ชำระบาป-ประวัติศาสตร์ กับบอกลา-โรงละคร | อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์ | อภิญญา ตะวันออก

 

ชำระบาป-ประวัติศาสตร์

กับบอกลา-โรงละคร

 

มัดรวมสิ้นปีของฉัน-กัมพูชา คือปัญหาเขมรแดง-ICC ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือศาลลูกผสม : ECCC ณ กรุงพนมเปญที่สิ้นสุดเก็บฉากโรงละครด้วยโปรดักชั่นตระการตาผลาญเงินขนหัวลุก

แต่ผลที่ได้รับช่างไม่สั่นสะเทือนใดๆ สำหรับประเด็นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา

เล่าย่อๆ ว่า ขณะที่ปิดฉากนี้ ตัวละครในฐานะจำเลยคนสุดท้ายในศาลมีชื่อว่าเขียว สัมพัน (91) ในวาระสุดท้าย ที่เขาอ่านคำแก้ต่างในศาลอย่างขึงขัง แบบเดียวกับเนื้อหาใน “ประวัติศาสตร์กัมพูชากับจุดยืนที่ผ่านมาของข้าพเจ้า” (สำนักพิมพ์มติชน) จริงๆ แล้วเขายังเขียนอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นฉบับเต็มและมีเนื้อหาพาดพิงกรรมาภิบาลหลายคน เขียว สัมพันคงตั้งใจใช้เป็นข้อแก้ต่างให้ตัวเองในชั้นศาล หลังจากหนังสือเล่มแรกถูกห้ามขาย

ไม่นานเขาก็ถูกส่งตัวไปขึ้นศาลซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปี

เผยให้เห็นว่า แค่ยังไม่ทันจะเบิกศาล ICC ก็สยบยอมต่อรัฐเขมรซึ่งจะตามมาอีกหลายอย่างในแง่ภาคการสืบสวนของอัยการและอื่นๆ ซึ่งมาจากไม่ยืนกรานที่จะไต่สวนนอกราชอาณาจักรกัมพูชา และจนแม้จะผ่านมา 16 ปี แต่ ECCC/ศาลเขมรแดงกลับทำได้เพียงครึ่งทางคือ 002 ส่วน 003 และ 004 ในที่สุดก็โละทิ้ง

ทั้งๆ ที่คดี 004 นั้นมีมากมายหลายประการที่เกี่ยวข้องกับฮุน เซน

ต้องเข้าใจด้วยว่า กระแสโลกาภิวัตน์ มีส่วนทำให้คดีนี้ถูกลดความสำคัญโดยปริยายจากจำนวนบุคลากร, ภาษา รูปแบบเนื้อหาต่อสาธารณะ และอื่นๆ ความยืดเยื้อยาวนานที่ทำให้ขาดความน่าสนใจ

หรือแม้แต่กระบวนการไต่สวน

เชื่อไหม ถ้าไม่มีคนเล็กคนน้อย/ตัวละครที่ถูกกำหนดว่าตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านั้น เรื่องเล่าของพวกเธอเขาช่างปวดร้าว ทั้งๆ ที่ผ่านมานานหลายสิบปี และมันทำให้เห็นว่านี่คือข้อดีของศาลเขมรที่จำต้องพิจารณาในกัมพูชา ทั้งๆ ขณะนั้น การเบิกความในศาลโดยทางไกลสามารถทำได้และลดต้นทุนด้วย

ขณะเดียวกัน การที่ตัวละครสมทบระดับนำหลายคนไม่ยอมมาขึ้นศาลมีแต่เขียว สัมพัน, นวน เจีย, เอียง สารี-เอียง ทีริตในคดี 002 การตัดเอียง ทีริตด้วยเหตุผลที่เธอป่วยความจำเสื่อม และการประท้วงเงียบของเอียง สารีที่ถือสิทธิ์สุขภาพไม่ให้การในคดี

คิดดูเถอะ ตลอด 4 ปีที่อยู่ในศาลจนถึงแก่กรรม เอียง สารีไม่เคยสาบานตนในคอกให้การสักครั้งเดียว

เอียง สารีเลือกที่จะเงียบและถึงขั้นที่จะ “ตาย” มากกว่าที่จะเป็นจำเลยสังคมในฐานะผู้ก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ ขณะที่การไต่สวนดำเนินไปทุกวัน เขากลับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในทุกคำกล่าวหาและในทุกถ้อยวาจาของคำโต้แย้งจากสหายเจียและสัมพัน ขณะที่กึ่งนอนกึ่งนั่งรับฟังอยู่ในห้องคดี

เห็นได้ชัดว่าขณะที่โสตประสาทยังทำงาน ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาที่แสดงออกถึงความปวดร้าวอย่างเห็นได้ และนั่นคือการพิพากษาในแบบฉบับที่เราไม่อาจจะกล่าวได้

ในที่สุด ศาลและองค์คณะฯ ก็ยุตินำเอียง สารีเข้าห้องไต่สวน นั่นคือ บทบาทสุดท้ายที่เราเห็นอดีตผู้นำเขมรคนนี้ ขณะเผชิญหน้ากับความตายและโลกแห่งความจริง

หากเป็นนักละครเวทีแล้ว ไม่มีบทใดจะท้าทายเท่ากับบทอัตวินิบาตกรรมตนเอง ซึ่งเอียง สารีก็ทำมันอย่างสมบูรณ์ในแบบของตัวเอง

นั่นก็ทำให้คดี 002 และแก่นกลางของเรื่องอดีตผู้นำเขมรแดงทั้งหมดเลือนหายไปกว่าครึ่ง ส่วนหนึ่งอยู่ที่เอียง สารีและทีริต ทว่า มันคุ้มค่าสำหรับความเป็นเอียงรุ่นลูกหลานที่จะมีชีวิตต่อไปในแบบที่พ่อต้องการ

สหายของฉัน เพื่อรำลึกสุดท้ายถึงศาลแห่งนี้ ในขณะที่ปิดตัวลงและส่งเขียว สัมพันไปยังเรือนจำแห่งใหม่ และเขาคงสิ้นชีวิตที่คุกนั่น (2563)

แต่มันจะไม่สมบูรณ์แบบเลย หากเราไม่พูดถึงเกียง เก็กเอียว จำเลยคดี 001 เพียงคนเดียวที่ทำให้ไอซีซี/ศาลลูกผสม หลงเหลือศักดิ์ศรีแห่งความน่าภาคภูมิใจ และสามารถนำไปถอดบทเรียนได้อย่างคุ้มค่า

และนี่คือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ไม่เกี่ยวกับวรรณะหรือความเป็นนักโทษ ไม่ว่าจะคดี 001, 112 หรือคดีอะไร พวกเขามีศักดิ์ศรีเสมอ เช่น เกียง เก็กเอียว กรรมาภิบาลชั้นรอง ที่พล พตส่งไปคุมนักโทษที่โตลสแลง (คุก S-21)

และต่อมาอีกหลายปี มายาคติต่อเกียง เก็กเอียว ถึงขนาดไม่เคยดูการไต่สวนคดีของเขาและความเกลียดชังก็ยังฝังอยู่จนเกียง เก็กเอียวตายไปร่วม 2 ปีแล้วฉันจึงเริ่มสนใจคำให้การของเขา นับเป็นวิธีก่อทางความคิดที่ตกทอดเป็นความเกลียดชัง

เกียง เก็กเอียวถูกลงโทษซ้ำ ตั้งแต่ประธานศาลนายนิล นลที่นั่งบัลลังก์ กล่าวเสียดสีทั้งน้ำเสียงและสายตาเป็นประจำ หลายปีต่อมา เมื่อฟังคำให้การย้อนหลัง ฉันกลับพบหลายอย่าง ทั้งที่เป็นแค่เจ้าหน้าที่/กรรมาภิบาลชั้นรอง แต่เกียง เก็กเอียวกลับให้การแก้ต่างตนเองที่คล้ายจะตรงไปตรงมาและต่างจากผู้นำเขมรแดง/คดี 001

มันทำให้เราสัมผัสว่า นี่คือส่วนที่ดีที่สุดของการไต่สวนทั้งหมดที่สามารถนำไปถอดบทเรียนภาคประชาชนได้ และนั่นหรือไม่ที่น่าจะดีที่สุดของการมีศาลแห่งนี้ ที่ไม่ใช่แค่เหมือนศาลาโรงละคร และนั่นเองที่น่าเปล่าเปลืองเสียดายสำหรับการ “ชำระ” คดีอาญาระหว่างประเทศโดยกระบวนการทางกฎหมายที่ยาวนานที่สุดในโลก

แต่เกียง เก็กเอียว คืออดีตเขมรแดงเพียงคนเดียวที่ก่อนถูกรวบตัวเข้าเรือนจำ เขาเรียนรู้โลกภายนอกจากอดีตนักโทษของตน เช่น ฟร็องซัวส์ บิโซต์ และนั่นหรือไม่ที่ทำให้เกียง เก็กเอียวเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชน ความโดดเดี่ยวไร้ครอบครัวทำให้เขากล้าหาญที่จะชำระสะสางคดีอย่างไม่เสแสร้งปิดบัง และที่สำคัญ ยังเอื้อต่อการถอดบทเรียนทางสังคม

แต่นั่นแหละ มายาคติมากมายที่แฝงเร้นในใจ แม้แต่ฉันที่มักคิดไปเองว่ามีความยึดโยงพื้นฐานเชิงมานุษยวิทยา ทว่า สำหรับชาวกัมพูชาแล้ว องค์กรฟื้นฟูว่าด้วยเหยื่อเขมรแดงและภาคประชาสังคม กลับไม่ฉวยโอกาสถอดบทเรียนสำคัญว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติที่เลวร้ายที่สุดของโลก

ทัศนคติและมุมมองต่อการ “ชำแหละล้างและสะสางประวัติศาสตร์” เป็นภารกิจ จะช่วยให้ประชาชนกลับคืนมาได้โดยไม่เพียงแต่อาศัยธรรมชาติของเวลาเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ชาวเขมรส่วนใหญ่ยังติดอยู่บนขนบของความเจ็บปวดนั้นอย่างไม่สามารถชี้ชัดได้

ในทางกลับกัน ฉันกลับสงสัยว่า หากนี่เป็น “กรณี 6 ตุลา” หรืออื่นๆ ดังที่คนไทยบางฝ่ายต้องการจะให้เกิดขึ้นใน ICC การถอดบทเรียน ไม่ว่าจะเกิดจากตีแผ่ขยายหรือการผลิตซ้ำเหล่านั้น คงเดินทางโอฬารริก

แต่สิ่งที่ฉันถวิลหาอย่างแท้จริง หาใช่เป็นสิ่งที่อยู่ในคำให้การของบรรดาจำเลย เหยื่อ พยานในศาลเขมรแดง ที่ช่างบังเอิญบางฉากไปพ้องในบทละครเวทีของ Th??tre du Soleil/โรงละครพระอาทิตย์ ของเอแลน ซิกซูส์ (H?l?ne Cixous) ที่แต่งเรื่องนี้ 7 ปี ก่อน ECCC/ศาลเขมรแดงจะเริ่มในกัมพูชา 2549

ละครเรื่องนี้มีชื่อว่า “ประวัติศาสตร์สยดสยองแต่ยังไม่จบของนโรดม สีหนุ, กษัตริย์เขมร” และมีไดอะล็อกตอนหนึ่งของเอียง สารี ชีวิตจริงเขาอาจจะตายคาศาลแต่สำหรับในละครแล้วบทสนทนาโต้ตอบกับภรรยาและเขียว สัมพันในประเด็นกล่าวหาสหายฮู ยุนว่าแปรพักตร์

เอียง สารี ถูกกล่าวหาพัวพันการตายของเจ้าหน้าที่ต่างประเทศจำนวนมากในกระทรวงกิจการที่เขาดูแล และในตอนหนึ่งของบทละคร :

เขียว สัมพัน : ซีไอเออย่างงั้นรึ? ทำไมฉันจึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

เอียง ทีริต : เห็นได้ชัดว่า คุณรักฮู ยุนมากเกินไป

เอียง สารี : ใช่, ตอนอยู่ปักกิ่ง ฉันเคยเห็นเขาอ่านนิวยอร์กไทมส์

อีกองก์หนึ่ง : เจ้าชายสีหนุขณะทรงรับทราบราชนิกุลถูกเขมรแดงสังหาร พลันเสียงร้องของตุ๊กแกก็ดังกังวานไปทั่ววัง มันช่างน่ารำคาญใจ นับเป็นฉากล้อเลียนความเป็นความตาย

ราตรีหนึ่งราตรีนั้น ขอคารวะต่อศาลเขมรแดง 16 ปีแห่งบันทึก “คำให้การ” ที่มีมากล้นไปด้วยสถิติและต่อเอแลน ซิกซูส์ต่องานประพันธ์ 1 ชิ้นที่เต็มไปด้วยแง่งามอีกด้านของความเป็นตัวละครที่เรามองไม่เห็น

และฉันอยากขอบคุณความบ้าคลั่งอันรันทดที่ทำให้ฉันมาบรรจบกับโรงละคร-กัมพูชา