รู้จัก “นารี ตัณฑเสถียร” อัยการการสูงสุดหญิงคนแรกของประเทศ

หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 06/01/2023

 

เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศไทยที่นั่งอัยการการสูงสุด

“นารี ตัณฑเสถียร” จึงได้รับความสนใจจากสาธารณชน

เลยขอนำเสนอไลฟ์สไตล์ของอัยการสูงสุดคนที่ 17 คั่นแวดวงสีกากีบ้าง

คนใกล้ชิดเรียกว่า “อาจารย์เปี๊ยก” เป็นผู้หญิงวัย 64 ที่ดูดี รูปร่างเล็ก กระฉับกระเฉง ขยันทำงานมาก แฟ้มคดีไม่เคยตกค้างในห้องทำงาน ถ้าวันไหนงานไม่เสร็จ โต้รุ่งไปเลย

“ห้องทำงานมีที่อาบน้ำ ให้คุณพร้อมทำงานต่อ บนโต๊ะทำงานจะไม่มีงานค้าง” เธอบอก

เป็นอัยการสูงสุดผู้หญิงคนแรกในรอบ 130 ปี ตั้งแต่มีองค์กรอัยการ ซึ่งเดิมคือ กรมอัยการ

ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้ประกาศ 4 นโยบาย ต่อพนักงานอัยการทั่วประเทศว่า จะยกระดับ-ปรับเปลี่ยน-วางรากฐาน-สานต่ออนาคต

โดยใช้คำว่า เบตเทอร์ จัสติส (Better Justice) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ความไว้วางใจให้กับประชาชน สังคม และประเทศชาติ

 

นารีเล่าว่า “ตลอดเวลารับราชการ 37 ปี สำนักงานอัยการสูงสุดไม่เคยเลือกปฏิบัติการเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ตั้งแต่เป็นอัยการน้อยๆ หัวหน้าไม่เคยเอาความเป็นผู้หญิง ผู้ชาย มาแบ่งแยกการทำงาน มองว่าโดยส่วนตัวอัยการทุกคนมีความรู้ความสามารถ ความเป็นผู้หญิงได้เปรียบ มีความละเอียดมากกว่า แต่ไม่ใช่ผู้ชายไม่ละเอียด ผู้ชายก็ละเอียด แต่ผู้หญิงมองเห็นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ในมุมมองแบบผู้หญิง นี่คือประโยชน์ของความเป็นอัยการผู้หญิง”

พร้อมเผยถึงการดูแลตัวเองว่า สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก มีวิธีปฏิบัติคือ วิ่งทุกเช้าบนลู่วิ่งไฟฟ้าตั้งแต่เวลา 04.15 น. ทำมาประมาณ 15 ปีแล้ว ความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่างวิ่งจะดูข่าวเช้าไปด้วย

“ที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่ต้องการให้รูปร่างดี แต่ต้องการให้สุขภาพแข็งแรง ระบบหายใจดี และปอดแข็งแรง”

ประการถัดมา อาหารเช้า จะรับประทานแบบเศรษฐี ส่วนอาหารกลางวันและเย็น รับประทานอย่างยาจก

แจกแจงให้ฟังว่า “อาหารเช้าของดิฉันต้องสมบูรณ์แบบที่สุด จะมีอาหารจานหลัก ขนมปัง ผลไม้หลากสีตามฤดูกาล และอยากบอกว่าผลไม้ไทยดีที่สุดในโลก ประเทศเรามีส้มโอสีขาว สีแดง มองไปมีความสุขเห็นผลไม้หลายชนิดหลากสีในจานเรา คล้ายเป็นความสุขทางตาเวลามองจานอาหาร”

มื้อกลางวัน แม่บ้านที่ทำงานจัดอาหารให้รับประทาน อะไรก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ แล้วรับประทานอาหารในห้องทำงาน

ระหว่างรับประทาน ทุกคนทราบดีว่าสามารถเข้ามาหารือกับอัยการสูงสุดได้ตลอดเวลา ส่วนมื้อเย็น กลับบ้าน รับประทานอาหารธรรมดาๆ

ถามถึงเมนูโปรด อัยการสูงสุดบอกชอบรับประทานแกง เฉพาะเจาะจงพริกแกงใต้ จะเข้าครัวทำอาหารไทยเสาร์อาทิตย์

“พริกแกงใต้สุดยอด แต่อย่าใส่เยอะเพราะมันเผ็ดมาก เป็นคนชอบอาหารไทย”

 

อาจารย์เปี๊ยกบอกว่า ถึงบ้านต้องดูแลคุณแม่ ตอนนี้อายุ 85 ปีแล้ว ในวันจันทร์ พุธ เสาร์ และอาทิตย์ ต้องสวดมนต์และร้องเพลงค่าน้ำนมให้ท่านฟัง

สำหรับการดูแลคุณแม่ ออส.กล่าวว่า บุพการีเสมือนพระในบ้าน เวลาเราไปวัดไปทำบุญกับพระ เหมือนวัดอยู่ในบ้าน เพราะฉะนั้น เวลากลับบ้านได้ทั้งสองอย่าง ไปหาพระ และคนที่ดูแลเรามาตลอดชีวิต มีสวดมนต์ ร้องเพลง ซึ่งเพลงที่ร้องคือเพลงค่าน้ำนม มีความหมายดี

“เพลงวันแม่มี 2 เพลง คือเพลงอิ่มอุ่น กับค่าน้ำนม สำหรับดิฉันแล้วเพลงค่าน้ำนมให้ความหมายที่ดีกว่า ตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว”

ว่าแล้วก็ร้อง “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง” พร้อมบอกว่าความหมายในเพลงดีมาก

จากนั้นจะวิ่งอีกรอบ ความเร็วเท่าเดิม พร้อมๆ กับการดูรายการข่าวไปด้วย หรือถ้าดึกมากๆ จะดูหนังระหว่างวิ่ง

มีคนเคยถามว่า “คุณนารีวิ่งแล้วเข้านอน แล้วหลับเหรอ?”

อาจารย์เปี๊ยกตอบ “หลับค่ะ เป็นคนนอนหลับง่าย”

“ปัญหาอย่างเดียวคือผมเปียก ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะคนเราไม่ได้สมบูรณ์ทุกอย่าง สุขภาพดี ทรงผมประมาณอย่างที่เห็น จะยุ่งๆ ตลอดเวลา” เธอพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

 

ถึงแม้ภารกิจงานแน่นขนัด แต่ถ้ามีเวลาว่างในวันหยุด จะชอบไปดูผู้คนตามศูนย์การค้า

“เวลาไปนั่งที่ไหนสักที่ จะสังเกตดูคนเดินไปมา ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาซื้อรองเท้าผ้าใบจะซื้อสีไรดี เพราะผู้ผลิตจะผลิตสีสวยๆ โน้มน้าวใจ ได้ไปนั่งดูเท้าที่เดินผ่านไปผ่านมา พบว่ารองเท้าสีขาวสวยที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นดิฉันในวันเสาร์อาทิตย์ จะสวมผ้าใบสีขาว ตอบโจทย์ที่สุด แล้วส่งผ่านข้อมูลไปให้พี่น้องในบ้านเวลาจะเลือกซื้อรองเท้า “เชื่อชั้นสิ รองเท้าสีขาวสวยที่สุด เพราะใส่ได้กับทุกชุด”

และเวลาเดินบนสกายวอร์ก ซึ่งถือว่าวิเศษที่สุด เดินลงบนสถานีสยาม จับเวลาเดินไปที่ห้างสรรพสินค้าเกษร ใช้เวลา 12 นาที ได้ทั้งออกกำลังกาย และดูคน เห็นว่าคนไทยมีระเบียบ เข้าแถว เวลาเดินช่องทางเดินไป และสวนกลับ

“เป็นคนชอบเดินและเป็นคนเดินเร็ว เรื่องเดินเร็วนี้ หลายคนมีประสบการณ์ จะเดินตามไม่ทัน เวลาดิฉันเดินช้าจะหงุดหงิด”

สอบถามว่าชอบร้องเพลงประเภทไหน อาจารย์เปี๊ยกยิ้ม พร้อมบอกให้ฟังว่า ชอบร้องเพลงลูกทุ่ง เนื้อหาเพลงสื่อสารภาษาตรงไปตรงมามาก เพลงโปรดคือ “คนนอกสายตา” ของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย

ถามถึงที่มาทำไมชอบเพลงนี้ ได้เฉลยว่า เนื่องจากเป็นอัยการที่ไม่เคยออกต่างจังหวัด เป็นจังหวะชีวิตที่องค์กรไม่บังคับให้ออก ตลอด 37 ปีทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เวลาออกไปต่างจังหวัด คนก็ไม่รู้จัก จึงเป็นที่มาของเพลงคนนอกสายตา

 

สําหรับของสะสม นอกจากหนังสือแล้ว หลายคนอาจจะนึกไม่ถึง นั่นคือ แก้วเบียร์ ได้เล่าที่มาว่า

“จากการที่มีโอกาสไปเรียนหนังสือต่างประเทศ และไปเที่ยวต่างประเทศ ตั้งแต่อยู่คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ไปอยู่ต่างประเทศนานๆ ตอนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา คิดว่า ถ้าได้มีโอกาสเดินทางไปหลายๆ ที่ จะจำได้ไหมว่าที่ไหนได้ไปบ้าง จึงอยากมีความทรงจำ พร้อมกับโน้ตสั้นๆ ในกระดาษใบน้อยๆ ว่าไปเมื่อไหร่ เดินทางในโอกาสอะไร เลยมาลงเอยที่แก้วเบียร์ อย่างน้อยมีชื่อเบียร์ของประเทศนั้น หรือชื่อเมือง เป็นของที่สะสม ถามว่าเบียร์ของโปรตุเกสชื่อว่าอะไร น้อยคนตอบได้ เบียร์โปรตุเกสชื่อ Super Bock พอเราเห็นแก้วเบียร์ อ๋อ เคยไปที่นี่มา มีแก้วเบียร์ มีสินค้ายี่ห้อนี้ หรือคนที่รู้ว่าเราชอบ เอาของชิ้นนั้นมาให้ จะเขียนขอบคุณอยู่ในแก้วใบนั้น เป็นคอลเล็กชั่นที่ใหญ่พอสมควร”

แล้วถ้าคนนึกถึงอัยการสูงสุดหญิงคนแรกของประเทศ อยากให้จดจำเรื่องอะไร

“นารี” ตอบว่า กระบวนการยุติธรรมไม่มีวันหยุด พวกเราพร้อมทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อการพัฒนาประเทศชาติ พัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรม ซึ่งองค์กรอัยการเป็นเสาหลักหนึ่ง อยากให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้องค์กรนี้ขณะมีผู้นำเป็นผู้หญิงได้รับการยอมรับจากภาครัฐและประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วหน้า

ภายใต้ม็อตโต้ Better Justice for Better Life for all