ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 ธันวาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“พระร่วง” ที่ไปเมืองจีน แล้วได้ช่างจีนทำเครื่องสังคโลก คือเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ (ไม่ใช่พ่อขุนรามคำแหง กรุงสุโขทัย) มีหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีสนับสนุนคับคั่ง
แต่ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยถูกกำหนดโดยชนชั้นนำ “รัฐพันลึก” ต้องการให้ “พระร่วง” คือพ่อขุนรามคำแหง แม้หลักฐานวิชาการไม่สนับสนุนก็ต้องเป็นไปตามนั้นตราบจนทุกวันนี้
“พระร่วง” คือ รามคำแหง
เรื่องเดิมสรุปว่า “พระร่วง” คือพ่อขุนรามคำแหง กรุงสุโขทัย ไปเมืองจีน 2 ครั้ง แล้วได้ช่างจีนทำเครื่องสังคโลกที่เมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มากกว่า 100 ปีมาแล้ว (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2457) และทรงพระนิพนธ์ อธิบายตอนหนึ่ง ดังนี้
1. เมื่อแรกอ่านพงศาวดารเหนือว่าพระร่วงไปเมืองจีน
สมเด็จฯ ไม่เชื่อ
2. ต่อมาได้เห็นจดหมายเหตุจีน ระบุว่าสยามไปเมืองจีน
สมเด็จฯ จำต้องเชื่อด้วยอัศจรรย์ใจว่าพ่อขุนรามคำแหงไปเมืองจีนจริงๆ
พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เฉพาะตอนที่กล่าวถึงเรื่อง “พระร่วง” ไปเมืองจีน จะคัดมาดังนี้
“ข้อที่ว่าพระร่วงได้เสด็จออกไปถึงเมืองจีน เห็นน้อยคนจะเชื่อ ข้าพเจ้าคนหนึ่งไม่เคยเชื่อ
จนกระทั่งมาแลเห็นจดหมายเหตุจีนว่าเมื่อ พ.ศ.1837 พระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จออกไปถึงราชสำนักพระเจ้ากรุงจีนดังนี้ จำต้องเชื่อด้วยอัศจรรย์ใจว่าจริงอย่างเนื้อเรื่องที่กล่าวในพงศาวดารเหนือ
และเป็นความจริงที่พระเจ้าขุนรามคำแหงเสด็จออกไปเมืองจีน จึงไปเอาช่างจีนเข้ามาทำถ้วยชามสังคโลก เมื่อราว พ.ศ.1838”
(“ตำนานหนังสือพระราชพงศาวดาร” พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในหนังสือพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 1 กรมศิลปากร จัดพิมพ์ พ.ศ.2542 หน้า 46)
“พระร่วง” ไปเมืองจีน ไม่ใช่ “รามคำแหง”
ดร.สืบแสง พรหมบุญ เป็นนักวิชาการไทยคนแรกที่พบตั้งแต่ พ.ศ.2513 (และพิมพ์เผยแพร่ทั่วประเทศ พ.ศ.2525) ว่าพ่อขุนรามคำแหงไม่ได้ไปเมืองจีน แต่ที่เชื่อกันว่าพ่อขุนรามคำแหงไปเมืองจีน เนื่องจากการแปลเอกสารจีนเป็นภาษาไทยมีข้อผิดพลาด “เพราะการแปลข้อความผิดพลาดก็เป็นได้”
[จากหนังสือ ความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนกับไทย ของสืบแสง พรหมบุญ (กาญจนี ละอองศรี แปลจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก โดยสืบแสง พรหมบุญ เสนอต่อมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน (เมดิสัน) สหรัฐ พ.ศ.2513) มูลนิธิโครงการตำราฯ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2525]
ดร.สืบแสง พรหมบุญ ปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐ, อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, อาจารย์ประจำและคณบดีคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์, และอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ฯลฯ (ถึงแก่อนิจกรรม 25 มีนาคม 2555)
เจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ ทำสังคโลก
ศรีศักร วัลลิโภดม บอกไว้นานแล้ว (ก่อน พ.ศ.2527) ว่าเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ รับเทคโนโลยีก้าวหน้าจากจีน ผลิตเครื่องเคลือบสังคโลกและเครื่องปั้นดินเผาส่งไปขายกับต่างประเทศตามหมู่เกาะที่ใกล้เคียง เช่น อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย นับเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากการส่งสินค้าประเภทต่างๆ เป็นสินค้าออก
ในระยะนี้เมืองบางเมืองในราชอาณาจักรได้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรม เช่น เมืองในเขต อ.ชันสูตร จ.สิงห์บุรี, เมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และพิษณุโลก เป็นต้น
การผลิตเครื่องปั้นดินเผาไปขายต่างประเทศ น่าจะริเริ่มในสมัยสมเด็จพระนคริน ทราธิราช เพราะในสมัยที่ยังทรงดำรงพระยศเป็นเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ นั้น ได้เคยเสด็จไปเมืองจีน เมื่อเสวยราชย์แล้วก็ยังทรงติดต่อกับประเทศจีน ทรงขอช่างปั้นจากจีนมาสอนและทำเครื่องถ้วยชามในเมืองไทย โดยเหตุที่พระองค์ทรงเป็นใหญ่เหนือรัฐสุโขทัยด้วยในขณะนั้น คงทรงเลือกเมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัยเป็นแหล่งอุตสาหกรรม เพราะเป็นแหล่งที่มีดินดีเหมาะแก่การทำเครื่องสังคโลก
เหตุนี้ตำนานพงศาวดารจีนเรียกพระองค์ว่าเป็นพระร่วงที่เคยเสด็จไปเมืองจีน และนำช่างจีนเข้ามาสอนการทำสังคโลกในเมืองไทย
[จากหนังสือ กรุงศรีอยุธยาของเรา ของศรีศักร วัลลิโภดม สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2527]
“พระร่วง” ไปเมืองจีน คือเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โบราณคดีของกรมศิลปากร เป็นนักปราชญ์คนแรกที่พบว่า “พระร่วง” ไปเมืองจีน คือเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ แล้วเขียนบทความเชิงวิชาการบอกไว้เมื่อ 43 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.2522
(ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 พ.ศ.2522 หน้า 19-21)
ราชการรวบอำนาจรวมศูนย์
รัฐราชการรวบอำนาจรวมศูนย์สืบทอดอย่างเคร่งครัดและเข้มแข็งต่อระบอบ “เจ้าขุนมูลนาย” อำนาจนิยม จึงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่ที่ถูกต้องและก้าวหน้า
ดังนั้น แม้หลักฐานวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดีและอื่นๆ กองท่วมหัวยืนยันสอดคล้องตรงกันว่า “พระร่วง” ไปเมืองจีน ไม่ใช่พ่อขุนรามคำแหง กรุงสุโขทัย เพราะแท้จริงคือเจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ
แต่รัฐราชการรวบอำนาจรวมศูนย์ที่เกี่ยวข้องข้อมูลข่าวสารประวัติศาสตร์โบราณคดีและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ไม่เคลื่อนไหวปรับเปลี่ยนใดๆ ให้ถูกต้องตามหลักฐานวิชาการเช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ อีกมากที่มีผิดพลาด แต่ไม่แก้ไข •
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลือกซื้อหนังสือ “เจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ สร้างสรรค์อยุธยา ราชอาณาจักรสยาม” (รวมบทความวิชาการของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, สืบแสง พรหมบุญ, ศรีศักร วัลลิโภดม และรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ซึ่งสุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นบรรณาธิการ) ที่มติชน อคาเดมี ถนนเทศบาลนิมิตใต้ ซอย 12 ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร สำนักพิมพ์มติชน จัดงาน “สมานมิตรฯ Return เปิดโกดังหนังสือดี”
ดร.ชาญวิทย์กล่าวว่า นายสุจิตต์ บรรณาธิการเล่ม เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของเจ้านครอินทร์ตลอดมา โดยหนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า กษัตริย์สยามที่เสด็จไปเมืองจีน ไม่ใช่พ่อขุนรามคำแหง แต่เป็นเจ้านครอินทร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน สอดคล้องกับทฤษฎีเรื่องเสียนโล้ หรือ เสียนล้อ ว่าเสียนคือสุพรรณฯ ไม่ใช่สุโขทัย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิชาการชาวต่างชาติเสนอมาหลายสิบปีแล้ว แต่ขณะนั้นยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก โดยระบุว่าเสียนโล้คืออยุธยา ฝรั่งรู้จักในนามว่าสยาม ในขณะที่จีนยังคงใช้คำว่าเสียนล้อ มาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
“ผมว่าคุณสุจิตต์เป็นคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเจ้านครอินทร์ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างวงศ์สุพรรณภูมิหรือสุพรรณบุรีกับจีนซึ่งมีอิทธิพล มีบารมีสูงมาก กลายเป็นวงศ์ที่มาแทนวงศ์พระเจ้าอู่ทองได้โดยไม่ยากเลย”
“อีกประเด็นที่ออกมาในผลงานเล่มนี้คือการที่บอกว่าพระเจ้าแผ่นดินสยามที่ไปเมืองจีน หาใช่พ่อขุนรามคำแหงไม่ แต่เป็นพระเจ้าแผ่นดินจากอาณาจักรที่อยู่ทางตอนกลางของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับสุโขทัยคืออาณาจักรซึ่งอยู่บนที่ดอน ยุคที่ว่านี้เป็นยุคซึ่งที่สุดแล้วอาณาจักรในที่ลุ่มและใกล้ทะเล ได้เปรียบในการขึ้นเป็นมหาอำนาจ นั่นคืออยุธยา” ดร.ชาญวิทย์กล่าว
(มติชน ฉบับวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2565 หน้า 7)
| สุจิตต์ วงษ์เทศ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022