กาพย์กลอนการเมืองคัดสรรปี 2565 | เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ

การเมืองวัฒนธรรม | เกษียร เตชะพีระ

 

กาพย์กลอนการเมืองคัดสรรปี 2565

 

ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพเกาะเกี่ยวกับการเมืองเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ ตั้งแต่สอนหนังสือ ทำวิจัย เขียนคอลัมน์ แปลงาน บรรยายสาธารณะ วิเคราะห์วิจารณ์สถานการณ์ ไปจนถึงตามข่าว เก็บข้อมูล อ่านค้นเอกสารตำรา ฟังการสัมภาษณ์สัมมนาอภิปราย ฯลฯ ทุกวี่วัน

กิจกรรมเหล่านี้นอกจากกระตุ้นสติปัญญาการเรียนรู้เข้าใจแล้ว มันก็กระทบกระแทกอารมณ์ความรู้สึกรักโกรธกลัวหลง ร้อนอุ่นเย็นหนาวส่วนตัวต่างๆ นานาด้วย

กวิตาทีทรรศน์ (poetic mindset) มีคุณประโยชน์ตรงช่วยให้เข้าใจ สามารถจัดการกำกับยึดกุมกลั่นกรองอารมณ์ความรู้สึกดิบด่วนเหล่านั้น เชื่อมโยงเปลี่ยนแปรเรียบเรียงมันใหม่ แล้วกลั่นกรองถ่ายทอดออกมาเป็นถ้อยคำจังหวะเสียงที่ใช้อุปลักษณ์และความหมายสื่ออย่างงามประณีต ด้วยเป้าประสงค์เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม

ช่วยให้ทนคลุกอยู่กับข่าวสารความรู้วิชาการการเมือง รวมทั้งลุงตู่และลุงปูตินมาได้อีกหนึ่งปีแหละครับ หุๆ

ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2566 ผมขอถือโอกาสคัดสรรผลผลิตจากกวิตาทีทรรศน์ดังกล่าวบางส่วนมากำนัลท่านผู้อ่านผ่านคอลัมน์ในสัปดาห์นี้

เมฆคำ “การพัฒนากวิตาทีทรรศน์”
(https://newsroom.lmu.edu/feature/the-benefits-of-developing-a-poetic-mind/)

1) อลัชชีธิปไตย

อลัชชีตีระฆังกังวานขาน หมาวัดหอนยาวนานสัญญาณส่ง

เปรตป่าช้ามาพร้อมรุมล้อมลง อนิจจาพระสงฆ์นิ่งเงียบงัน

อธรรมเป็นอำนาจอุ้มบาตรใหญ่ ธรรมะปลาตไปคราคับขัน

อโยธยาล่มซ้ำชอกช้ำครัน ไพร่ข้ามองตากันกำหมัดมือ

2) นาฬิกาไทยแลนด์

 

เข็มยาวเดินหน้าไปไม่หยุดหย่อน เช้าค่ำไม่ขาดตอนตามโลกหมุน

เข็มสั้นค้างคาเปลี้ยเสียสมดุล นาฬิกาว้าวุ่นด้วยปีนเกลียว

เข็มยาวคล่องปราดเปรียวเดี่ยวลิ่วโลด อยู่ในโหมดดิจิทัลไม่หันเหลียว

เข็มสั้นล้าอะนาล็อกรากงอกเชียว หน้าปัทม์ผิดบิดเบี้ยวประเทศไทย

3) ไม่ซื้อให้หนูไม่ยอม

 

ตามแม่เดินสำเพ็งตอนเอ็งเด็ก ไทยแขกเจ๊กกล่นเกลื่อนเดือนละหน

ไฮไลต์มีสองที่สู้เดินทน ก๋วยเตี๋ยวน้ำแซบจนชอบติดใจ

กับสุดทางปากตรอกออกถนน ร้านของเล่นของล้นทั้งน้อยใหญ่

วิ่งดักหน้ารอแม่มาแต่ไกล แล้วร้องตื๊อซื้อให้อยากได้จัง

ทั้งเครื่องบินรถถังเรือดำน้ำ ของเล่นใหม่ไม่ซ้ำมาวางตั้ง

ย้ากอยากได้จริงแท้แม่ไม่ฟัง กระทืบเท้าลงนั่งอยู่กับพื้น

เอาเครื่องบินไว้ข่มเด็กข้างบ้าน เอารถถังแล่นพล่านอวดบ้านอื่น

เอาเรือดำน้ำโก้โผล่คลองคืน ไม่ซื้อให้สะอื้นอยู่แดยัน

4) อยากลืมกลับจำ

 

คนอยากจำกระทำอนุสรณ์ ตอกหมุดตั้งเสาสะท้อนสถิตมั่น

คนอยากลืมแข็งขืนเอาคืนมัน ขุดหมุดโค่นเสาพลันเหมือนไม่มี

อดีตลบอดีตล้างสร้างอดีต ลบรอยด้วยคมมีดกรีดซ้ำที่

แผลสดซ้อนแผลเป็นเห็นทันที ปลุกความจำย่ำยีไม่มีลืม

5) แปดปีที่เสียเปล่า

 

แปดปีที่ไทยต้องเสียเปล่า ทรุดอยู่กับที่ราวคนง่อยเปลี้ย

ลากถ่วงถอยหลังพังพาบเพลีย ไม่เพียงเสียเปล่ายังเข้าเนื้อ

ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ขาดความคิดสรรค์สร้างทางกอบเกื้อ

ขาดเมตตาการุณช่วยจุนเจือ ภักดีอำนาจเพื่อตำแหน่งกู

วันแห่งความอัปยศของชาติไทย ทหารมีไว้ทำไมน่าอดสู

ความต่ำตมเขลาถ่อยปล่อยพรั่งพรู เสียบประจานอยู่คู่ คสช.

6) รัฐยานยนต์สยาม

 

โชเฟอร์ยึดอำนาจขับผาดโผน ผู้โดยสารตะโกนเรียกร้องห้าม

โชเฟอร์สั่งเงียบหมดเข็นรถตาม เหยียบตีนผีผลีผลามแหกโค้งไป

จงรู้รักสามัคคีพี่น้องเอ๋ย นั่งเฉยเฉยอย่างนี้ดีแค่ไหน

โชเฟอร์สู้เหนื่อยควงพวงมาลัย ชวนชาวไทยตามติดสู่ขิตเทอญ

7) คนใจหนู

 

นักการเมืองใจหนูเท่ารูเข็ม หนึ่งผลงานเติมเต็มกะลาตื้น

แตะไม่ได้เป็นตายต้องโต้คืน คนที่ตายไม่ฟื้นมายืนยัน

แจกแต่กล้วยเลี้ยงลิงชิงเพิ่มฝูง ผูกเชือกกล้วยช่วยจูงซ้ายขวาหัน

อนุพวกอนุพรรคอนุพันธุ์ ฉวยโอกาสฟาดฟันมันเขี้ยวเอย

8) เตี้ยอุ้มค่อม

 

เตี้ยอุ้มค่อมย่อมเตี้ยเพลียเพราะหนัก หลังค่อมถ่วงจนชักแบกไม่ไหว

เตี้ยชอบค่อมไม่ห้ามคอยตามใจ เตี้ยจึงแบกค่อมไปจนซวดเซ

ค่อมแฮปปี้เหลือใจเตี้ยไม่ทิ้ง เกาะเตี้ยแน่นเหมือนปลิงยักคิ้วเท่

ขยับโยกเช้าเย็นเล่นเกเร เตี้ยเหงื่อแตกหน้าเบ้ขาสั่นเทา

9) หมอผีล่าแม่มด

 

เอาความรักเว่อร์ประหลาดเป็นมาตรฐานคอยจับผิดอาการรักไม่เท่า

ถ้าเบี่ยงเบนถือเป็นศัตรูเรา พวกแม่มดล่าเอามาเผาไฟ

จะบะหมี่รองเท้าเผาให้หมด ล้วนเผ่าพันธุ์แม่มดต้องล่าไล่

หวาดระแวงกล่าวหาบ้าคลั่งไป จนแม่มดคนไทยเต็มแผ่นดิน

10) สถาบันหลงทิศอวิชชา

 

พวกเขามีอวิชชาเป็นอาวุธ ความไม่รู้บริสุทธิ์ทำให้กล้า

พูดอะไรไม่กลัวผิดหลักวิชชา เลือกข้างด้วยศรัทธาหน้ามืดพอ

จริงกับเท็จแม่นกับมั่วถูกกับผิด ไม่สำคัญเท่าทิศทางแถต่อ

ด่าศัตรูชมมิตรบิดป้อยอ สถาบันโอละพ่อหลงทิศทาง

11) สังคมพันลึกสู้ศึก

 

แพ้ชนะนับกันเป็นทศวรรษ ผู้ใหญ่กุมอำนาจรัฐมหาศาล

ผู้น้อยสองมือเปล่าเข้าต้านทาน ด้วยปัญญากล้าหาญเพียรผจญ

จากรุ่นส่งต่อรุ่นเข้าลุ้นศึก สังคมอันพันลึกและเคี่ยวข้น

กลางเสียงเย้ยยิ้มย่องลำพองตน อนาคตอดทนสองตาวาว

12) คนดื้อเดิน

 

รอยเท้าที่ย่ำไปบนชายหาด คลื่นทะเลซัดสาดก็สูญหาย

ยังก้าวเดินต่อไปไม่เสียดาย ทิ้งรอยเท้าสุดท้ายเป็นแถวทาง

แต่ก่อนนี้ที่นี่มีคนเดิน เหนื่อยช้ำฟกระหกระเหินทุกก้าวย่าง

คลื่นลบรอยก้าวใหม่ไม่ปล่อยวาง ฟ้าคำรนครืนครางข้างหน้าโน้น

13) ความคิดหลังซี่กรง

 

เขาขังโลกเอาไว้ให้โลกนิ่ง เชื่อจริงจริงซี่กรงคงคุมอยู่

ปิดให้โลกเจ่าจุกทุกประตู ท่ามกลางความไม่รู้ของเมื่อวาน

เขาไม่เห็นถึงในใจของโลก ประสบการณ์โชนโชกที่พบผ่าน

โลกข้างในเปลี่ยนไปตลอดกาล ความคิดอ่านวันพรุ่งพลุ่งพล่านใจ

14) โลกเพี้ยนนักเรียนเลว

 

เมื่อความดีในแผ่นดินกลิ่นตุตุ คนดีฟันฟางผุปากเหม็นเน่า

อ้างนิยมอำนาจชาติชำเรา พาตื่นรู้ผู้เยาว์ไม่อยากเรียน

แถวนักเรียนเนืองแน่นแดนผีดิบ สิทธิ์เสรีถูกริบล่ามโขกเฆี่ยน

เปิดประจานปกปิดสะอิดสะเอียน วิปโยคโลกเพี้ยนนักเรียนเลว

15) แด่ดินสอโดมผู้จากไป

 

เหลาขึ้นทั้งกายใจจากไม้สัก ได้จารึกจำหลักเป็นหลักฐาน

เสียงดนตรีเสียงกวีดังกังวาน บันทึกเป็นพยานตลอดไป

เขียนเอาไว้กลางใจแห่งแผ่นดิน เลือดที่รินร่างที่เรียงเสียงร่ำไห้

ป่าที่เข้าศึกที่สู้เพื่อกู้ไท สู้พ่ายแพ้สู้ใหม่ไม่จำนน

แผ่นดินกว้างทางกลับช่างคับแคบ ประคองแผลเจ็บแสบไปห่างหน

สู่โลกใหม่หายใจเสรีชน ฝากฝันให้ทุกคนข้ามฟากฟ้า

ดินสอโดมขีดครบจบบรรทัด ตำนานการยืนหยัดของคนกล้า

เรียกหนุ่มสาวพลิกฟื้นตื่นเต็มตา เรียงสัมผัสพลิกหน้าต่อตำนาน

16) วันรำลึกแพะแห่งชาติ

 

ผิดที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิด สามัญชนอภิสิทธิ์หามีไม่

อคติคลั่งบ้าหาเหยื่อไป อำนาจซัดบาปใส่ให้ลงทัณฑ์

สังคมป่วยคนป่วยความคิดป่วย บ้านเมืองลงแดงด้วยความหวาดหวั่น

เฒ่าชแรแก่ชราแพะสามัญ บูชายัญสรวงเซ่นความเป็นไทย

17) เมาตน

 

เมาเหล้าสำรากอ้วก………………….อ่อนคลาย

เมาหยูกยาฤทธิ์วาย………………….ว่างเว้น

เมาคำเฟื่องน้ำลาย…………………..คลุ้งคละ คล้อยเฮย

เมาอัตตาบ้าเต้น……………………..ไต่เต้าเตลิดเหลิง

ยกตนสุดเหยียดขึ้น….สองแขน

ข่มท่านกระทืบแทน…………………บาทถ้อย

ลำโพงร่ำรำแพน…………………….กรายกรีด

วีรกรรมปลายก้อย…………………..ป่าวก้องกรอกหู

18) ลำนำเที่ยงคืน

 

เธอถอนใจไอจางเป็นทางขาว ลมโชยช้อนช้าราวลอยอ้อยอิ่ง

กลืนไปในหมู่เมฆที่พักพิง ค่อยจางหายไม่ทิ้งร่องรอยใด

จากฟ้าสูงสุดฟ้ามาโลมลูบ เมฆขาวโน้มลงจูบจุมพิตให้

สูดดูดดื่มผสมลมหายใจ แล้วล่องลอยลาไปลับสายตา

เหมือนอดีตย้อนไปไกลลึกล้ำ เมฆคล้อยผ่านธารน้ำรี่ไหลบ่า

ทรุดตัวนั่งพักบ้างข้างธารา สูดลมเข้าช้าช้าแล้วถอนใจ