ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มกราคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังลับแลมีอรุณรุ่ง |
ผู้เขียน | ธงทอง จันทรางศุ |
เผยแพร่ |
ผมกำลังวางแผนการท่องเที่ยวว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า นึกว่าจะไปดูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสียหน่อย
เพราะมีสายสืบรายงานว่า กรมศิลปากรได้ปรับปรุงอาคารที่อยู่ด้านหลังอาคารพิพิธภัณฑ์เดิมเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องทองอยุธยาโดยเฉพาะ จากเดิมซึ่งจัดแสดงเป็นห้องเล็กเพียงห้องเดียวอยู่ในอาคารด้านหน้า
ว่ากันว่า ห้องจัดแสดงใหม่นี้ข้าวของน่าดูและอะร้าอร่ามมาก
ผมเคยออกความเห็นไว้ว่า การที่กรุงศรีอยุธยาทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางของระบบการค้าระหว่างประเทศยุคนั้น ทำให้กรุงศรีอยุธยาของเราร่ำรวยมหาศาล
ความร่ำรวยนี้เองต่อมาได้นำภัยเข้ามาถึงตัว เปรียบเหมือนกับบ้านเศรษฐีที่เพื่อนบ้านรู้ว่าเราร่ำรวย เพื่อนบ้านก็ต้องหมั่นไส้เป็นธรรมดา
ความหมั่นไส้นี้ต่อมารุกคืบกลายเป็นสงครามและทำให้กรุงศรีอยุธยาสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลยทีเดียว
เรามาลองนึกถึงแผนที่การคมนาคมในยุคโน้นนะครับ ตำแหน่งที่ตั้งของสยามประเทศอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของภูมิภาคนี้ เรือสินค้าที่จะเดินทางมาจากยุโรป ถ้ามุ่งหมายจะไปค้าขายกับเมืองจีน ก็ต้องผ่านเข้ามาในพื้นที่ที่มีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญ เพราะเวลานั้นสิงคโปร์ยังอยู่ปลายอ้อปลายแขมที่ไหนก็ไม่รู้
ในทางกลับกันเรือที่ขนสินค้าจากเมืองจีนจะไปขายของที่อินเดียหรือยุโรปก็ต้องเดินทางผ่านอยุธยา
ด้วยชัยภูมิที่แสนวิเศษเช่นนี้ บวกด้วยระบบพระคลังสินค้า คือการผูกขาดการค้าโดยทางราชการ ไม่รวยวันนี้แล้วจะไปรวยวันไหนครับ
อยุธยามีฐานะเป็นเมืองมหานครชั้นหนึ่งในย่านนี้ของโลก จะเรียกว่าเป็น Cosmopolitan City ก็เห็นจะไม่ผิด ดังจะเห็นได้จากประชากรที่อยู่อาศัยในอยุธยาว่านอกจากคนไทยและคนจีนเป็นพื้นแล้ว เรายังมีคนต่างชาติต่างภาษาอีกจำนวนมาก
ดังจะเห็นได้จากหมู่บ้านญี่ปุ่น หมู่บ้านโปรตุเกส และเรื่องราวของคอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีกที่เข้ามารับราชการจนได้เป็นเจ้าพระยาของเมืองไทย เป็นพยานอยู่
แม้จนถึงทุกวันนี้ ทำเลที่ตั้งของเมืองไทยก็ยังถือว่าเป็นทำเลชั้นสุดยอดแห่งหนึ่งของโลก ดังจะเห็นได้จากสายการบินจำนวนนับร้อยบริษัท ต่างวางเส้นทางเดินอากาศให้เครื่องบินของเขาต้องบินผ่านกรุงเทพฯ เพื่อมาหยุดเติมน้ำมัน มารับผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง หรือเป็นจุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน
ลงเครื่องบินที่กรุงเทพฯ แล้ว จะต่อเครื่องบินไปประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ก็ได้รับความสะดวกสบายทุกประการ
ผมอดนึกในใจไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบกันกับมาเลเซีย เพราะสนามบินนานาชาติที่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ทุกครั้งพี่ผมไปธุระปะปังที่นั่น รู้สึกว่าเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเสียนี่กระไร มีเครื่องบินขึ้นลงไม่ได้พลุกพล่านเหมือนสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองของบ้านเราเลย
วันสองวันมานี้ ผมไปอยู่ในวงสนทนาแห่งหนึ่งซึ่งพูดกันถึงเรื่อง “ดูไบ” โดยไม่มีความข้องเกี่ยวกับมิติทางการเมืองแต่อย่างใด หากแต่เราพูดคุยกันถึงทำเลที่ตั้งของนครแห่งนั้น ว่าเป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบไปทางชัยภูมิเป็นอย่างยิ่ง และทำให้ผมนึกถึงทำเลที่ตั้งของเมืองไทยขึ้นมาเลยทีเดียว
ในช่วงที่โควิดระบาดหนัก การเดินทางโดยเที่ยวบินตรงจากประเทศไทยไปยังยุโรปทำได้ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะมีจำนวนผู้โดยสารไม่มากเพียงพอที่จะมีเที่ยวบินตรง
การเดินทางช่วงนั้นผมทราบว่าผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนิยมเดินทางไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ หรือเมืองอื่นในย่านตะวันออกกลาง แล้วจึงเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปหรือไปไกลเกินกว่านั้นจนถึงอเมริกาอีกทอดหนึ่ง
จะเลี้ยวลงไปทางแอฟริกาก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ในความหมายนี้ ดูไบจึงเป็นสถานีการเดินทางทางอากาศที่สำคัญ
การเดินทางทางอากาศที่ว่านี้ไม่ได้หมายความแต่เฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น หากแต่หมายความรวมไปถึงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้วย
เราต้องไม่ลืมว่า โลกทุกวันนี้การค้าขายระหว่างประเทศต้องการความรวดเร็วทันอกทันใจมากขึ้นกว่ายุคก่อนเป็นอันมาก จะมามัวโล้สำเภาค้าขายกัน ไม่ทันกินเสียแล้ว ต้องใช้วิธีขึ้นเรือเหาะขนของไปค้าขายกันจึงจะสำเร็จประโยชน์
เขาเล่าว่าที่ดูไบนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานีเปลี่ยนเครื่องบินขนสินค้าเท่านั้น แต่เขายังรับจ้างแกะกล่องใหญ่แบ่งใส่กล่องเล็กเป็นธุรกิจสำคัญอีกประเทศหนึ่งด้วย
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทขายโทรศัพท์มือถือของจีนหรือเกาหลีก็ตาม จะส่งสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของตนไปขายในยุโรป เขาก็นำโทรศัพท์มือถือจำนวนมากใส่กล่องขนาดใหญ่บินไปดูไบ ที่ดูไบจะมีเขตสินค้าทัณฑ์บน เพื่อแกะกล่องใหญ่นั้นออก แล้วแบ่งโทรศัพท์มือถือบรรจุลงในกล่องเล็กแล้วส่งไปยังที่หมายปลายทางแต่ละประเทศ
วิธีนี้สะดวกสบายสำหรับบริษัทจีนหรือเกาหลีมาก เพราะส่งของเป็นหีบห่อใหญ่คราวเดียวโดยไม่ต้องจุกจิกกับการทำห่อเล็กหลายห่อ
ปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเป็นธุระของดูไบไป
ดูไบนั้นเป็นนครหนึ่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นรัฐรวมที่เกิดขึ้นจากนครรัฐขนาดไม่ใหญ่โตนักเจ็ดนครรัฐ โดยเจ้าผู้ครองนครอย่างมีอิสระพอสมควรในการบริหารนครรัฐของตนเอง แต่มาร่วมกันทำนโยบายบางอย่าง เช่น นโยบายต่างประเทศร่วมกัน สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย มีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่โตกว้างขวางนัก เพื่อขยายพื้นที่ของตนเอง
ดูไบจึงใช้วิธีถมทะเลเพื่อเพิ่มเนื้อที่ และเรียกหานักลงทุนจากทั่วโลกไปทำมาหากินอยู่ในดูไบ
ถ้านึกว่าอยุธยาอยู่ในทำเลที่เป็นชัยภูมิเหมาะระหว่างเส้นทางเดินเรือระหว่างยุโรปกับเมืองจีน สนามบินที่กรุงเทพฯ เป็นชัยภูมิที่เหมาะสำหรับการเดินทางติดต่อระหว่างซีกโลกฝั่งตะวันตกกับตะวันออกและภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
ดูไบก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่จะไปซ้ายไปขวาไปบนไปล่าง ด้วยการเดินทางทางอากาศแล้วสะดวกไปหมด
ที่ตั้งของดูไบเป็นข้อได้เปรียบเบื้องต้นแล้วยังไม่พอ ด้วยความที่มีพื้นที่จำกัดและเป็นทะเลทราย เขาจะคิดผลิตสินค้าเกษตรแข่งกับประเทศต่างๆ ย่อมไม่สำเร็จแน่ เขาจึงหันเหไปเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ บริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทด้านธุรกิจการเงินต่างพากันแห่ไปตั้งสำนักงานอยู่ที่ดูไบ
ฝ่ายเจ้าของประเทศก็เอื้อเฟื้อด้วยประการต่างๆ เช่น ออกกฎระเบียบที่ทำให้การค้าราบรื่นว่องไว ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ รัฐบาลเองลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เรื่องการเดินทาง ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อทำได้อย่างนี้ ธุรกิจต่างประเทศก็เข้ามาลงทุนอยู่ในประเทศของเขา เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็ดีขึ้น
ประชาชนชาวดูไบย่อมเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากเรื่องเหล่านี้
ผมเห็นว่านี่ใกล้สมัยเลือกตั้งแล้ว ถึงแม้ผมจะตระหนักดีว่าประชากรไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร นโยบายที่พรรคการเมืองต่างๆ จะเสนอให้ประชาชนได้พิจารณาเป็นทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหาปากท้องของเกษตรกรจึงเป็นมีความสำคัญลำดับต้น
แต่ลำดับถัดต่อไปอย่าให้ไกลนัก ผมหวังว่าเรื่องของการนำเสนอนโยบายในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้วยนักลงทุนชาวไทยเองหรือนักลงทุนชาวต่างชาติก็ตาม จะพอได้ยินได้ฟังจากพรรคการเมืองต่างๆ บ้าง
ผมนึกแบบไม่ได้คิดอะไรมาก
เกาะภูเก็ตนั้นก็น่าสนใจครับ เพราะในสเกลเล็กแล้ว ภูเก็ตตั้งอยู่ระหว่างสิงคโปร์กับกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจใหญ่ของย่านนี้ ถ้าเรายังไม่กล้าจะไปทำโครงการนำร่องอะไรที่เป็นระดับประเทศ
การทดลองทำโครงการนำร่องหรือที่นิยมเรียกกันว่า Sand box ตามแนวทางที่ว่ามาข้างต้นก็น่าจะทำได้ที่ภูเก็ต และถ้าได้ผลดีก็ค่อยขยายผลต่อไปที่อื่นภายหลัง
ได้คิดอะไรเพ้อเจ้อแบบนี้บ้าง รู้สึกสนุกดีมาก
แต่อย่าชวนผมไปลงสมัครรับเลือกตั้งล่ะ
ใครมาชวนต้องโกรธกันตาย โทษฐานไม่รักกันจริง
หัวใจบอบบางอย่างผมจะไปลงเลือกตั้งได้ล่ะหรือ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022