ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มกราคม 2566 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
ในครอบครัวของผม เกือบจะทุกคนที่เป็นผู้ชาย จะปีนต้นหมาก ต้นมะพร้าว หรือต้นไม้แทบทุกชนิดได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ่งเป็นต้นหมาก ไม่ว่าจะสูงขนาดไหน แม้จะสูงกว่า 15 เมตร หรือสูงกว่าตึก 3 หรือ 4 ชั้น สามารถปีนได้ทั้งสิ้น
ผมมีความชำนาญในการปีนต้นหมากตั้งแต่ชั้นประถม
ปีนได้ทั้งวิธีตีนเปล่า ไม่ต้องใช้ห่วงหรือใช้ห่วงด้ายดิบ หรือห่วงที่ทำด้วยเชือกกล้วย พันที่ปลายเท้า แล้วทาบไปกับต้นหมาก ปากก็คาบมีด แล้วใช้กำลังแขนทั้งสองข้างดึงตัวขึ้นไป จนถึงคอต้นหมาก เพื่อใช้มีดเฉาะดูหน้าหมากว่า หมากหน้าเต็มสามารถเอามาใช้ซอยเป็นหมากแห้งได้หรือยัง
ถ้าใช้ได้ ก็จะเอามีดเฉือนที่ทะลายหมากที่ติดกับต้นหมาก แล้วดึงเอาทะหลายหมาก (แถวบ้านผมเขาเรียกเครือหมาก) มาพาดไว้ที่หัวเข่า จากนั้นก็จะค่อยๆ รูดลงมาที่พื้น
และต้องคอยประคองไม่ให้หมากพลัดตกจากเข่าลงไปที่พื้นดินข้างล่าง เพราะหมากจะเสียหาย กระเด็นกระจายไปทั่วเมื่อกระแทกกับพื้นดิน แต่ที่ปากยังคาบมีดอยู่
สำหรับผมแล้ว ความชำนาญทำให้ผมไม่เคยเกิดความผิดพลาดเลย เวลาที่ปีนต้นหมาก ถึงแม้ลมจะแรงขนาดไหน ต้นหมากจะโอนเอนโยกไปมาอย่างไร ผมก็ไม่ตกใจ และมีความมั่นใจว่ากำลังแขนและขาของผมแข็งแรงเพียงพอที่จะยึดต้นหมากไว้ได้
การฝึกความอดทนอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าต้นหมากที่ผมขึ้นไป บังเอิญต้นนั้นเต็มไปด้วยมดแดง หรือมดดำ หรือมดอะไรก็แล้วแต่ เมื่อขึ้นไปตัดทะลายหมาก ก็เหมือนไปทำลายรังมด ฝูงมดจะแตกฮือ วิ่งเข้าหูเข้าตา และปล่อยสาร เขาเรียกว่าเยี่ยวมด จนแสบตาไปหมด
ผมจะต้องไม่ตกใจจนปล่อยมือแล้วมาไล่มด ถ้าทำแบบนั้น ผมจะพลัดตกจากต้นหมากได้
ต้องปล่อยให้มดมันกัดไป แล้วประคองทะลายหมากลงมาจนถึงพื้น ค่อยสะบัดเอามดที่กัดออก ซึ่งมันทั้งแสบทั้งคัน และแคะเอามดที่กัดติดอยู่ออก ไม่ว่าจะเป็นที่ซอกคอ หนังศีรษะ หรือตามลำตัว จากนั้นไปขึ้นต้นหมากต้นต่อไป
บางครั้งเพื่อความสะดวก ผมก็ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว เวลาปัดเอามดที่กัดออกจะได้ง่ายๆ
ผมจะขึ้นหมากบ่อย แม่จะคอยดูอยู่ข้างล่าง ผมจะปลิดลูกหมากลูกหนึ่งให้หลุดออกมา แล้วผ่าลูกหมากนั้นโยนลงมาให้แม่ดูว่า หมากทะลายนี้พอใช้ได้หรือยัง
ถ้าใช้ได้ก็ตัดลงมา คำว่า ใช้ได้ หมายถึง เมื่อผ่าลูกหมากออกมาแล้วหน้าหมากจะเต็ม จะไม่มีเนื้อหมากแหว่ง แสดงว่าหมากมีอายุใช้ได้แล้ว ส่วนใหญ่จะใช้ได้ เพราะจะปีนขึ้นไปตัดเป็นวงรอบหรือทุก 15 วัน
เมื่อได้หมากจำนวนมากพอ ก็แบกขนออกจากสวนกลับบ้าน แม่จะเอาไปหั่นหมาก หรือซอยหมากเป็นแผ่นบางๆ มีความหนาเท่าๆ กัน เป็นแว่นๆ เขาเรียกว่า หมากซอย แล้วเอาไปใส่ในกระด้งตากแดดจนแห้ง เก็บใส่ปีบ เพื่อรอขายเป็นกิโล เป็นรายได้ของครอบครัว บางปีแม่จะขายได้เป็นหมื่นบาท
แต่ถ้าหมากแก่จัดไป จะทำเป็นหมากสง เรียกว่า หมากผ่าสี่
ที่สวนมีต้นหมากประมาณ 100 ต้น ผมปีนต้นหมากตั้งแต่ยังเด็ก ทำเป็นประจำ กล้ามเนื้อแขนขาจึงแข็งแรง และทำให้ผมสามารถฝึกหนักได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
เมื่อไปเรียนตำรวจ เวลามีเพื่อนๆ ท้างัดข้อกับผม ผมแทบจะไม่เคยแพ้ใครเลย ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้ายหรือแขนขวา หรือรวมทั้งการบีบมือกัน ผมจะจับมือและบีบบี้จนอีกฝ่ายทนไม่ไหว ขอยอมแพ้ บางครั้งตัวใหญ่กว่าผมเสียอีก
การที่ผมปีนต้นไม้ได้แทบทุกชนิด เวลาเลิกเรียน กลับถึงบ้าน วันไหนรู้สึกหิว ผมจะเดินเข้าไปในสวน แล้วจัดการปีนต้นมะพร้าวขึ้นไปเอามะพร้าวน้ำหอมลงมาผ่ากิน ได้กินทั้งเนื้อและน้ำมะพร้าว หรือไม่ก็ไปหากล้วยหอมที่สุกคาต้น
การปิดเทอมนานๆ และทำงานสวน จนมือหยาบกร้าน เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมกลับไปโรงเรียน วันแรกๆ พอเริ่มจับปากกาหรือดินสอ ทั้งมือและนิ้วมือจะแข็งมาก จนจับดินสอหรือปากกาไม่ค่อยถนัดเลย
ผมจำคำพูดของพ่อแม่พูดให้ฟังเป็นประจำจนขึ้นใจว่า ให้ผมตั้งใจเรียน จอบมันหนัก ปากกามันเบา
ในช่วงเวลาวัยเด็ก ผมจะชอบเล่นน้ำในลำคลองหลังบ้าน
คลองนี้มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คลองตั้วล้ง หรือคลองโต้ล้ง
ชาวบ้านจะปลูกบ้านเรือนริม 2 ฝั่งคลอง ซึ่งคลองนี้จะเป็นคลองย่อยแล้วยังมีคลองอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันอีก ไม่ว่าจะเป็นคลองอ่อนใจ คลองมะเดื่อ คลองกระทุ่มแบน
คลองย่อยๆ เหล่านี้เหมือนกิ่งแขนงจะยาวไปเชื่อมกับคลองภาษีเจริญ หรือชาวบ้านเรียกว่า คลองใหญ่ ซึ่งเป็นคลองขุดขนาดใหญ่ตั้งแต่สมัย ร.5 เชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีน กับแม่น้ำเจ้าพระยา
ประชาชนในเวลานั้น จะใช้ลำคลองในการเดินทาง ขนส่งสินค้า เพราะทางน้ำสะดวกกว่าทางบก ถนนยังเข้ามาไม่ถึงหมู่บ้าน
ชาวบ้านจึงมีแค่รถจักรยาน 2 ล้อถีบ ที่ขี่ไปตามถนนดินหรือขี่ออกไปทำธุระ
ในคลองภาษีเจริญจะมีเรือลากจูง เรียกว่าเรือโยงหรือเรือเอี้ยมจุ๊น ลากกันเป็นขบวนยาวหลายลำ จะบรรทุกสินค้าจนเต็มลำเรือ
ก่อนบรรทุกสินค้า ลำเรือจะสูงกว่าระดับผิวน้ำมาก แต่เมื่อสินค้าเต็มลำ เรือก็จะลดระดับลงจมน้ำจนกราบเรือแตะผิวน้ำ การที่เรือโยงกันมาหลายลำ จึงเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เด็กๆ จึงชอบว่ายไปเกาะเรือโยง แล้วเดินเล่นบนกราบเรือ พอไปไกลสักระยะ ก็ปล่อยแล้วว่ายน้ำกลับที่เดิม
และยังมีเรือหางยาววิ่งไปมา เป็นเรือโดยสารรับส่งชาวบ้านทั้งระยะใกล้ ระยะไกล วิ่งระหว่างตลาดอำเภอกระทุ่มแบน ไปยังเขตหนองแขม ชานเมืองกรุงเทพฯ
เรือโดยสารถ้าวิ่งเร็วจะมีคลื่นสูงมาก เรือเล็กๆ อาจล่มได้ถ้าเจอคลื่นใหญ่ๆ
ดังนั้น เรือโดยสารจะชะลอความเร็วลงเมื่อผ่านเรือเล็กๆ ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำยังมีเรือพาย หรือเรือที่ติดเครื่องหางยาวสำหรับเดินทางไปๆ มาๆ หรือไปจับจ่ายซื้อกับข้าวที่ตลาดกระทุ่มแบน
พี่สาวคนโตของผม ช่วงตอนหัวรุ่งตี 5 จะพายเรือจากบ้านเอาพืชผักในสวนไปขายที่ตลาด บางครั้งผมก็นั่งหัวเรือช่วยพี่สาวพายเรือไปด้วย
ชีวิตของชาวบ้านมีความผูกพันกับสายน้ำจนขาดกันไม่ได้ เพราะเส้นทางคมนาคมทางน้ำสะดวกและเชื่อมโยงกัน
แต่ละปี ในหมู่บ้านของผม จึงมีการนิมนต์พระมาทำบุญตักบาตรเป็นประจำ เรียกว่า พิธีทำบุญคลอง เพื่อความสุขความเจริญแก่ชาวบ้านทุกๆ ครัวเรือน
เวลานั้นน้ำในคลองยังใสสะอาด เพราะยังไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสีย จนน้ำในคลองดำเหมือนในปัจจุบันนี้
วันไหนนึกสนุก ในหมู่พี่น้องก็จับทางมะพร้าวที่อยู่ติดริมคลอง โหนทางมะพร้าว แล้วปล่อยตัวทิ้งลงไปในน้ำ
เป็นที่สนุกสนาน ฝนตกชาวบ้านจะรองน้ำฝนใส่ตุ่มที่ตั้งเรียงรายรอบบ้านเพื่อเก็บไว้ดื่มกินตลอดทั้งปี
ชาวบ้านจะอาบน้ำในคลอง และถ้าน้ำในคลองขึ้นสูงก็จะเปิดท่อน้ำให้ไหลเข้าสวนเพื่อรดผลหมากรากไม้
ชาวบ้านจะตักน้ำใส่ตุ่ม แกว่งสารส้มให้น้ำที่ขุ่นตกตะกอน พอน้ำใสก็ใช้ทำอาหาร ล้างผัก ผลไม้ ซักผ้า หรือเช้าๆ ก็ตักใส่ขันเอามาแปรงสีฟัน ล้างหน้าล้างตา
เรียกว่าทุกอย่างในชีวิตฝากไว้กับสายน้ำที่ไหลผ่านลำคลองเหล่านี้
เด็กๆ ในยุครุ่นของผม ยังเล่นตี่จับ ซ่อนแอบ อีกาฟักไข่ หมากเก็บ ตาเขย่ง หรือเล่นเขย่งขาข้างเดียว ไล่อีกฝ่ายที่หนีในวงที่ขีดเอาไว้ ถ้าแตะตัวคนที่หนีถูก คนนั้นต้องมาเขย่งขาข้างเดียวไล่แทน
บางทีก็เอากาบหมากมาลากให้อีกคนนั่ง อีกคนลาก แล้วแข่งกัน
สำหรับกาบหมากนี้ยังนำมาตัดเป็นรูปพัด ใช้โบกพัด คลายความร้อน เพราะชาวบ้านยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีพัดลม และจำเป็นที่เวลาหุงข้าว ทำอาหาร ต้องใช้กาบหมากโบกพัดเตาถ่าน เพื่อให้ถ่านและฟืนลุกไหม้ดี
โตมาหน่อย ก็มาแบ่งข้างเล่นฟุตบอลกัน ลูกบอลก็เป็นลูกบอลพลาสติก ถ้าเตะจนแบน ก็ไปเอาฟางมายัดใส่ในลูกพลาสติกไม่ให้มันแบนแฟบ
พวกเราจะเล่นตั้งแต่ช่วงเย็น จนเวลาโพล้เพล้ พระอาทิตย์ใกล้ตก แต่ยังพอมองเห็น ใช้ลานกว้างๆ ใกล้ๆ กับบ้านเป็นที่เล่น จนแม่ต้องมาตะโกนเรียกให้กลับบ้าน ได้เวลาอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว
ถ้ายังขืนดื้อ แม่จะหยิบไม้เรียวมาตี
ผมเล่นบอลไม่เก่ง สู้พี่ชายคนรองของผมไม่ได้ พี่เขาเล่นบอลเก่งมาก เวลาเลี้ยงลูกฟุตบอล เหมือนเป็นผู้นำในสนาม
ผมยังจำภาพพี่ชายคนรองได้ การส่งบอลดูมีพรสวรรค์มาก
ผมชอบพี่เขามาก แต่เสียดายพี่ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ และผมก็ไม่เคยบอกให้พี่ผมทราบเลยว่า ผมชอบพี่เขาเวลาเขาเล่นบอล
นอกจากนั้นแล้วพี่ผมยังชกมวยเก่งอีกด้วย
พวกเรายังฝึกซ้อมชกมวยกับพวกเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน โดยการใช้ผ้าขาวม้ามาพันที่มือทั้งสองข้างแทนนวม แล้วชกกันอย่างจริงจัง
ผมจะถนัดในการใช้เท้าเตะมาก สามารถเตะเบิ้ลได้หลายๆ ครั้ง
กติกาเวลาชกมวย คือ ถ้าล้มแล้วห้ามซ้ำ ผมชอบการชกมวยมากและชกแบบนี้บ่อย ชกจนเหน็ดเหนื่อยกันทุกคน แล้วเลิก ไม่เคยมีใครบาดเจ็บจากการที่ซ้อมชกมวยกันเลย
และพี่ๆ น้องๆ ของผม ยังชอบแอบไปดูเขาแข่งขันชกมวย ตามเวทีที่จัดชกตามงานประจำปีของวัด หรืองานปีใหม่
บางทีก็ตามไปเชียร์เด็กๆ ที่รู้จักขึ้นไปชกบนเวที ผมจำชื่อได้ว่า ชื่อ ไอ้เจิด ลูกตาเล็ก กับเจ้มัย เป็นเด็กอายุน้อยกว่าผม ตัวเล็กผอม แต่ฝีมือการชกดีมาก ใจสู้ ชกชนะหลายครั้ง เวลาขึ้นชกใช้ชื่อว่า บรรเจิด ร่มศรีทอง
ผมไม่ทราบว่า ตอนนี้ไอ้เจิดไปอยู่ที่ไหนแล้ว และยังมีนักมวยดังของกระทุ่มแบนในสมัยนั้น คือ จักรฟ้า อ.กระทุ่มแบน
นักมวยที่หมัดหนัก อยู่ไม่ไกลจากบ้านผม ชื่อ บุญเลิศ ชื่อนักมวย เลิศ ลูกตั้วล้ง และยังมีอีกหลายคนที่ผมลืมชื่อไปแล้ว
ในหมู่พี่น้องของผม ยังหาเวลาไปจับปลามาให้แม่ทำเป็นอาหารอีกด้วย เรื่องการจับปลา พี่ชายผมทั้ง 2 คน กับน้องชายที่ติดกับผม จะจับปลาได้เก่งมาก เก่งกว่าผมทุกคน
วิธีการจับปลาที่บ้านผมนั้น จะขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเป็นฤดูฝน มีน้ำมาก จะใช้วิธีวางตาข่ายดักปลา
บริเวณในท้องร่องที่น้ำไหลผ่านแรงๆ และปลาจะว่ายผ่าน ซึ่งส่วนใหญ่ปลาที่ติดตาข่าย จะเป็นปลาตะเพียน ปลาหมอเทศ ปลาหมอไทย ปลากระดี่ ปลากราย
และยังใช้วิธีปักเบ็ด โดยเหลาไม้ไผ่ทำเป็นคัน ผูกกับด้ายยาวประมาณ 1 ศอก ปลายด้ายมีตัวเบ็ดที่เกี่ยวด้วยเหยื่อปลา ที่ใช้ไส้เดือนเกี่ยวไว้เป็นเหยื่อล่อปลา แล้วไปปักบริเวณที่เชื่อว่ามีปลาอยู่
พวกผมจะไปปักเบ็ดตามร่องสวน หัวสวน คันดิน หรือใกล้โพรงปลาที่ปลาขุดดินจนเป็นโพรง การปักเบ็ด แล้วแต่จะมากหรือน้อย แต่ต้องจำสถานที่ที่ปักเบ็ดเอาไว้
การปักเบ็ดจะปักกันในช่วงเย็นๆ พอดึกๆ ประมาณ 3 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม พวกเราจะใช้ตะเกียงโป๊ะ หรือไฟฉาย ไปตรวจดูว่า เบ็ดแต่ละคันมีปลามาติดบ้างหรือไม่ แล้วเตรียมตะฆ้องไปใส่ปลาด้วย
เมื่อไปตรวจ แทบทุกครั้งจะมีปลามากินเหยื่อที่ล่อไว้และติดเบ็ดจนดิ้นไม่หลุด
ปลาที่ได้จะมีทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาหมอเทศ เอาไปให้แม่ทำแกงได้หลายมื้อ
หรือบางทีก็ทำหลุมโจร บริเวณคันดินที่น้ำไหลผ่าน ปลาจะกระโดดข้ามคันดิน แต่พวกเราจะทำหลุมตรงกลางคันดินดักเอาไว้ โดยฝังไหเล็กๆ เอาไว้ ปลาจะตกลงไปในไห หนีไปไหนไม่ได้ บางครั้งในไหก็มีพวกเขียด คางคก ตกลงไป แต่ไม่มีปลา วิธีนี้พวกผมไม่ค่อยทำกัน
นั่นเป็นวิธีหาปลาในฤดูฝนที่มีน้ำมาก พอย่างเข้าฤดูแล้ง น้ำน้อย จะใช้วิธีกั้นเฝือกที่ท้องร่องด้านหนึ่ง แล้วเอาสุ่มไล่ปลาอีกด้านหนึ่ง
ไล่มาจนใกล้จะถึงเฝือกที่กั้นไว้กะพอประมาณ ก็เอาเฝือกอีกผืนที่เตรียมไว้ลงมาปักในท้องร่อง เพื่อให้ปลาอยู่ระหว่างเฝือกทั้งสองผืน จากนั้นก็เอาสุ่ม สุ่มไล่ปลา
การสุ่มต้องมีประสบการณ์เพราะถ้าสุ่มไปเจอปลา ปลาจะดิ้นจนคนสุ่มรู้สึกได้ เราต้องกดสุ่มลงไปในดินโคลน เพื่อจะไม่ให้ปลามุดหนีไปได้ จะจับปลาได้ทั้งปลาช่อนตัวโตๆ ปลาตะเพียน ปลาดุกบ้าง
วิธีนี้เหนื่อยหน่อยแต่สนุกที่ได้ไล่จับปลา
อีกวิธีหนึ่งคือ ใช้วิธีส่องปลา แต่ต้องหาปลาในเวลากลางคืน
บริเวณท้องร่องจะมีน้ำที่นิ่งๆ และใส น้ำไม่สูงมาก พวกผมจะใช้ไฟฉาย หรือตะเกียงแก๊ส ไปส่องหาปลา แต่ต้องไปส่องในเวลากลางคืนเดือนมืด ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป และจะมีตัวหิ่งห้อย แถวบ้านผมเรียก ตัวทิ้งถ่วง ทั้งบิน และเกาะตามต้นไม้ ใบไม้เหมือนไฟกะพริบ วิบวับ วิบวับ มองเห็นสว่างไปทั่ว มองไปทางไหนก็มีแต่ตัวทิ้งถ่วง
กลางคืน พวกปลามันออกมาว่ายลอยตัวอยู่ในน้ำในท้องร่องไม่เคลื่อนไหวคล้ายๆ ปลานอนหลับ พอเห็นปลา ก็กระโดดเอาสุ่มพุ่งลงไปคอบบริเวณที่ปลาอยู่ ต้องทำอย่างรวดเร็ว ปลาจะไม่ทันหนี กว่าจะรู้ตัวก็อยู่ในสุ่มแล้ว แล้วพวกผมก็เอามือล้วงที่สุ่มลงไปจับเอาปลา
การจับปลาต้องระวัง เพราะถ้าเป็นปลาดุก จะมีเงี่ยงที่ปาก จับไม่ถูกวิธี จะถูกเงี่ยงยักเอาได้ จนบาดเจ็บ
แม่จะสั่ง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022