ทัวร์ลง ‘ภูมิใจไทย’ จาก ‘กัญชา-จัดสรรงบกระจุก’ แตกหัก-ห้ำหั่น-ชิงพื้นที่

การเมืองไทยวันนี้ รอสัญญาณยุบสภา นับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้งเท่านั้น

พรรคการเมืองใหญ่ทยอยเปิดตัว ส.ส. ปล่อยนโยบายหาเสียง ทัพใหญ่ของพรรคการเมืองเปิดเวทีสู่หัวเมืองใหญ่อย่างคึกคัก

พรรคการเมืองเล็กเปิดดีลเจรจาควบรวม

ขณะที่นักการเมืองเข้าสู่เทศกาลเก็บกระเป๋าย้ายพรรค

การเมืองที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ทำให้เกิดภาวะหมูไม่กลัวน้ำร้อน หมดความเกรงใจ มารยาทการเมืองหดหายไป สภาแทบหมดความหมาย จนเป็นเหตุให้สภาล่มซ้ำซาก

และที่สำคัญ การต่อสู้แข่งขันระหว่างพรรคการเมือง ดุเดือดรุนแรง ฟาดฟันกันอย่างไม่ยั้ง

โดยเฉพาะพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน

 

พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เป็นด้วยความอู้ฟู่แบบพรรคเศรษฐีที่พร้อมที่มากสุดต่อสนามเลือกตั้งพรรคหนึ่ง เป็นพรรคที่มีทรัพยากรมากที่สุดทั้งกระสุนดินดำ และทรัพยากรที่เป็นนักการเมืองดาวเด่นที่จะลงสนามเลือกตั้งครั้งหน้า และงูเห่าที่ดูดมาจากพรรคอื่นๆ ตั้งเป้ากวาด ส.ส.ถึง 120 ที่นั่ง ทั้งระบบเลือกตั้งเขตและบัญชีรายชื่อ

ความอลังการงานสร้างของพรรคภูมิใจไทยและการรุกหนักทางการเมืองของพรรคเศรษฐีใหญ่ นำไปสู่จุดปะทะเดือดกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านจุดยืนที่เห็นต่างอย่างสิ้นเชิงของสองพรรค จากกรณีร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) พรรคภูมิใจไทยเสนอให้ไม่มีเบี้ยปรับ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ย แต่ประชาธิปัตย์ยืนยันให้คิดดอกเบี้ย แต่ลดเปอร์เซ็นต์ดอกเบี้ยลงมา

แต่จุดแตกหักจริงๆ ของ 2 พรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกจับตามองคือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง

ประชาธิปัตย์ออกโรงต้านไม่เอากัญชาเสรี เอากัญชาทางการแพทย์ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง ปชป. ประกาศจุดยืนพรรค ไม่ทน ไม่รับกัญชาเสรีสุดขั้ว ทำลายสังคม ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงกัญชาโลก ยืนยันโหวตสวนแน่

พิษกัญชาทางการเมืองดุเดือดมากขึ้น เมื่อร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จ่อเข้าสภา เมื่อพรรคภูมิใจไทยแฉว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดฉากเด็ก 9 ขวบสูบกัญชาที่พัทยา เพื่อจะเตะสกัดกฎหมายกัญชาของภูมิใจไทย

นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอนหนึ่งว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีจิตใจต่ำขนาดนั้นที่จะสร้างข่าวนำเด็กไปสูบกัญชา แต่หากนายอนุทินจะคิดไปเองว่าเป็นการจัดฉากก็เอาที่สบายใจ และคิดว่าคนในประเทศจะไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นการจัดฉากเหมือนที่นายอนุทินคิด เพราะในปัจจุบันก็ไม่ได้มีข่าวแค่เด็กสูบกัญชา แต่มีทั้งเณร ทั้งพระที่เป็นข่าว

แม้มติวิปรัฐบาล 6 ธันวาคม จะมีจุดยืนต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ชัดเจนแล้วว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ลงมติ “เห็นด้วย” ตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก

แต่วันลงมติจริง พรรคประชาธิปัตย์อาจโหวตสวนมติวิปรัฐบาล

สําหรับนักวิเคราะห์การเมืองแล้ว มองปมแตกหักระหว่าง 2 พรรค มีเหตุปัจจัยสำคัญจากการที่ภูมิใจไทยบุกยึดพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของประชาธิปัตย์มายาวนาน

ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ภูมิใจไทยจัดเต็มพร้อมทุ่มเทสรรพกำลังและกระสุนหมดคลังแสง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งภูมิใจไทยไปเจาะมาได้หลายที่แล้ว อย่าลืมว่าถ้าเราไปดูเลือกตั้ง 2562 จำนวน ส.ส.ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ใกล้เคียงกันมาก เพราะฉะนั้น ก็ต้องคิดถึงอำนาจการต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งด้วย ใครเก็บแต้ม ส.ส.ได้มากกว่า

พูดตรงๆ ก็คือ คุณก็เลือกกระทรวงที่ต้องการได้ก่อน แล้วดูคะแนนนปาร์ตี้ลิสต์สองพรรคนี้จากการเลือกตั้งในปี 2562 ประชาธิปัตย์ได้ 3.9 ล้าน ภูมิใจไทยได้ 3.7 ล้าน ห่างกันสองแสนเสียง แล้วปาร์ตี้ลิสต์รอบนี้เหลือแค่ร้อยที่นั่ง นโยบายกัญชาเป็นนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเขาหมายมั่นปั้นมือว่านโยบายนี้เขาจะต้องได้ทั้งเขต แล้วก็ได้ทั้งปาร์ตี้ลิสต์ด้วย

ในเมื่อคะแนนปาร์ตี้ลิสต์มันก้ำกึ่งกัน ฉะนั้น วันนี้สองพรรคนี้ไม่มีใครยอมใคร

วันนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่แค่เปิดศึกกับ ปชป. แต่ล่าสุด การทำปืนลั่นใส่ขาตัวเองของนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานสภา คนที่ 2 จากการปราศรัยบนเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม ของพรรคภูมิใจไทย 4 เขต ที่สนามกีฬาโรงเรียนพนมวิทยาคม อ.เมือง จ.นครพนม (4 ธันวาคม 2565) ก็ทำให้ “ทัวร์ลง” สหายแสง และพรรคภูมิใจไทย อย่างยับเยิน

เมื่อรองประธานสภา ปราศรัยบนเวที ด่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายโจมตีงบประมาณกระทรวงคมนาคมที่จัดสรรอย่างไม่เป็นธรรม จากการที่เม็ดเงินงบประมาณจำนวนมหาศาล เทลงพื้นที่ของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่พื้นที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้งบประมาณและโครงการน้อยกว่า อย่างมีนัยสำคัญ

“ผมได้โอกาสนั่งตำแหน่งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง โดยนายเนวิน (ชิดชอบ) ย้ำเสมอว่า ถือว่าเป็นตำแหน่งของชาว จ.นครพนมทุกคน จนถึงวันนี้ 3 ปีกว่า ผมทำหน้าที่ ส.ส.นครพนม ได้ผลักดันให้เกิดความเจริญทุกด้าน จนทำให้ ส.ส.หลายจังหวัดอิจฉา จ.นครพนมที่ได้รับงบประมาณในการพัฒนาจำนวนนับหมื่นล้าน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง”

“มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ ถ้าสกลนครอยากได้งบฯ พัฒนาเยอะๆ ให้เลือกฝ่ายรัฐบาล เลือกพรรคภูมิใจไทย”

นี่คือวาทะเดือดจากปากท่านรองประธานสภา ที่ทำให้ทัวร์ลงท่านรองประธานสภาและพรรคภูมิใจไทยอย่างหนัก

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการ The Politics ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่นายศุภชัยพูด เป็นการมัดตัวเอง ยอมรับกับสังคม เป็นการยอมรับกับสังคมว่ามีกลไกใช้งบประมาณเพื่อเรียกคะแนนนิยม จริงๆ ส.ส.จะโง่ หรือแกล้งโง่ ผมไม่รู้ได้ แต่การใช้งบประมาณสร้างคะแนนนิยม แบบนี้มันเลวจริงๆ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ชี้ประเด็นได้น่าสนใจว่า

“การที่จะทำหน้าที่เป็นรัฐบาล ครูแก้วต้องคิดถึงจังหวัดอื่นเหมือนกัน ครูแก้วอาจจะเป็นคนนครพนม ครูแก้วอาจจะได้รับการเลือกมาจากคนนครพนม แต่ถึงที่สุดการพัฒนาประเทศเราไม่สามารถพัฒนาให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งมีความเจริญอย่างเดียวเท่านั้น แต่เราต้องคิดถึงจังหวัดอื่นๆ เราต้องคิดถึงพื้นที่อื่นๆ ที่เขาไม่สามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณด้วยในฐานะการเมืองด้วยกัน ผมเองก็ไม่อยากเห็นการพัฒนาที่กระจุกตัว อยากเห็นการพัฒนาที่เป็นธรรม ไม่ว่าคนคนนั้นจะเลือกพรรครัฐบาลหรือไม่ก็ตาม”

ความผิดของสหายแสงที่พรรคฝ่ายค้านตั้งเรื่องดำเนินการ มีทั้งเรื่องประมวลกฎหมายจริยธรรม การหมิ่นประมาท อีกทั้งยังเข้าข่ายการแทรกแซงการจัดงบประมาณของภาครัฐ

ล่าสุด นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานสภา คนที่ 2 ได้ยกมือไหว้ขอโทษกลางสภา (7 ธันวาคม 2565) ยอมรับว่าการปราศรัยวันเกิดเหตุ ได้เพลินพลั้งปากไป แต่คำขอโทษก็ไม่ได้บรรเทาความผิดและความเดือดดาลในสภาลงได้

ทว่า ประเด็นที่น่าสนใจคือ ความจริงที่ได้รับการยอมรับไปแล้วก็คือ การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงคมนาคม เอื้อประโยชน์ต่อบางจังหวัดที่เลือกพรรคภูมิใจไทย เป็นความเสียหายใหญ่ที่กระทบตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะพรรคภูมิใจไทยทำให้รัฐบาลประยุทธ์แทบไม่แตกต่างจากรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา เพราะในหลายครั้งหลายโอกาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวย้ำเสมอว่า รัฐบาลนี้จะไม่จัดสรรงบประมาณแบบรัฐบาลในอดีตที่แล้วมา

ครั้งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อภิปรายชี้แจง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า “การปรับลดต้องสอดคล้องความต้องการกับพื้นที่ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่บางคนประกาศไม่เลือกพรรคตัวเอง จะไม่ให้งบฯ ดังนั้น จึงขอให้พิจารณาว่าแผนโครงการครอบคลุมทุกจังหวัดหรือไม่”

วันนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ทำให้รัฐบาลประยุทธ์แทบไม่แตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วมาในอดีต จากการจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองการเมือง นับเป็นความเสียหายที่กระทบตรงต่อรัฐบาล

วันนี้ พรรคภูมิใจไทยถูกจับจ้องเป็นพิเศษ จากทั้งในพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน เป็นบททดสอบสำคัญก่อนสนามเลือกตั้งเปิด