แบบเดิมๆ ไม่เอาแล้ว

“ในสนามห้ามมีการพนัน จะทำเป็น ‘สปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ จะทำเป็นศูนย์รวมการต่อสู้ ให้โอกาสศาสตร์ของการต่อสู้ในทุกรูปแบบ ที่สำคัญคือให้ความเท่าเทียมของผู้หญิง”

เปรมอธิบายไอเดียตั้งต้นของศึก “ONE ลุมพินี”

จากนั้น ผู้บริหาร “วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย” จึงเล่าถึงกระบวนการที่นำไปสู่การตัดสินใจถ่ายทอดสดศิลปะการต่อสู้ส่งตรงจากเวทีมวยลุมพินีในช่วงเวลาสองทุ่มครึ่งของทุกคืนวันศุกร์ ซึ่งเข้ามาแทนที่ “ละครหลังข่าวค่ำ” อันเป็นโปรแกรมเรตติ้งสูงอันดับต้นๆ ของช่อง 7 มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

“พี่ชาตรีก็เลยมองเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้ และผลักดัน เพราะว่าวัน แชมเปียนชิพ การพนันจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะเขาทำเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทั้งนั้น ก็เลยมีโปรเจ็กต์ขึ้นมา

“ได้รู้จักกับพี่แดง (พล.อ.สุชาติ แดงประไพ) นายสนามมวยลุมพินีคนก่อน แล้วก็ได้คุยกับทางเทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งได้มาเป็นพาร์ตเนอร์ของผมตั้งแต่ทำแฟร์เท็กซ์ ไฟต์ แล้ว

“พี่ชาตรีก็ได้คุยกับคุณไบรอัน แล้วคุณไบรอันก็แนะนำให้คุยกับทางช่อง 7 เพื่อเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างของเมืองไทยและของ (วงการ) กีฬา ทางช่อง 7 ก็เห็นด้วย เราก็ได้ถ่ายทอดสดจากช่อง 7 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“แต่สิ่งที่แปลกก็คือว่าในวงการทีวีของประเทศไทย ยังไม่เคยมีอะไรที่มาทดแทนละครในช่วงประมาณ 2 ทุ่มจนถึง 4-5 ทุ่มนี่แหละ ส่วนมากจะเป็นละคร มันจะเป็นเรตติ้งของทุกช่องเลย

“แต่มาครั้งนี้เราได้เอาสปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เข้ามาอยู่ในช่วงไพรม์ไทม์ของในประเทศไทย ซึ่งทำให้คนเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เป็นวิวัฒนาการใหม่ที่ควรจะเป็น

“อย่างในต่างประเทศ กีฬาคือการถ่ายทอดสดอันดับหนึ่งของทั่วโลกเลย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรือ (อเมริกันฟุตบอล) เอ็นเอฟแอล เขาจะยึดเวลาไพรม์ไทม์ทั้งหมดเลย แต่กับประเทศไทยยังมองเห็นความสำคัญของละครหรืออะไรมากกว่า ไม่ค่อยมีใครกล้ามาเสี่ยง

“แต่ก็โชคดีที่มีพี่ชาตรี คุณไบรอัน และทางช่อง 7 ได้เข้ามาคุย แล้วก็ลงตัวกัน เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้ ทำให้เกิด ‘ONE ลุมพินี’ ขึ้นมา”

 

ยิ่งกว่านั้น ศึก “ONE ลุมพินี” ยังมีจุดหมายใหญ่อีกหนึ่งประการ ที่สำคัญไม่แพ้กัน

“เราอยากจะให้โอกาสกับนักมวยไทยได้สร้างชื่อเสียง สร้างชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่าในวงการมวยไทยมันซบเซา เพราะอย่างบางคนต่อยมวยไปแล้ว อาจจะถูกโกงค่าตัวบ้าง หรือว่าตัวเองต่อยชนะจริงๆ แล้วอาจจะมีการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับที่ ‘ONE ลุมพินี’

“ที่ ‘ONE ลุมพินี’ เราจะให้อนาคตเด็ก เราจะให้ความฝันของเด็กได้เป็นจริง สามารถให้เด็กได้ไปต่อยในเวทีระดับโลกได้จริงๆ และเราไม่ได้เอาแค่ The Best Of The Best (บรรดานักมวยที่เก่งที่สุด) ของเมืองไทย

“เราจะมีโปรแกรมที่อยากจะสนับสนุนเด็กๆ ตั้งแต่เริ่มรากหญ้าขึ้นมาเลย เพราะว่าทุกอย่างมันคือระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) เหมือนกัน อย่าง ‘แฟร์เท็กซ์ ไฟต์’ จะทำ ‘Road To ONE’ หานักกีฬาที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งขึ้นมา ผู้ชนะก็จะได้มีโอกาสเข้าไปต่อย ‘ONE ลุมพินี’

“พอคุณสามารถเป็นท็อป 3 ท็อป 5 ของ ‘ONE ลุมพินี’ (เรา) ก็จะดันขึ้นไป ‘วัน แชมเปียนชิพ’ เพราะฉะนั้น มันมีระดับของระบบนิเวศทางธุรกิจให้กับวงการมวยไทย”

“เปรม อริยะวัฏ” เน้นย้ำปิดท้าย