หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๑)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๑)

 

วันหนึ่งฉันคุยกับเพื่อน เรื่อง Quantum Computing เธออุทานว่า แต่จิตนี้ยิ่งใหญ่กว่า ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่ นี้เป็นสิ่งที่เปรียบเทียบกันไม่ได้ เธอเป็นคนเชย จึงจับแพะชนแกะ

อีกวันหนึ่ง ฉันฟังพระรูปหนึ่ง เล่าถึง Quantum Computing นึกชมว่า ท่านมีความรู้เกี่ยวกับ Quantum ไม่น้อยเลย

แต่ถึงตอนท้าย ท่านสรุปว่า แต่จิตนี้ยิ่งใหญ่กว่า Quantum มากมาย จิตในพุทธนี้ ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ระลึกชาติได้นับหมื่นแสนชาติ ในห้วงเวลาพริบตาเดียว

ฉันรู้สึกเหมือนเดิมว่า เอาอีกแล้ว นี้เป็นความคิดที่เชยมาก และเป็นการจับแพะชนแกะ

การเอาจิตในพุทธมาข่มวิทยาศาสตร์ มันทำไม่ได้ ไม่ควรทำ เพราะมันแตกต่างกัน

จิตอาจรู้ได้ว่าชีวิตเกิดจากความว่างเปล่า

รู้แม้กระทั่งการเรียงตัวของ Amino Acid

แต่จิตไม่อาจรู้ได้ว่าชีวิตกำเนิดวันแรก จากใต้มหาสมุทร หรือบนบก

คล้ายจะง่ายมาก แต่ทว่า มีความลึกซึ้งเหลือเกิน ในรายละเอียด บางสิ่งที่จิตรู้ไม่ได้

ต่อให้สามารถรู้คุณสมบัติทุกประการของควอนตัม

ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้

แต่วิทยาศาสตร์ทำได้ และนี่เองคือความแตกต่าง

ปัญหาของความเร็ว เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ยังมีตัวแปรมากมาย

 

ที่จริง จิตมีความสำคัญ อันนี้แน่นอน เพราะจิตคือชีวิต

หากไร้จิต ก็ไร้ชีวิต

จิตของฉันเป็นเหมือนพ่อแม่ แม้ในสายตาคนอื่น พวกเขาอาจเป็นตายายคู่หนึ่ง คนแก่คู่หนึ่ง แต่ทว่า สำหรับตัวฉัน ท่านเป็นบุคคลพิเศษ เป็นวีรบุรุษ อาจถือได้ว่าสำคัญที่สุดในโลก

เพราะพ่อแม่ให้กำเนิดตัวฉัน เลี้ยงดูฉันมา และมีความรักต่อฉัน

จิตนี้จึงพิเศษยิ่งนัก

ต่อให้ไม่มี Quantum Computer จิตของฉันไม่แปลกใจอะไร

ต่อให้ไม่มี Computer ใดๆ เลย ฉันก็อยู่ได้อย่างสบาย อาจลำบากบ้างในบางเรื่อง แต่ไม่แปลก เพราะในแง่นี้ จิตของฉันสำคัญกว่า

แต่จิตไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า

อันนี้ไม่จริง และเป็นการจับแพะชนแกะ คนละเรื่องเลย

 

เอาง่ายๆ แค่อีเมลหนึ่งฉบับที่ฉันส่งให้พ่อแม่

จิตก็ทำไม่ได้

ใครคิดว่าทำได้ ก็เชิญ หลวงปู่บางรูปอาจทำได้ ส่งกระแสจิตให้พ่อแม่ ว่าลูกกำลังจะมาหาวันพรุ่งนี้ แต่คนธรรมดาทำไม่ได้แน่ พยายามส่งกระแสจิตให้ตาย มันก็ไปไม่ถึง

ไม่ต้องเทียบกับ Quantum Computer ที่หากทำงานได้ มันสามารถคำนวณหาเรือนร่างของชนิดโมเลกุลโปรตีนได้ในพริบตา ในขณะที่คอมพิวเตอร์ธรรมดา ต้องใช้เวลานับพันปี ส่วนจิตนั้น มองไม่เห็น ได้แต่คุยโว มันคนละเรื่อง

Quantum Computer จะมีประโยชน์มากในด้านชีววิทยา ในวิชาเคมี ในการแพทย์ ในการ Coding ในการพยากรณ์อากาศ ในการคมนาคม ฯลฯ

ดังที่บอก จิตของฉันเป็นดั่งพ่อแม่ของฉัน ท่านมีความสำคัญสูงสุดในแง่ชีวิต

แต่จิตของฉัน ช่วยโลกนี้อะไรได้น้อยเหลือเกิน

แทบจะเป็นศูนย์

เป็นแค่ตายายคู่หนึ่งที่อ่อนล้า

ที่ว่าเร็วนั้นคิดไปเอง จะไปเร็วอย่างไรได้

ที่ว่าแม่นยำ ก็ไม่มีเลย ผิดพลาดแสนไกลห่าง วัดหาระยะใดก็ไม่ได้

แต่พ่อแม่แก่เฒ่าแล้ว ฉันไม่ถือสา

 

จิตของพระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอย่างไร นั้นเป็นศรัทธา

เราอาจศรัทธา ว่าท่านระลึกชาตินับแสนนับล้านชาติได้ในพริบตา

แต่ไม่แปลก ฉันเคยได้ยินชาวฮินดู เชื่อว่า พระกฤษณะท่านสร้างหมื่นล้านจักรวาล ในยามบรรทมอยู่ หมื่นล้านจักรวาลล่องลอยออกมา ดั่งฟองน้ำ

ถามดู ชาวฮินดูจะทำประโยชน์ใดได้จากความคิดนี้

เทียบกับอีเมลหนึ่งฉบับ ก็ยังไม่ได้เลย

มันเป็นการจับแพะชนแกะ

พระรูปนี้ เป็นคนเชย เหมือนเพื่อนของฉัน

มันเพี้ยนไปนิดหนึ่ง ที่จริงท่านก็มีความรู้

มันเป็นแค่การจับแพะชนแกะ

มนุษย์อวดรู้เสมอ โดยเฉพาะนักปราชญ์ พหูสูต มันเกิดขึ้นเป็นความธรรมดา

ยิ่งเป็นนักปราชญ์ ยิ่งขี้คุย

น่าจะเจียมตัว ดั่ง Socrates

 

Quantum Mechanics นี้ ฉันเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยเข้าใจมันเลย ความรู้เข้ามา เหมือนเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา นานจนวันที่ฉันอายุใกล้เจ็ดสิบ ฉันจึงเริ่มเข้าใจมันขึ้นมาบ้างนิดหน่อย อาจเพราะมันกำลังกลายร่าง เป็น Quantum Computer มันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กำลังจะมีผลต่อชีวิตประจำวัน ที่จริงมันมาในชีวิตประจำวันนานแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สำนึก

เพราะฉันหลบมันไม่ได้ ฉันจึงต้องเรียนรู้

และตกตะลึง มีสิ่งใหม่ให้เรียนรู้ตลอดเวลา

ฉันเห็นด้วยกับนักวิทยาศาสตร์เรืองนามในต้นศตวรรษที่ยี่สิบที่เคยบอกว่า

ในโลกนี้ จะไม่มีใครเข้าใจควอนตัม

มันมีประโยชน์ แต่เราจะไม่มีวันเข้าใจมันได้

และบัดนี้การใช้ประโยชน์ของมันได้พัฒนาขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง

สมัยก่อน เราใช้ความรู้ควอนตัมกับแสงเลเซอร์ หรือเครื่อง MRI แต่มันยังเป็นการใช้ประโยชน์ในระดับพื้นฐาน

แต่กับ Quantum Computer มันเป็นการใช้ประโยชน์ในระดับที่ลึกขึ้น

เราไม่อาจไม่รู้จักควอนตัมอีกแล้ว