ไม่ว่า,ในที่สุด การปรับครม.จะออกมาในกระสวนใด เป็นการ “ปรับ เล็ก” หรือว่าเป็นการ “ปรับใหญ่”
แต่ “น้ำเสียง” 1 ซึ่งเกิดขึ้นค่อนข้าง “แปลก” แปร่ง
นั่นก็คือ น้ำเสียงอันนำไปสู่ “แนวโน้ม” ที่ว่า อาจจะมีการปรับรัฐมนตรี “สายทหาร” ออกไป
แปลกเพราะว่ารัฐบาลนี้เป็น “รัฐบาลทหาร”
มีพื้นฐานมาจากกระบวนการ “รัฐประหาร” และมี “คสช.”ซึ่งด้านหลักเป็นทหารอยู่ในฐานะเป็น”องค์ประกอบ”สำคัญ
แปร่งเพราะว่าเป็น”แนวคิด”ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เพราะว่าบรรดา”โฆษก”สำคัญๆก็ล้วนแต่เป็น”ทหาร”และกุมกลไกในการ “ปฏิบัติการข่าวสาร” เอาไว้ครบถ้วน
เป็นไปได้อย่างไร

มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องสำรวจตรวจสอบว่าแนวคิดในการลดจำนวนรัฐมนตรี “สายทหาร” เกิดขึ้นได้อย่างไร
หรือเพราะว่ามาจาก “กระทรวงแรงงาน”
สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งตาม มาตรา 44 อันมาจาก “คสช.” ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็เป็น “ทหาร”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับความจำเป็นที่จะต้องปรับครม.
เป้าหมายอาจเน้นในเรื่องกระทรวง “เศรษฐกิจ”
แต่รายชื่อที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็วนเวียนอยู่กับรัฐมนตรีซึ่งเป็นทหารอยู่นั่นเอง
ไม่ว่า “เกษตร” ไม่ว่า”พลังงาน”

อุณหภูมิและความรู้สึกของสังคมซึ่งสะท้อนผ่าน “ปรอท”ภายใน กระบวนการ “ปรับครม.”
ถือว่ามากด้วย “ความละเอียดอ่อน”
ทั้งๆที่มีความเชื่อมั่นใน “กองเชียร์” เป็นอย่างสูงว่าคสช.และรัฐบาลมากด้วยผลงาน ความสำเร็จ ประชาชนให้ความไว้วางใจอย่างยิ่งยวด
แล้วทำไมเป้าหมายในการปรับครม.จึงเน้นไปที่”เศรษฐกิจ”
แล้วทำไมความล้มเหลวในประเด็นทาง “เศรษฐกิจ” จึงเน้นไปยังฝีมือและความสามารถของรัฐมนตรี “สายทหาร” กลายเป็นว่ารัฐมนตรี “สายทหาร” คือต้นตอ
นี่คืออารมณ์และความรู้สึกในลักษณะ “ย้อนแย้ง”