อิทธิฤทธิ์ทุนนักธุรกิจจีนเทา โปลิศจับตำรวจรับสินบน ถึงเวลา ‘บิ๊กเด่น’ กวาดบ้าน

ต้องยอมรับว่าจากข้อมูลนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ออกมาแฉทุนจีนสีเทากับการเปิดเผย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คีย์แมนรับผิดชอบคดีมาเฟียแดนมังกร

ทำให้เห็นว่า นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” นั้นไม่ธรรมดา ทั้งทุนหนา มีภรรยา พ.ต.อ. หลานอดีต ผบ.ตร. มากด้วยคอนเน็กชั่นสีกากี และที่สำคัญเข้าถึงระดับบิ๊กเนมการเมืองไทย

สถานะ “ตู้ห่าว” ขณะนี้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในฐานความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ศาลไม่ให้ประกันตัวในชั้นฝากขัง ถึงแม้จะยื่นหลักทรัพย์ถึง 5 ล้านบาท

ด้วยธุรกิจสีเทาทำเงินได้มหาศาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ปิดตาแสร้งทำไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้ทำธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเอิกเกริกบ้าง ช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีบ้าง ปล่อยของกลางบ้าง

เป็นไปตามสำนวนจีน “ผู้มีเงินใช้ผีโม่แป้งได้”

ระหว่างไทม์ไลน์ตั้งแต่บุกผับ “จินหลิง” จนเขากลายเป็นผู้ต้องหา มีตำรวจหลายนายถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์

‘บิ๊กโจ๊ก’ บอกว่าเรื่องเจ้าหน้าที่รับสินบนต้องเอาความจริงขึ้นมาบนโต๊ะเดินหน้าแก้ปัญหากัน เอาฝ่ามือปิดฟ้าไม่ได้

รอง ผบ.ตร.แฉเองว่า ขณะตรวจค้นร้านจินหลิง มีตำรวจ 3 นายช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องหา เรียกรับผลประโยชน์ เพื่อเร่งให้ผัดฟ้องต่อศาล และได้รับการประกันตัวในชั้นศาล รวมถึงคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ต้องหา

จึงให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด รอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว ในความผิดฐานขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่

และอีก 2 นาย สน.ยานนาวา คือ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พิมมา สว. (สอบสวน) และ ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว รอง สว. (สอบสวน) ถูกดำเนินคดีฐานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นโดยมิชอบฯ ซึ่งในกรณีที่การส่งฟ้องผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เมื่อผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ตามขั้นตอน ต้องส่งตัวผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ให้ไปอยู่ในการควบคุมของ ตม. แต่กรณีนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้ส่งตัวไป จึงถือว่ามีความผิด

และ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น.6 รักษาราชการแทน ผกก.สน.ยานนาวา ที่มีคำสั่งเด้งมาประจำ ศปก.บก.น.6 นั้น รองโจ๊กบอกว่า ได้ทำหนังสือถึง ผบช.น. เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ ปล่อยรถยนต์ของกลางให้ผู้ต้องหาไปโดยมิชอบ โดยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด มีหลักฐานยืนยันว่ามีการแลกรับผลประโยชน์ คันละ 2 ล้านบาท จำนวน 4 คัน

และหลังจากนี้ จะขยายผลอีกว่ามีใครที่ร่วมขบวนการที่มีตำแหน่งใหญ่กว่ารอง ผบก.น.6 หรือไม่ ส่วนตัว “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อว่ามี

ขณะนี้ฝ่ายตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา พ.ต.อ.ณัฐพลยอมรับว่า ปล่อยรถในคดีจริง 5 คัน จากทั้งหมด 35 คัน โดยเป็นคนเซ็นอนุมัติการคืนรถเอง แต่ที่ปล่อยคืนไปเพราะรถ 5 คัน มีทั้งรถที่มีเจ้าของเป็นคนไทยและคนจีน ยืนยันว่า เป็นกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย

“รถที่ปล่อยไปไม่ใช่ของกลางในคดีอาญา เป็นรถที่ยึดเพื่อนำมาตรวจสอบ ไม่ใช่รถที่เกี่ยวข้องกับตู้ห่าว” รอง ผบก.น.6 กล่าว

ส่วนกรณีสินบน ที่ถูกกล่าวหาว่า ได้รับ 8 ล้านบาท พ.ต.อ.ณัฐพลยืนยันว่าไม่ได้รับสินบน 1 ใน 5 คันที่คืนไป เป็นกระบะอีซูซุดีแมกซ์ ถามว่า ใครจะยอมแลก 2 ล้านบาทกับรถกระบะ หลายคันเป็นรถที่มาส่งของ รถนักเที่ยว และรถเช่า ซึ่งตามกระบวนการ เมื่อตรวจสอบแล้วเจ้าของสามารถแสดงหลักฐานถูกต้องก็สามารถคืนได้ตามขั้นตอนปกติ

เมื่อถามว่า 5 คัน มีรถหรูตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ พ.ต.อ.ณัฐพลยอมรับว่ามี เป็นรถปอร์เช่ 1 คัน เจ้าของเป็นชาวจีน แต่หลังจากมีปัญหาตามมาทำให้ตอนนี้มีการเรียกคืนรถทั้งหมดกลับมา และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงทุกข้อกล่าวหาได้

การชี้แจงของ พ.ต.อ.ผู้นี้รับฟังได้หรือไม่ เครดิตระหว่างรอง ผบ.ตร. กับรอง ผบก.6 ต่างกันอย่างไร ควรให้น้ำหนักใครมากกว่า คนติดตามข่าวรู้ดี

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า ตู้ห่าว รู้จักตำรวจเยอะ และรู้จักอดีตรัฐมนตรี ส่วนใครเกี่ยวข้อง ใครร่วมกระทำความผิด ต้องเอาทั้งหมดมากองรวมกัน ถ้าถึงใครก็ต้องว่ากันไป

“เรากำลังสู้อยู่กับคนรวย กำลังสู้อยู่กับกลุ่มทุนที่มีทุนมหาศาล” รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวนกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายกลุ่มนักธุรกิจจีนสีเทาอีก ที่เข้ามาไทยมาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แล้วเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียน ทั้งๆ ที่อายุ 50-60 ปี ต้องไปตรวจสอบ ผกก.ตม.ทั้งอุดรธานี, ขอนแก่น, แพร่ และเชียงใหม่ ว่าอนุญาตได้อย่างไร

นอกจากนี้ ยังลามไปฝั่งการเมือง จากข้อมูล “ชูวิทย์จอมแฉ” อ้างคำพูดนายสันธนะ ประยูรรัตน์ คู่ปรับ ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรี รู้จักกับตู้ห่าวจริง ยังเปิดข้อมูลว่าเครื่องบินส่วนตัวนักธุรกิจจีนผู้นี้ เคยมีผู้ร่วมเดินทางคืออดีตรัฐมนตรี เมื่อครั้งไปหาเสียงที่ร้อยเอ็ดด้วย

นอกจากนั้น ชูวิทย์ยังพูดถึงคนคนหนึ่ง ที่ชอบสะสมนาฬิกา ตู้ห่าวเคยเข้าพบ แล้วมอบนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลิปป์ เรือนละ 10 ล้านบาทให้ แล้วบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐด้วย

ภายหลังถูกออกหมายจับ นักธุรกิจจีนได้เข้ามอบตัว แล้วศาลไม่ให้ประกัน เข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ขนาดนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังต้องกำชับเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ต้องหารายนี้มีอิทธิพล ให้ระมัดระวังไม่ให้ติดต่อกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ไม่ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ อาจจะมีการตุกติกได้

เห็นหรือยังว่าอิทธิฤทธิ์เงินของนักธุรกิจจีนผู้นี้ขนาดไหน

ผบ.ตร.ลักกี้นับเบอร์ ระบุว่า ถึงเวลาต้องกวาดบ้าน ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น

นาทีนี้ “บิ๊กเด่น” ต้องลงมือทำกันจริง อย่าลูบหน้าปะจมูก ไม่อย่างนั้น เกิดกรณีโปลิศจับตำรวจไปเรื่อยๆ คนยิ่งหมดศรัทธาสีกากี