ความสัมพันธ์ระหว่างคนของพรรคเพื่อไทยกับคนของพรรคก้าวไกลดำเนินไปอย่างยอดย้อนอย่างชวนให้ติดตาม

เห็นจาก “ช่อ” เรียก นส.แพทองธาร ชินวัตรว่า “พี่อุ๊งอิ๊ง”

เนื่องจาก นส.พรรณิการ์ วานิช เข้าเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลัง นส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี

จึงรับรู้ชะตากรรมที่ นส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับอย่างชัดแจ้งครบถ้วน

ยิ่งกว่านั้น เมื่อตัดสินใจเลือกการเป็น”สื่อสารมวลชน”เป้าหมายของ นส.พรรณิการ์ วานิช คือ สถานทีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นของตระกูล”ชินวัตร”

อาจกล่าวได้ว่า การเติบใหญ่ในวิชาชีพ”สื่อ”ซึ่งเป็นรากฐาน อย่างดีให้กับการเข้าไปผาดโผนในยุทธจักรการเมืองได้รับการบ่มเพาะมาจนากวอยซ์ ทีวี

เป็นความประทับใจที่ นส.พรรณิการ์ วานิช ไม่เคยหลงลืมและมองข้าม ไม่ว่าจะทำงานในพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะทำงานในคณะก้าวหน้า

ยิ่งกรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยิ่งเป็นความตรึงตรา

 

หากประเมินผ่านนามสกุล”ลิ้มเจริญรัตน์”ต้องถือว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มิได้ห่างจาก”บ้านจันทร์ส่องหล้า” มิได้ห่างจากพรรคไทยรักไทย มิได้ห่างจากพรรคพลังประชาชน

หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานหนึ่งของเขาอยู่กับรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

นั่นก็คือ ทำงานอยู่ในทีมของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นในทำเนียบรัฐบาล เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คือรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

แม้เมื่อตัดสินใจเดินทางไปทำปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยใน สหรัฐอเมริกา คนที่เขียนใบรับรองให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือ นายทักษิณ ชินวัตร

ในทางส่วนตัวเขาจึงแทบไม่ห่างไปจากพรรคเพื่อไทย

 

กระนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็มิได้เป็นเรื่องส่วนตัว หากแต่เป็นเรื่องในทางความคิด หากเป็นในเรื่องระหว่างพรรคการเมือง

ล้วนดำรงอยู่บนพื้นฐานแห่งพันธมิตรในแนวร่วม

เห็นได้จากการร่วมอยู่ในกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน จากยุคพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมายังพรรคก้าวไกล

และเหนียวแน่นในการรักษาพันธมิตรในแนวร่วมโดยพื้นฐาน