‘ช่อ พรรณิการ์’ ปลุก ‘ก้าวไกล’ อย่ากลัวเป็น ‘แกะดำทางการเมือง’

ยิ่งเข้าใกล้การเลือกตั้ง แม้คะแนนในโพลของ “พรรคก้าวไกล” และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะถือว่าไม่เลว กล่าวคือ ตามหลัง “พรรคเพื่อไทย” และ “แพทองธาร ชินวัตร” ทว่า อยู่เหนือพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลทั้งหมด

แต่ก็มีผู้สันทัดกรณีออกมาฟันธงว่า หลังเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ก้าวไกลอาจกลายสภาพเป็น “แกะดำทางการเมือง” ที่ไม่มีใครอยากชวนไปร่วมรัฐบาลด้วย เพราะท่าที-จุดยืนที่ “สุดขั้ว-ถอนรากถอนโคน” เกินไป

ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่อย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ก็ออกมาวิพากษ์-ท้วงติงพรรคก้าวไกลโดยต่อเนื่อง ด้วยความเป็นห่วงว่า ท้ายสุด พรรคการเมืองพรรคนี้จะกลายเป็นแหล่งรวมของ “นักการเมืองแบบเดิมๆ” ที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วในสังคมไทย และไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ

รายการ “เอ็กซ์อ๊อก Talk ทุกเรื่อง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เพิ่งพูดคุยกับ “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ในประเด็นเดียวกัน ดังรายละเอียดบางส่วนต่อไปนี้

 

: คนวิเคราะห์กันว่าก้าวไกลจะเป็น “แกะดำในทางการเมือง” คุณช่อคิดว่ามันเป็นโจทย์ยากหรือไม่? ก้าวไกลควรรับมือกับมันอย่างไร?

พวกเราไม่เคยเป็น “แกะขาว” พวกเราเป็น “แกะดำ” ตั้งแต่วันแรก

ตั้งแต่วันที่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ก็คือไม่มีพรรคการเมืองไหนในประเทศไทยหาเสียงด้วยการบอกว่าจะยุติวงจรอุบาทว์รัฐประหาร จะปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดจำนวนนายพล

บรรยากาศวันแรกที่เราเดินเข้าไปในสภา เราก็รู้ตัวแล้วว่า ตอนนั้น เราใช้คำว่าเป็น “เอเลี่ยน” คือเรามันเป็นพวก “มนุษย์ต่างดาว” เข้าไปเราก็ไม่เข้าพวกกับใครเลย พูดกับใครเขา เขาก็จะมองหน้า ว่าแบบอีนี่อะไร

คือมันไม่ได้เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยก้าวไกล จริงๆ สมัยอนาคตใหม่ยิ่งแปลกแยกกว่าด้วยซ้ำ เพราะว่าเราก็เข้าไปด้วยความสดใหม่ ไร้เดียงสา ไม่รู้ประสีประสาทางการเมืองเลย

เราคิดแต่ว่าเราอยากทำการเมืองแบบไหน เราไม่ได้ดูว่าการเมืองที่เป็นอยู่ มันเป็นแบบนี้ แล้วเราต้องไปโอนอ่อนผ่อนตาม เราบอกว่าเราอยากจะทำการเมืองแบบนี้ แล้วถ้าทำเหมือนคนอื่น เราจะมาตั้งพรรคการเมืองทำไม ไม่ต้องตั้งก็ได้

เรามาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น คนเขาใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายมาก ก็คือ ไอ้พวกอนาคตใหม่มันพวกเข้ามา “ดิสรัปต์” การเมือง

ปัญหาก็คือว่า ตกลงเรื่องเป็น “แกะดำ” เป็นบวกหรือเป็นลบต่อพรรค? ช่อก็ต้องบอกว่า ใช่ พวกเราเป็น “แกะดำ” แล้วก็ถูกทำให้เข้าใจว่าเป็นคนส่วนน้อยหรือเสียงส่วนน้อย (อย่างไรก็ตาม) ในความเป็นจริง ก็คือ ทั้งประเทศนี้มีแต่ “แกะดำ” ส่วน “ไอ้แกะขาว” มันคือคนมีอำนาจอยู่ไม่กี่คน

คือเราเป็น “แกะดำ” ที่หลงเข้าไปอยู่ในฝูง “แกะขาว” 500 ตัวในสภา นึกภาพออกไหมคะ? แกะ 81 ตัว ที่แบบเป็น “แกะดำ” ไปหลงอยู่ใน “แกะขาว” 500 ตัว

มองเผินๆ ก็รู้สึกว่าไอ้พวกนี้มันเป็นตัวประหลาด เสียงส่วนน้อย แต่ถ้าคุณถอยหลังออกจากสภามา แล้วมองทั่วประเทศ ทั้งประเทศนี้เป็น “แกะดำ” ค่ะ มันมีไอ้ “แกะขาว” อยู่แค่ 400 กว่าตัวในสภานั่นแหละ อีก 70 ล้านตัวเป็น “แกะดำ” เหมือนพวกเรา

ทำไมช่อถึงพูดแบบนั้น อนาคตใหม่มาจนถึงก้าวไกล ตั้งขึ้นมาเพื่อบอกว่าเราเป็นพรรคของคน 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่พรรคของคน 1 เปอร์เซ็นต์ นี่คือพื้นฐานว่าทำไมเราถึงมาทำพรรคการเมือง เพราะว่าพรรคการเมืองที่ผ่านมาเป็นพรรคที่เป็นตัวแทนของ “ชนชั้นนำอนุรักษนิยม” บ้าง ตัวแทนของ “นายทุนขนาดใหญ่” บ้าง

แต่ (ไม่มี) พรรคที่เป็นตัวแทนของเสียงของประชาชนจริงๆ พรรคที่ไม่ต้องมีใครเป็นเจ้าของ แต่ประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของ จ่ายเงินคนละ 5 บาท 10 บาท เพื่อให้พรรคไม่ต้องติดหนี้บุญคุณใคร แล้วก็เข้าไปทำงาน เสนอนโยบายที่ไม่ต้องกลัวใคร

ลดนายพลทำได้ ทลายสุราผูกขาดทำได้ ทลายการผูกขาดทุนธนาคาร ทุนสินค้าเกษตร เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ต่างๆ เหล่านี้ทำได้ ไม่ต้องเกรงใจเศรษฐีมีเงินที่บริจาคให้พรรค

เราเข้ามาก็เพื่อเป็นแบบนี้ เป็นตัวแทนของ “แกะดำ” 70 ล้านตัวที่อยู่ในประเทศไทย ที่เป็นคนส่วนใหญ่ แต่ถูกทำให้เข้าใจว่าตัวเองเป็นเสียงที่น้อยและไม่มีพลังในประเทศนี้ เพราะฉะนั้น การเป็น “แกะดำ” สำหรับเรา ไม่ใช่ปัญหา

ถ้าเราเข้าไป แล้วสุดท้ายเราเป็น “แกะขาว” ที่เข้าพวกกับคนอื่น แล้วใครจะเป็นพวกเดียวกับประชาชน ที่เป็น “แกะดำ” ที่อยู่ข้างนอกอีก 70 ล้านตัว ไม่มีนะคะ เป็น “แกะดำ” นั้นถูกแล้ว

สิ่งที่จำเป็น ที่เป็นความท้าทายของเราก็คือ คุณจะทำอย่างไรให้คุณยังรักษา “ความดำ” ประหนึ่ง “เกลือรักษาความเค็ม” และทำให้ประชาชนทั้งประเทศตระหนักให้ได้ว่านี่คือ “ประเทศของแกะดำ” ของประชาชนส่วนใหญ่ ที่เป็นคนยากจน คนที่ถูกกดขี่ คนที่ขาดโอกาส คนที่ไม่มีเสียง ไม่ใช่ประเทศของ “แกะขาว” ไม่กี่ตัวที่กุมอำนาจอยู่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

นี่คือความท้าทาย ทำอย่างไรไม่ให้คุณ “ทำการเมือง” ไปแล้ว คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ชนชั้นนำ” อันนี้ช่อว่าท้าทายยิ่งกว่า

คุณอย่ากลัวการเป็น “แกะดำ” คนทั้งประเทศก็เป็น “แกะดำ” เหมือนคุณ คุณกลัวดีกว่าว่าคุณ “ทำงานการเมือง” ไป สุดท้ายคุณกลายเป็น “ฯพณฯ ท่าน” แล้วลืมตัวไปแล้วว่าคุณเข้าไปอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะเป็นปากเสียงให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่เข้าไปเพื่อแสวงหาอำนาจ แล้วก็ทำตัวเป็น “ชนชั้นนำ” เสียเอง

: คุณช่อมองสิ่งที่ “อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล” เพิ่งสะท้อนถึงพรรคก้าวไกลอย่างไรบ้าง?

เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดสมัยก้าวไกลเช่นเดียวกัน นับตั้งแต่วันแรกที่เราเดินเข้าสภา เราคือช่อกับ “อาจารย์ป๊อก ปิยบุตร” จะคุยกันใกล้ชิด ก็คุยกันอยู่ตลอดเวลาว่า เฮ้ย! อาจารย์ พวกเราต้องคอยดูแล ส.ส.ดีๆ นะ เพราะว่าเกิด “คัลเจอร์ช็อก” (อาการตื่นตระหนกเมื่อย้ายเข้าไปอยู่ในบริบททางวัฒนธรรมใหม่ๆ)

วันแรกที่เข้าสภาแล้วเราไปเจอเจ้าหน้าที่สภาคุกเข่า แล้วก็เรียก “ท่านๆ” อยู่ตลอดเวลา มัน “คัลเจอร์ช็อก” แล้วเราก็รู้สึกว่า ถ้าคนจิตใจไม่เข้มแข็ง แล้วเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เข้าไปพูดคุยพบปะกับ ส.ส.คนอื่น เข้าไปในกรรมาธิการ จะเริ่มเห็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง

อันนี้เป็นความท้าทายที่เราต้องช่วยกันดูแล ส.ส.ของเรา ว่าจิตใจต้องเข้มแข็ง คุณต้องรู้ว่าคุณเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อทำอะไร

เป็นเรื่องจริงที่ว่าอำนาจเป็นสิ่งที่หอมหวานและเสพติด และเมื่อคุณไม่มีความหนักแน่นในอุดมการณ์ คุณไม่บอกตัวเองอยู่เสมอว่า คุณเข้ามาที่นี่เพื่อทำอะไร มันเป็นไปได้ง่ายที่คุณจะ “เพริด” ไปกับแสงสี ไปกับอำนาจ หรือผลประโยชน์ หรือช่องทางที่มันถูกหยิบยื่นให้

ช่อกล้าพูดตรงนี้เลยนะคะว่า การเป็น ส.ส. จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตาม มีผลประโยชน์มหาศาล มือของคุณที่ยกโหวตในแต่ละครั้ง มันเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

คุณเห็นเงินแสนสองแสนคุณอาจจะไม่หวั่นไหว แต่ถ้าคุณเห็นเงินล้านสองล้าน สิบล้านยี่สิบล้าน คุณหวั่นไหวหรือเปล่า? นี่คือสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับการอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ และมีช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์

เพราะฉะนั้น ก็เป็นความท้าทายของทั้งอนาคตใหม่ แล้วก็ก้าวไกล พูดง่ายๆ ว่าเป็นความท้าทายที่ในยุคแรกเริ่มที่เราเริ่มตั้งไข่กัน “ไม่มี” เพราะวันนั้นไม่มีอำนาจ แต่ในวันที่คุณมีอำนาจ ต่อให้คุณไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล แต่คุณก็มีอำนาจในฐานะผู้แทนราษฎร ในวันนั้นเป็นความท้าทาย

ทั้งในแง่ผลประโยชน์ที่จับต้องได้เป็นตัวเงิน แล้วก็ความท้าทายในแง่สามัญสำนึก จิตใจ ความคิด ว่าต่อให้คุณไม่รับผลประโยชน์ แต่คุณยังรักษาความเป็นผู้แทนของประชาชน ที่เป็นคนธรรมดา เป็นคนติดดิน ไม่หลงในอำนาจ ไม่ทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่ทำตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโต ได้หรือเปล่า?

เรื่องพวกนี้เราเตือนกันเองอยู่เสมอ แล้วช่อกับอาจารย์ป๊อกพูดกันอยู่เสมอว่า เฮ้ย! อาจารย์ เราเห็นอันตรายมากเลยนะ เราต้อง “ทำงานความคิด” เราต้องคอยพูดคุย ให้กำลังใจ ส.ส.เราให้ดี ว่าอย่า “เพริด” ไปกับไอ้ของพวกนี้นะ เพราะว่ามันน่ากลัวมากจริงๆ ก็พยายามที่จะประคับประคองกัน

แน่นอนว่าจิตใจคน สิบคนร้อยคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนมีภูมิต้านทานมาก บางคนมีภูมิต้านทานน้อย ก็จะเห็นได้ว่า “งูเห่า” ก็มีไป แล้วเวลาคุณพูดว่า คุณสัญญาได้ไหม? คุณสาบานได้ไหม? ว่าคนโน้นคนนี้จะเป็นหรือไม่เป็น “งูเห่า” เชื่อช่ออย่างหนึ่งเหอะ คุณไม่มีวันแน่ใจได้หรอก ว่าคุณจะเป็นหรือไม่เป็น “งูเห่า” จนกว่าคุณเห็นเงินยี่สิบสามสิบล้านมากองอยู่หน้าคุณ

วันนั้น “ความเป็นคนดี” ในตัวคุณจะถูกพิสูจน์ แล้วเชื่อเถอะว่า คนจำนวนไม่น้อยหรอกที่จะหวั่นไหวกับเงินจำนวนนี้ เพราะฉะนั้น เราถึงไม่มีทางการันตีได้ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น “งูเห่า”