‘อบอุ่น’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

‘อบอุ่น’

 

ปลายเดือนธันวาคม 2565

เป็นช่วงเวลาที่ความหนาวเย็นเข้าครอบครองผืนป่าอย่างสมบูรณ์แล้ว สำหรับสัตว์ป่า นี่คือเวลาแห่งฤดูแล้ง

สัตว์ป่านั้น พวกมันมีเพียงสองฤดูกาล คือ ฤดูแล้ง และฤดูฝน เป็นเวลาที่ชีวิตในป่าต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นชีวิตซึ่งอยู่ในสถานภาพใด พืช หรือสัตว์

ความชื้นในอากาศเหลือน้อย ต้นไม้ปรับตัวลดการใช้น้ำ เปลี่ยนสีใบ ก่อนทิ้งใบร่วงหล่นปกคลุมพื้น

สัตว์เดินทาง ย้ายถิ่นไปยังแหล่งที่มีอาหาร พวกมันรู้ดีว่า จะต้องไปที่ไหน ในช่วงเวลาใด ความรู้นี้ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเนิ่นนาน

สัตว์ป่าใช้ด่าน หรือเส้นทางของพวกมันสำหรับเดินทาง

ป่าไม่รกทึบ ด่านไม่ลื่นไถล เดินง่าย คนซึ่งทำงานในป่า ช่วงเวลานี้ก็เป็นเวลาที่การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายเช่นกัน

เส้นทางขรุขระ หล่มลึก ได้รับการปรับปรุงอย่างดี รถแทร็กเตอร์ใช้เวลาหลายวันไถหล่ม ปรับพื้นผิวจนราบเรียบ สะพานขอนไม้ข้ามลำห้วย ได้รับการซ่อมแซม แข็งแรง ขับรถผ่านไม่ต้องกังวลอย่างในฤดูฝน

เส้นทางสบายๆ เช่นนี้ อยู่ไปหลายเดือนจนถึงฤดูฝน จึงจะกลับสู่สภาพเดิม

เส้นทางดี การออกไปซื้อเสบียง รวมทั้งจัดการธุระในเมือง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก

บนเส้นทางที่ได้รับการปรับปรุง ไม่เพียงคนที่ใช้อย่างสบาย แต่เหล่าสัตว์ก็ดูเหมือนว่าเป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน

เช้าๆ และพลบค่ำ บนทางเราพบเจอสัตว์บ่อยๆ โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือโคร่ง และเสือดาว

มีเส้นทางดีๆ ให้สัญจร ก็ดูคล้ายกับว่า ไม่มีใครอยากเดินอยู่บนทางอันรกทึบ

 

เย็นวันหนึ่ง ขณะกลับจากซื้อเสบียง แสงแดดอ่อนๆ ทอทาบผืนป่า สองข้างทางขนาบด้วยต้นไม้ที่ทยอยเปลี่ยนสีใบ ก่อนขึ้นเนินชัน เสือดาวโตเต็มวัยตัวหนึ่งยืนอยู่บนกลางทาง

พอเห็นรถ มันทำเหมือนเสือตัวอื่น คือ ยืนจ้องสักพักแล้วค่อยเดินเข้าข้างทาง แต่เสือดาวตัวนี้ทำต่างจากตัวอื่นสักหน่อย มันเดินเข้าข้างทางแล้วทรุดตัวลงนั่งเฉย

ผมเคลื่อนรถเข้าไปใกล้ สบตากันในระยะเอื้อมมือถึง อยู่พักใหญ่ มันหันไป-มา ทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะไปหรือจะอยู่

จากท่าทาง ผมเข้าใจว่า มันเป็นเสือที่เพิ่งเติบโตเต็มวัยและเพิ่งแยกจากแม่

เราสบตากันโดยไม่มีเลนส์ หรืออะไรขวางคั่นกลาง จากแววตา ผมเห็นความรู้สึกหวาดหวั่น

เป็นความรู้สึกที่ผมพอจะเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับการต้องเริ่มต้นอาศัยอยู่ในป่ากว้างลำพัง

เสือดาว – เสือดาวไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด ลายบนตัวของมันได้รับการออกแบบมาให้กลมกลืนกับสภาพที่มันอยู่

อีกวันหนึ่ง ผมพบกับหมาจิ้งจอกฝูงหนึ่ง ตอนพลบค่ำ พวกมันอยู่บนทาง จ้องมาทางรถ รูปร่างปราดเปรียว แววตาสะท้อนแสงไฟ ในฝูงมีจำนวนสี่ตัว

วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมพบกับหมาจิ้งจอกอยู่ร่วมกันหลายตัว จากที่เคยพบมันอยู่ลำพังตลอด

ไม่มีอาการตื่นหนี ไม่แอบเข้าข้างทาง และเดินเข้ามาหา พวกมันเป็นหมาวัยรุ่น ร่างกายคล้ายจะยังไม่ล่ำสันเต็มที่

อยู่ในช่วงเวลาเรียนรู้ฝึกฝน รับการถ่ายทอดทักษะ และปรับสถานการณ์ต่างๆ จากแม่

 

พวกมันเดินๆ หยุดๆ รอบๆ รถ ผมดับเครื่อง ปิดไฟ แสงจันทร์ขึ้น 14 ค่ำสว่างนวล ร่างหมาจิ้งจอกรางๆ อยู่ในแสงจันทร์

สองตัวยืน อีกสองตัวนั่ง มองมาทางผมเฉยๆ วิถีของหมาจิ้งจอก พวกมันไม่ใช่สัตว์ที่จะอยู่ร่วมกันเป็นฝูง

อีกไม่นาน พวกมันจะแยกย้ายกัน

 

ถึงแคมป์ กองไฟวับแวม ดวงจันทร์ทอแสงนวล หมาจิ้งจอกที่พบตอนค่ำ ทำให้ผมนึกถึงเสือดาวที่พบวันก่อน

ในระยะแรกที่แยกจากแม่ เป็นธรรมดาที่ย่อมจะรู้สึกหวาดหวั่น แต่ไม่นาน มันจะปรับตัวได้

หมาจิ้งจอกเติบโตเต็มวัยเช่นกัน สำหรับสัตว์ผู้ล่า การอยู่ลำพังถือเป็นวิถีปกติ

แต่เพราะเคยมีความอบอุ่นที่ได้รับครั้งที่อยู่กับฝูง ทำให้การแยกฝูงไม่ง่ายดาย

เมื่ออยู่ลำพัง เก็บความ “อบอุ่น” นี้ไว้ข้างใน มันช่วยให้ค่ำคืนในฤดูแล้ง อุณหภูมิลดต่ำ ไม่เย็นยะเยือกเกินไปนัก…. •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ