2 ป. ‘แยกสาย’ | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

“มิตรที่เคยรักกัน ห่วงใยดั่งพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน ถ้าได้กลายเป็นศัตรู จะเป็นศัตรูที่อันตราย และน่ากลัวที่สุด เพราะรู้ไส้รู้พุง รู้ความลับ ความอ่าน รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งจะรู้ได้ จึงถือว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัวกว่าศัตรูอื่นๆ ที่เราเคยเจอมา มีศัตรูร้อยคน ไม่น่ากลัวเท่ามีมิตรทรยศเพียงคนเดียว”

แม่น้ำใหญ่ “พี่น้อง 2 ป.” เกิดความงวดแห้ง ต้อง “แยกสาย” ความรัก ความผูกพัน ที่มีกันมายาวนานระหว่าง “น้องเล็ก-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ได้ถูกลบลง จบกันแน่นอนแล้ว

บนสมรภูมิแห่งชีวิต สมรภูมิสงคราม ร่วมรบฟันฝ่าอุปสรรค ตายแทนกันได้ แต่สมรภูมิการเมือง เจอคำสาป พี่น้องร่วมสาบาน ต้องแยกกันเดิน ส่วนอนาคตข้างหน้าจะจบลงอย่างไร จะแปรสภาพเป็นศัตรูที่อันตราย และน่ากลัวที่สุด ดังที่ “โจโฉ” กล่าวไว้ใน “สามก๊ก” หรือไม่ โปรดติดตามกันตาอย่ากะพริบ

สถานการณ์ล่าสุด ชัวร์ชัดแล้วว่า “น้องตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แยกตัวจาก “พี่ป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ไปสร้างอาณาจักรใหม่ ที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”

เมื่อบ่ายจัดๆ วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน “บิ๊กป้อม” กดปุ่มเรียกประชุมพรรคพลังประชารัฐ ตามรายงานข่าวสรุปว่า มี ส.ส.เดินทางไปร่วมประชุมระดับ “บางตา” หัวหน้าพรรคเลยใช้เวลาแค่ประเดี๋ยวประด๋าว

ปกติเวลา “หัวหน้าป้อม” กดปุ่มเรียกประชุมช่วงปลายเดือน ลูกพรรคเหมือนรู้แกว ว่าไม่กลับบ้านมือเปล่า มีข้าวพกข้าวห่อ ระดับกินหรูอยู่เฟ่ติดไม้ติดมือทุกทีไป ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต้องตะเกียกตะตายเป็นเต่าพิการ ขาดไม่ได้

แต่วันนี้ผิดคาดมาก ผู้ทรงเกึยรติค่าย พปชร.พากันท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว มากันหะหร็อม-หะแหร็ม “บางตามาก” ภายในห้อง “ลุงป้อม” มีขาใหญ่คู่ใจนั่งอยู่ 2-3 รายเท่านั้น ได้แก่

“สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค “นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิก

เมื่อสำรวจตรวจแถว ส.ส.ที่มาร่วมวงไพบูลย์กันโหรงเหรง บางตาน้อยกว่า “ผู้ใหญ่ลี” ตีกลองเรียกประชุมเสียอีก เลยมีการเช็กชื่อแบบรายกลุ่ม รายบุคคล โดย “บิ๊กป้อม” ลดเพดานบินลงไปสอบถามด้วยตัวเอง เพื่อความชัดเจนว่า ใครจะอยู่กับ พปชร. หรือย้ายตาม “บิ๊กตู่” ไปรังใหม่ที่ รทสช. ใครยังอยู่ให้ลงชื่อในเอกสารไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

มีกาคาบข่าวแจ้งด้วยว่า ส.ส.ที่จะย้ายสังกัดไปซบรวมไทยสร้างชาติ ติ๊ดชึ่งทิงนองนอย ตาม “พล.อ.ประยุทธ์” ส่วนใหญ่แหกด่านมะขามเตี้ยไม่ได้เข้าร่วมประชุม บางส่วน เซ็นชื่อเพียงเพื่อรักษาน้ำใจ บางรายมากล่าวลา ที่แสบเข้าไปถึงทรวง มีตูดหมึกบางคนมาเซ็นชื่อเพื่อรับ “ค่าน้ำ” แค่สี่ซ้าห้ากำปั้น แอบมากินของฟรี

รวมไทยสร้างชาติ

เมื่อมีการเช็กยอดผู้ทรงเกียรติค่ายพลังประชารัฐ ที่ย้ายไป รทสช.แน่แล้ว ประกอบด้วย “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จำนวน 12 คน อาทิ

“น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ” สมุทรปราการ “สมพงษ์ โสภณ” ระยอง “สาทิตย์ อุ้ยตระกูล” เพชรบุรี “รณเทพ อนุวัฒน์” ชลบุรี “ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ” กาญจนบุรี มีข่าวว่าตกลงย้ายไปซบภูมิใจไทยมาก่อนล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่กลุ่มภาคกลางอีกค่าย ภายใต้การนำของ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลฯ ก็ไขก๊อกตาม “บิ๊กตู่” ไปในไม่ช้าไม่นานนี้

ในส่วนของ ส.ส.ภาคใต้ที่มีอยู่ประมาณ 13 คน จากจังหวัดสงขลาทั้งหมดจำนวน 3 คน คือ “พยม พรหมเพชร-ศาตรา ศรีปาน-ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี” กับนครศรีธรรมราช ได้แก่ “รงค์ บุญสวยขวัญ” กับ “สายัณห์ ยุติธรรม” ก็ไปรวมไทยสร้างชาติทั้งหมด โดยมี “เจือ ราชสีห์” อดีต ส.ส.สงขลา หลายสมัย ที่ใกล้ชิดกับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” จากที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มาด้วยกัน ไปร่วมทีมอีกหลาย

ในส่วนของ “เสี่ยเฮ้ง” ที่แปรสภาพเป็นแม่ทัพใหญ่ของ รทสช.ดังที่บอกไปเมื่อฉบับที่แล้วๆ ว่า “ได้ใจนายตู่” เต็มๆ การขน ส.ส.เกรดเอไปร่วมชายคาที่ถ้ำใหม่หลายคน เป็นการโชว์พาว อยากนั่งตำแหน่งแม่บ้านพรรคคือเลขาธิการ แต่ก็ต้องต่อสู้กับสายแข็งที่ถูกวางตัวไว้แล้วเบื้องต้นคือ “เอกนัฏ เตชะไพบูลย์” โดยคาดว่า เมื่อสถานการณ์งวดเข้าสู่โค้งสุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์” เปิดหน้าชกเต็มที่ จะเป็นผู้ตัดสินเอาว่า จะเลือกใช้บริการใคร

การไหลออกของ ส.ส.จาก พปชร.จำนวนมาก กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ย่อมทำให้ “กลุ่มสามมิตร” ของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย” มีพลังไฮเพาเวอร์โดดเด่นขึ้นมากที่สุดใน พปชร.

“กลุ่มสามมิตร” เล่นการเมืองฉลาดลึกล้ำ สัญชาตญาณยอดเยี่ยม ไปอยู่ขั้วไหน ซีกนั้นได้ฟอร์มรัฐบาล ตัวแทนกลุ่มได้เก้าอี้เสนาบดีมาทุกยุคทุกสมัย กำลังถูกจับตาอยู่มากว่า จะยังอยู่กับ พปชร.ต่อไปหรือไม่ เมื่อกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประกาศกลับบ้านหลังเก่า

หรือพลิกข้ามสาย ย้ายข้ามขั้วกลับไปอยู่ “เพื่อไทย” ซึ่งโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น อย่าลืมเป็นอันขาดว่า “กลุ่มสามมิตร” มีขุมกำลังถึง 12-15 ที่นั่ง มิใช่น้อยๆ และเป็น ส.ส.ระดับเกรดเอเกือบจะทั้งสิ้น

ประเด็นที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่น้องร่วมสาบาน ที่ห่วงใย รักใคร่กันดุจเดียวกับพี่น้องร่วมสายเลือด ต้องแยกกันเดินบนสมรภูมิทางการเมือง ในอนาคต มันยัง “อจินไตย” มองไม่เห็น ว่าจะแปรสภาพเป็นมิตรที่กลายเป็นศัตรูเกิดขึ้นเมื่อใด ทั้งคู่รู้ไส้รู้พุง กำความลับของกันและกันไว้มาก

เกิดแตกหักกันวันไหน ย่อมอันตรายสุดๆ และเงื่อนไขใหญ่ที่จะทำให้ “น้องตู่” กับ “พี่ป้อม” เผชิญหน้ากันมากที่สุด คือ กระสุนที่จะนำมาใช้จ่ายในศึกเลือกตั้งครั้งใหม่

“กลุ่มทุน” ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงทางการเมืองในประเทศไทย รู้ๆ กันอยู่ว่า ไผเป็นไผ มีไม่กี่กลุ่ม จะเลือกถือหางข้างไหนระหว่าง “น้องตู่” กับ “พี่ป้อม”