เปิด จ.ม.วิศวกรหนุ่ม แฉถูกกดดันทุจริต สลดรมควันฆ่าตัว ปปช.-ตร.สอบทันที

กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวที่ถูกตั้งคำถามถึงองค์กรข้าราชการอย่างหนักหน่วง

สำหรับกรณีการรมควันฆ่าตัวตายของวิศวกรหนุ่มวัยเพียง 27 ปี ที่ตอนแรกคิดว่ามีสาเหตุจากปัญหาส่วนตัว

แต่เมื่อข้อเท็จจริงถูกเปิดเผยด้วยจดหมายลาตายจำนวน 3 ฉบับ ก็กลายเป็นเรื่องน่าตระหนกว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีมูลเหตุมาจาก “งานราชการ” ที่ต้องเข้าไปรับผิดชอบในฐานะนายช่างเทศบาล

โดยเฉพาะเรื่องการตรวจรับงาน ที่ดูแล้วไม่ได้คุณภาพ แต่จะไม่รับก็ไม่ได้เนื่องจากแรงกดดันนานัปการ

พร้อมลากไส้การปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรท้องถิ่นดังกล่าวว่าเต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในแวดวงราชการไทย

แน่นอนว่าทั้งหมดที่เกิด ยังเป็นเพียงแค่คำกล่าวหา

ซึ่งหน่วยงานป้องปรามทุจริตที่มีหลายหน่วยงานในประเทศนี้คงต้องทำให้ความจริงปรากฏ

จะมีมูลความผิดจริงๆ หรือสุดท้ายก็ไม่มีใครรับผิดชอบ

คงต้องรอบทสรุปกันต่อไป

ฆ่าตัวดับ

วิศวะหนุ่มรมควันฆ่าตัว

เหตุการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อช่วงเวลา 02.30 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน โดย ตร.สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งเหตุให้ตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ 4 ประตูสีขาว หมายเลขทะเบียน กค-347 หนองบัวลำภู ที่จอดติดเครื่องพร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถไว้ อยู่ริมถนนมะลิวัลย์ขาเข้า ใกล้บึงสีฐาน ด้านหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตในรถยนต์คันดังกล่าว

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะสี่ประตูสีขาวจอดอยู่ เจ้าหน้าที่ได้เคาะกระจกเรียกคนขับรถไม่มีการตอบรับ ตรวจสอบพบว่ารถไม่ได้ล็อกประตู จึงได้เปิดประตูออกมาพบว่าคนขับรถได้เสียชีวิตแล้ว พร้อมกับมีกลิ่นและควันไฟลอยออกมาจากในรถ

สภาพศพคนตายสวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีขาว สวมกางเกงขาสั้น ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ภายในรถพบเตาอั้งโล่ก่อไฟด้วยถ่านหุงต้มรมควัน

ขณะที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า รถคันดังกล่าวขับมาจอดในจุดนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. โดยจอดติดเครื่องไว้ แต่จอดนานจนผิดสังเกต พลเมืองดีจึงเดินมาส่องดูในรถ เห็นเตาตั้งอยู่ที่เบาะหลังคนขับ ส่วนคนขับก็นั่งนิ่ง จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในรถก็พบเตาถ่านที่ยังมีไฟอยู่ จากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายภาณุเมศวร์ วาสโสหา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 ม.4 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงแจ้งให้ญาติพี่น้องคนตายทราบเรื่องแล้ว

ทั้งนี้ จากการสอบสวนญาติคนตายแล้วทราบว่า คนตายเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปทำงานที่ อบต.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ได้ประมาณ 6 เดือน และเกิดความขัดแย้งในที่ทำงาน เพราะคนตายเป็นวิศวกรคุมงานสร้างถนน แต่ไม่มีพฤติกรรมไปในทางทุจริต โดยญาติระบุว่า ไม่สามารถติดต่อนายภาณุเมศวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน หลังเลิกงานก็ติดต่อไม่ได้ จึงติดตามสัญญาณโทรศัพท์ พบอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ จึงออกตามหา กระทั่งรับแจ้งจากตำรวจว่านายภาณุเมศวร์เสียชีวิตแล้ว

ญาติเชื่อว่าการตัดสินใจรมควันฆ่าตัวตายของนายภาณุเมศวร์ น่าจะมาจากการทำงานที่ซื่อตรง ไม่ทุจริตในหน้าที่ของตัวเอง จึงแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย

เป็นเหตุผลที่น่าตระหนกอย่างยิ่งจริงๆ!!

งานศพสลด

เปิด จ.ม.ถูกกดดันทุจริต

และเมื่อเปิดจดหมายลาตาย ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีการเปิดโปงกรรมวิธีการดำเนินการต่างๆ โดยฉบับแรกระบุว่า “ระบบท้องถิ่น ทต. …โครงการก่อสร้าง 1 โครงการ… ผู้ควบคุมงานต้องไปรับค่าทดสอบวัสดุจากผู้รับจ้าง 1 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่า และค่าป้ายเหล็ก ช่างคุมงาน ต้องเอาของเก่าราคา 2,500 บาท และของค่าป้ายไวนิลอีก 2,500 บาท

พอตรวจรับ ต้องไปรับค่ากรรมการตรวจรับจากผู้รับจ้าง 1 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโครงการ มาเคลียร์ให้กับกรรมการ พร้อมกับค่าควบคุมงาน 1 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโครงการ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมขององค์กรกองช่าง ที่ทำกันมา

ข้าพเจ้าบรรจุ 1 มิ.ย. 2565 มาเจอระบบดังกล่าว พยายามปรับให้อยู่ได้ แต่ก็อยู่ไม่ได้ ขอยื่นลาออก ที่ ผอ. 1 ธันวาคม 2565 แต่ยังมีงานยังไม่ตรวจรับอีก 3 งาน ของ หจก….

ล่าสุดถนนสาย… ผู้รับเหมาเทเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้ถนนทั้งร่อนและแตก ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะด้วยระบบที่สร้างกันมา เหมือนต้องผลักดันงานให้ผ่าน แต่เมื่อมีปัญหาคุณภาพ กลับกลายเป็นพูดอะไรไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้ ที่ต้องไปเอาเงินมาเคลียร์ให้กรรมการตรวจรับใหม่ ซึ่งผมไม่อยากทำ แต่งานมันยังค้างอยู่ในมือ เครียดมากนอนไม่หลับมาเป็นเดือนแล้ว งานแต่ละงาน ผู้รับเหมาฟันราคามาต่ำๆ เพื่อให้ได้งาน แล้วก็ต้องจ่ายให้นายกค่างานที่ได้”

อีกฉบับระบุว่า “ผมเจอการทำงานที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพื่อนร่วมงาน ลูกจ้างที่ไซโคให้ผมต้องไปพูดเอาเงินค่าทดสอบวัสดุ และค่าป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ มาให้มันทำ

มันเป็นลูกจ้างเก่าแก่ของเทศบาล มันพูดเข้าขากันดีมากกับ ผอ.

พอเอาเงินเขามา แล้วงานมีปัญหา วันตรวจรับ ผู้ตรวจรับโทร.ให้ผมไปเอาตังค์มาเคลียร์กรรมการ แต่ผมไม่ได้ไป เพราะผมมองดูเนื้องานไม่เรียบร้อย ถนนร่อน แตกร้าว

โครงการราคา 6 แสนกว่าบาท ฟันประมูลมาที่ 4 แสน ไหนต้องจ่ายให้นายก ไปดูได้เลยครับ งานเกือบจะทุกโครงการในเทศบาล

ผมลาออกวันที่ 31 ต.ค. มีผล 1 ธ.ค. แต่ยังมีงานในมือ คือควบคุมงานค้างอยู่ 4 ตัว เส้น…มีปัญหา ถนนร่อนและแตกร้าว กรรมการมีมติให้ปาดคอนกรีตออก 50 ซ.ม. ซึ่งมันไม่ถูกต้อง แต่ ผอ.กองช่างก็ให้จบไป เพื่อจะได้ตรวจรับ

23 พ.ย. ผอ.กองช่าง และผอ.กองการศึกษา ในฐานะกรรมการตรวจรับโครงการได้ออกไปตรวจอีกครั้ง ให้ความเห็นว่า วิธีการแก้ดังกล่าวเรียบร้อย แย่ขนาดนั้น คนปกติทั่วไปไม่มีใครรับได้หรอก ยกเว้น ผอ.ช่าง ที่พยายามผลักดันให้ แค่ว่าผ่านแล้วได้เงินจากผู้รับจ้าง

ระบบท้องถิ่น ไม่รู้เป็นเฉพาะเทศบาลตำบล…หรือไม่ เป็นอะไรที่แย่มาก ช่างเหมือนเป็นเครื่องมือสำหรับทำเงินให้กับผู้บริหาร ไม่เฉพาะนักการเมือง ข้าราชการตัวใหญ่ เช่น ผอ.กองช่างก็ตัวดี คอยแต่จะหาเศษหาเลยจากโครงการ กรรมชั่วของพวกเขา เล่ายังไงก็ไม่หมด

ขอให้พวกมันทุกคน ได้รับผลของการที่มันโกง ทุจริต หาเศษหาเลยจากหน้าที่”

เป็นจดหมายที่อ่านแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกจริงๆ!!

ถนนที่มีปัญหา

ป.ป.ช.-ปปท.-ปปป.ลุยสอบ

ด้านนายทวีศักดิ์ จันทะศรี นายกเทศบาลตำบลนากลาง จ.หนองบัวลำภู ต้นสังกัดของวิศวกรหนุ่ม ระบุว่า ปัญหาการทุจริตในแวดวงราชการของไทยมีมานานแล้ว ตนหวังว่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ สำหรับตัวผู้ตายโดยปกติเคยพบกันประมาณ 3 ครั้ง เพราะเป็นเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่ประมาณ 6 เดือน ยังไม่คุ้นเคย

รู้สึกเสียดายในความรู้ความสามารถ กว่าจะศึกษาเล่าเรียนมาจนถึงขณะนี้ มองว่าผู้ตายเป็นคนดี เปรียบไปก็เหมือนกับสืบ นาคะเสถียร ที่ต่อสู้กับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น หากรู้จักสนิทสนมกันก่อนหน้านี้ ก็คงได้ต่อสู้ร่วมกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

แต่ไม่ได้อธิบายถึงข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตเซ็นรับมอบงานต่างๆ ตามที่ถูกกล่าวหา!!

ขณะที่ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์โครงการทำถนนที่ผู้ตายพูดถึงในจดหมายที่ผู้ตายเป็นผู้ควบคุมงาน คือโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กซอยเพชรสุวรรณ 6 วงเงิน 650,000 บาท ราคากลางค่าก่อสร้าง 647,112 บาท วงเงินค่าก่อสร้างตามที่ได้ลงนามในสัญญาจ้าง 413,000 บาท พบว่ามีการฉาบคอนกรีตบนผิวถนนจริง ประมาณ 5 จุด แต่มีจุดใหญ่ๆ ที่กว้างอยู่ 2 ที่

ด้านนายเปรมจิต แจ่มใสดี ผอ.ป.ป.ช. หนองบัวลำภู ระบุจะต้องตรวจสอบรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายภาณุเมศวร์ระบุไว้ในจดหมายว่าถูกต้องครบถ้วนขนาดไหน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนนายไพรัตน์ ปัจจะวงษ์ ผอ.กลุ่มงานปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 ปปท.ภาค 4 พร้อมคณะลงตรวจพื้นที่เช่นกัน ซึ่งตรวจสอบ 3 โครงการที่นายภาณุเมศวร์เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ยังไม่มีการเซ็นรับงานว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ก็ลงตรวสอบเช่นกัน พร้อมระบุจะประสานกับ ป.ป.ช.และ ปปท. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ละเอียดและครอบคลุมทุกมิติ

โดยจะต้องตรวจสอบทุกโครงการ ไม่ใช่เฉพาะแค่โครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคของเทศบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร เนื่องจากรายละเอียดค่อนข้างมาก ประกอบกับเป็นคดีละเอียดอ่อนที่อยู่ในความสนใจของสังคม จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ

เป็นเรื่องที่ต้องรอดูว่าจะมีบทสรุปอย่างไร!!