คอลัมน์ประจำ

จดหมาย

ที่มามติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2565
คอลัมน์จดหมาย
เผยแพร่

จดหมาย

 

• 7 อาชีพที่ “ไม่นิยมขอเดต”

บริษัทจัดหาคู่ พรีเมียม Bangkok Matching

ได้เก็บสถิติอาชีพที่คนโสดไทย ชายโสด หญิงโสด “ไม่ขอเดต” โดยมองย้อนหลังตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ไม่ได้เรียงลำดับอาชีพที่ได้รับความสนใจน้อยสุด มากสุด ในการเลือกคู่ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนเกินไป

พบว่า 7 อาชีพ ที่คนโสด “ชาย-หญิง” ไทย มักเลี่ยงไม่ขอเดตด้วย

1. ขายตรง/ขายประกัน

2. ข้าราชการ ยกเว้น ข้าราชการระดับสูง หรืออาชีพที่ได้รับการนับถือเป็นพิเศษ เช่น อัยการ ผู้พิพากษา

3. ตำรวจ ยกเว้นยศสูงจริงๆ

4. ทหาร ยกเว้นยศสูงจริงๆ

5. คุณครู ยกเว้นอาจารย์ที่สอนระดับมหาวิทยาลัย

6. อาชีพทุกอาชีพ ที่มีเวลาไม่แน่นอน เช่น อาชีพผู้ที่ต้องทำงานขุดเจาะน้ำมัน อาชีพบนเรือครูซ ยกเว้นอาชีพนักบิน และแอร์โฮสเตส เนื่องจากเป็นอาชีพที่ถูกมองว่ามักมาพร้อมกับรายได้ที่ดีกว่าอาชีพทั่วไป และบุคลิกที่ดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับอาชีพนักบิน ตั้งแต่เกิดเหตการณ์โควิด อาชีพนี้ได้รับความนิยมลดลงในด้านการเลือกคู่ไปมาก

7. อาชีพทำงานกลางคืนต่างๆ เนื่องจากชายโสด หญิงโสดหาคู่ มักคิดว่า นอกจากเวลาในการที่จะเรียนรู้จักกันแทบจะไม่ตรงกันแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเกี่ยวพันกับสิ่งอโคจรกว่าอาชีพอื่นๆ

บทสรุปการเลือกคู่ในไทย มักสะท้อนสภาวะสังคม และเศรษฐกิจ

จากอาชีพที่ชายโสด หญิงโสดหาคู่จริงจัง มักเลือกไม่เดตด้วย ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนสภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจไทยได้อย่างดีเช่นกัน

อนึ่ง บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ได้เห็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนไปแบบมีนัยสำคัญ กล่าวคือ ก่อนยุคการขายของ ขายครีมออนไลน์เฟื่องฟู รายได้ดีมากๆ แบบในปัจจุบันนั้น อาชีพขายของออนไลน์ ขายครีมออนไลน์ เป็นอาชีพที่คนโสดส่วนใหญ่มักขอไม่เดตด้วยเลย

แต่ปัจจุบัน อาชีพนี้ หากรายได้ดี มั่นคง ได้รับการยอมรับเหมือนอาชีพอื่นๆ ทั่วไปแล้ว

บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching

https://www.bangkokmatching.com/

 

ถ้าจำได้

เคยลงอาชีพที่คนโสดไทย ทั้งชาย-หญิง อยาก “เดต” ด้วยไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

คราวนี้ บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching

ให้ข้อมูล 7 อาชีพที่คนโสดชาย-หญิงไม่อยากเดตด้วยมาให้พิจารณา

เลยลงให้อ่าน

ซึ่งคนทั้ง 7 อาชีพ คงไม่ต้องน้อยใจในความไม่นิยมดังกล่าว

และยิ่งจะดีหากพลิกข้อด้อยนี้ เป็นแรงผลักดันพิชิตใจหญิง-ชายโดยใช้จุดเด่นอื่นๆ ทดแทน

เช่น ทหาร (อาจ) จะน่ารัก หากอยู่ในกรม กอง

ไม่ไปยุ่ง “การเมือง” เป็นต้น แฮ่ม–ฮา

• 5 อาหารไทยยอดนิยม

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,044 คน (ทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 19-24 พฤศจิกายน 2565

พบว่า เอกลักษณ์ของอาหารไทย คือ ความพิถีพิถัน ความประณีตสวยงาม ร้อยละ 83.96

รองลงมาคือ อาหารไทยมีประโยชน์ เป็นยา มีคุณค่าตามหลักโภชนาการ ร้อยละ 81.17

“5 อันดับ” เมนูอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ไทย

อันดับ 1 ต้มยำกุ้ง 57.65%

อันดับ 2 ผัดไทย 33.17%

อันดับ 3 ส้มตำ 23.89%

อันดับ 4 แกงเขียวหวาน 22.11%

อันดับ 5 แกงมัสมั่น 13.23%

สิ่งที่เป็นห่วงหรือกังวลเกี่ยวกับอาหารไทย

อันดับ 1 การรักษาสูตรต้นตำรับ รสชาติดั้งเดิม 90.75%

อันดับ 2 การรักษาคุณภาพของอาหารไทย วัตถุดิบของไทย 74.95%

อันดับ 3 คนสนใจเรียนอาหารไทยลดลง ไม่มีผู้สืบทอด สานต่อ 68.02%

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าภาครัฐควรส่งเสริมอาหารไทยอย่างจริงจัง ผลักดันเป็น Soft Power ร้อยละ 88.85

โดยหน่วยงานที่จะช่วยส่งเสริมอาหารไทย คือ คนไทยทุกคน ร้อยละ 70.00 รองลงมาคือ กระทรวงวัฒนธรรม ร้อยละ 65.38 สุดท้ายประชาชนคิดว่าการประชุม APEC 2022 จะช่วยส่งเสริม “อาหารไทย…เอกลักษณ์ไทย” ไปสู่สายตาชาวต่างชาติได้มากน้อยเพียงใด

ค่อนข้างมาก 51.44% มากที่สุด 29.79% ค่อนข้างน้อย 17.43% น้อยที่สุด 1.34%

โดยสรุปคนไทยมองว่าเอกลักษณ์ของอาหารไทยคือ “ความพิถีพิถัน ความประณีต สวยงาม” ซึ่งเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย ได้เป็นอย่างดีผ่านเมนูอาหารไทยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกอย่าง “ต้มยำกุ้ง” “ผัดไทย” หรือแม้กระทั่ง “ส้มตำ” ก็เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ด้วยการไหลของวัฒนธรรมการกิน ทำให้รสชาติและสูตรมีการดัดแปลงจนทำให้เกิดความผิดเพี้ยน ดังนั้น การรักษาสูตรและรสชาติดั้งเดิมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ภาครัฐจึงควรส่งเสริม รักษา และส่งต่ออีกหนึ่ง Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก

นางสาวพรพรรณ บัวทอง

นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

 

ไม่ใช่ข้อมูลใหม่หรือเปลี่ยนแปลงไปสำหรับอาหารไทยยอดนิยม

แต่ก็ยินดีลงให้อ่าน

อ่านแล้วจะได้ปลื้มไปกลับนายกฯ

ที่อวดความสำเร็จ โดยหนึ่งในนั้น คือการผลักดันอาหารไทย–Soft Power ในเวทีเอเปค

และความสำเร็จดังกล่าว คนสนับสนุนนายกฯ เชื่อว่าสามารถรวมไทยสร้าง “ตู่” ได้

จริงหรือไม่

อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคงจะรู้

รู้ว่า คนไทยยังอยากจะ “เดต” หรือ “ไม่ขอเดต” กับ “ลุงตู่” อีกแล้ว •