ภาพหลอน…ที่ใครก็ไม่อยากเกี่ยวพันด้วย | วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน
(Photo by CHRISTOPHE ARCHAMBAULT / AFP)

มีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้นเป็นลำดับ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งใหญ่ในต้นปีหน้า โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันแล้วว่าจะเดินหน้าบนถนนการเมืองต่อไป ยังจะขอชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ได้แค่อีก 2 ปีก็ตาม

เป็นอันว่า พล.อ.ประยุทธ์คงจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วแน่นอน เนื่องจากพรรคเดิมคือพลังประชารัฐ มีการเปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และจะขอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วย โดยการเข้ามาของนายมิ่งขวัญนั้น ได้อธิบายชัดเจนว่า เพราะพรรคนี้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์แล้ว

ขณะเดียวกันพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีประเด็นน่าสนใจ

เพิ่งมีการให้ข่าวนำเสนอในสื่อต่างๆ ระบุว่า พรรคกำลังถูกฝ่ายตรงข้ามปล่อยข่าวทำลาย ด้วยการเอาชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามาพัวพัน ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แม้ว่าพรรคนี้จะมีแกนนำ กปปส.เข้ามาร่วมหลายคน มีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายสุเทพซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงแต่อย่างใด

ยืนยันว่า เป็นการปล่อยข่าวเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของรวมไทยสร้างชาติเสื่อมเสีย อะไรทำนองนั้น

แต่เท่ากับยอมรับว่า การนำชื่อเทพเทือกมาผูกโยง ไม่เป็นผลดีต่อรวมไทยสร้างชาติ และกระทบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมาเป็นพระเอกชูโรง!

ไม่เป็นผลดีในแง่ไหนบ้าง

ที่แน่ๆ ก็คือ เมื่อมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายจากพลังประชารัฐมาพรรคนี้ ซึ่งมีชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายเอกนัฏ และแกนนำนกหวีดหลายๆ ราย ก็เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ทันที ขุดย้อนไปถึงเหตุการณ์ม็อบ กปปส. เมื่อปี 2556-2557 ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อรัฐบาลยอมยุบสภา และสุดท้ายกลายเป็นเงื่อนไขให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขี่รถถังเข้านั่งในทำเนียบ

ภาพม็อบนกหวีดขวางเลือกตั้ง และปูทางไปสู่การรัฐประหาร ไม่ใช่ภาพของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่สู้เพื่อให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ แล้วกำลังจะลงเลือกตั้ง ขณะที่ไม่ยอมให้มีเลือกตั้งเมื่อปี 2557 จึงขัดแย้งกันอย่างมาก

อีกทั้งผ่านมา 8 ปีก็ชัดเจนแล้วว่า การเรียกร้องปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง เพื่อจะไม่ยอมให้มีเลือกตั้งนั้น

เอาเข้าจริงๆ ยังไม่มีการปฏิรูปอะไรที่ชัดเจนเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะการเมืองในยุครัฐบาลประยุทธ์ เป็นยุคน้ำเน่าสุดขีด ถอยหลังเข้าถ้ำ สภาเต็มไปด้วยงูเห่าและการแจกกล้วย

บทสรุปจึงเห็นกันไปว่า หรือเป็นแค่ขบวนการสมคบคิดเพื่อช่วงชิงอำนาจ ผ่านปืนและรถถังของกองทัพเท่านั้นเอง

พอเห็นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์และเทพเทือก ก็คือ ภาพกระบวนการเมื่อปี 2557 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย

ภาพม็อบนกหวีดในวันนี้ จึงเป็นภาพหลอนมากกว่า!

(Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP)

หลายปีมานี้ ได้เห็นบรรดาคนที่เคยเข้าร่วมกับม็อบ กปปส. พากันออกมาปรับเปลี่ยนจุดยืน ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่ไปร่วมเป่านกหวีดครั้งนั้น บางรายถึงกับกล่าวขอโทษต่อสังคมไทย ยอมรับว่าการเข้าร่วมกับม็อบ กปปส.ได้ทำให้บ้านเมืองถดถอยหลายอย่าง

ตั้งแต่ทำให้ประชาธิปไตยโดนล้มกระดาน ทั้งที่วันนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอยกรูด โดยประกาศยุบสภา

การยุบสภาเป็นหลักการสำคัญยิ่งของระบอบประชาธิปไตย เพราะคือการคืนอำนาจให้กับประชาชน ให้ประชาชนตัดสินใจชะตากรรมของบ้านเมืองกันใหม่

แต่ กปปส.กลับไม่ยอมรับวิถีทางนี้ เท่ากับปฏิเสธการหาทางออกให้ประเทศด้วยแนวทางประชาธิปไตย ปฏิเสธไม่ยอมให้มีการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจใหม่

กลับไปเลือกวิธีเอาอำนาจไปให้ทหารเป็นผู้ตัดสินใจแทน ซึ่งผิดอย่างมหันต์

นอกจากทำให้การเติบโตของประชาธิปไตยไทยต้องสะดุดและล้มลงอีกครั้ง สูญเสียเวลาเพื่อพัฒนาการเมือง เพื่อให้ประชาชนร่วมกันยกระดับการเมืองไทย

ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศชะงักงัน เพราะประเทศที่เกิดรัฐประหาร ใช้กองทัพเข้ามาควบคุมการเมือง ต้องถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ไม่มีใครคบค้า ไม่มีใครร่วมค้าขาย

ทำให้ทิศทางของประเทศถอยหลังไปไกล เศรษฐกิจเสื่อมทรุด

แถมคณะรัฐประหารที่ครองอำนาจถึง 5 ปี ยังเขียนรัฐธรรมนูญ ที่เป็นตัวขัดขวางประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง ให้ 250 ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มามีอำนาจเหนือประชาชนหลายล้านคนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อเลือก ส.ส. เพราะเสียงของ ส.ว.คือ ตัวกำหนดนายกฯ และการตั้งรัฐบาล

ดังนั้น การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ภายใต้รัฐธรรมนูญดังกล่าว ทำให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ ส.ส.เป็นอันดับ 1 กลับตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์และพลังประชารัฐ มีเสียง 250 ส.ว.นอนรออยู่ในสภาอยู่แล้ว

เราจึงได้รัฐบาลประยุทธ์ สืบต่ออำนาจจากยุครัฐบาลทหาร ผลก็คือ เป็นรัฐบาลที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และไม่มีความสามารถในการแก้ไขวิกฤตของโลกยุคใหม่ ปัญหาเศรษฐกิจไทยจึงมีแต่ทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ

น่าเศร้าที่มรดกบาปของคณะรัฐประหาร คสช. ยังส่งผลร้ายต่อการเมืองไทยมาจนถึงวันนี้ ในการเลือกตั้งต้นปี 2566 ก็ยังมีเสียง 250 ส.ว. แทรกแซงการเมืองและประชาธิปไตยอยู่เช่นเดิม

(Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP)

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทันที เมื่อมีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ย้ายจากพลังประชารัฐ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมองกันว่า ภารกิจของ กปปส. ที่เคยปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขี่รถถังเข้ามาคุมอำนาจเมื่อปี 2557

บัดนี้แกนนำ กปปส. กำลังจะทำภารกิจภาค 2 เพื่อนำ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าทำเนียบให้ได้อีกรอบ ภายใต้พรรคใหม่ โดยมีเสียงของ ส.ว. พร้อมรอโหวตให้เหมือนเดิม

แต่คงมีการประเมินแล้วว่า ภาพของม็อบ กปปส.ในปี 2557 กลายเป็นภาพหลอนของสังคมไทยในวันนี้

เห็นภาพคนจะไปเลือกตั้ง โดนม็อบนกหวีดคุกคาม ใช้กำลังต่อร่างกาย ผลักอก กระทั่งบีบคอก็มี

ไม่ใช่ภาพของคนที่มีแนวทางประชาธิปไตย แต่กำลังจะลงสนามเลือกตั้ง ในกระบวนการประชาธิปไตย

หากจะปล่อยให้มีภาพม็อบนกหวีดอยู่เบื้องหลังพรรคที่กำลังจะผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ ชิงเก้าอี้นายกฯ ต่อไปเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่

จึงมีรายงานข่าวปฏิเสธความเชื่อมโยงกับผู้นำม็อบนกหวีด ออกมาจากแกนนำบางคนของรวมไทยสร้างชาติ

ขณะที่พื้นที่เป้าหมายของรวมไทยสร้างชาตินั้น มุ่งไปยังภาคใต้เป็นหลัก เพราะเป็นภาคที่ยังชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์

โดยภาคใต้นั้น เจ้าสนามก็ยังเป็นประชาธิปัตย์ ที่บัดนี้ยิ่งสามารถเคลียร์ตัวเองให้หลุดพ้นจากภาพม็อบนกหวีดได้อย่างหลุดโล่ง

เพราะภาพ กปปส.นั้นไปพร้อมกับเทพเทือก เมื่อออกไปจากประชาธิปัตย์ แล้วยิ่งถ้ารวมไทยสร้างชาติยังมีภาพ กปปส.พัวพันอยู่ ก็จะทำให้ประชาธิปัตย์ยิ่งเบาใจ

อดีตแห่งการล้มประชาธิปไตยเมื่อปี 2557 ได้กลายเป็นภาพหลอนสังคมไทย และเป็นภาพที่ใครต่อใครไม่อยากเกี่ยวพันด้วย!