The Lost Lotteries ‘ปฏิบัติการกู้หวย’

วัชระ แวววุฒินันท์

The Lost Lotteries ‘ปฏิบัติการกู้หวย’

 

“แด่แผนเหี้ยๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้”

นี่คือประโยคหลักที่ขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ให้เดินไปตลอด 2 ชั่วโมงกว่าๆ

The Lost Lotteries “ปฏิบัติการกู้หวย” เป็นภาพยนตร์ไทยที่ฉายอยู่ตอนนี้ทาง Netflix เป็นผลงานเรื่องแรกจากไลน์อัพ “ทีใครทีมันส์” ของ Netflix ประเทศไทย ตัวหนังออกแนวตลาดจ๋า สนุกกันแบบโอเวอร์ ตามสไตล์ที่คนดูหนังไทยชอบ

งานนี้เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับฯ ของ “พฤกษ์ เอมะรุจิ” ที่เคยฝากผลงานกับหนังแนวสนุกมาแล้วหลายเรื่อง เช่น ไบค์แมนทั้งสองภาค, อีเรียมซิ่ง และล่าสุดกับ ใจฟูสตอรี่ โดยมี “เอกชัย เอื้อครองธรรม” ร่วมเขียนเรื่องและเป็นโปรดิวเซอร์ ภายใต้การผลิตของ GMM Studio

นับว่าเป็นความฉลาดที่เอาเรื่อง “หวย” มาเป็นตัวเดินเรื่อง เพราะหวยเป็นปัจจัยที่ 5 ของพี่น้องชาวไทยต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน และคงชั่วนิจนิรันดร์ หวยที่ว่าไม่ใช่หวยใต้ดิน แต่เป็นล็อตเตอรี่ของรัฐบาล

เผอิญเจ้าล็อตเตอรี่ที่ว่านี้ดันเป็นแบบชุดมี 5 ใบ และถูกรางวัลที่ 1 เข้าให้ แต่เจ้ากรรมดันมาถูกเอาไปทั้งชุดโดยไม่เต็มใจ

จึงเป็นที่มาของ “ปฏิบัติการกู้หวย” ตามชื่อเรื่องนั่นเอง

คนที่ถูกหวยชุดนี้เป็นคนระดับล่างของสังคมที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตที่เส็งเคร็งทุกวัน หากจะพอให้ได้มีความหวังหน่อยก็ต้องรอ 2 วันครั้งคือวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน เรื่องเล่าที่ตัวเอกคือ “เต” เด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ลูกของ “แม่ต้อย” ที่มีอาชีพขายล็อตเตอรี่ แต่เผอิญเดินขายแล้วไปตกท่อของ กทม. เลยเจ็บตัว ลูกชายจึงต้องมาขายแทน ซึ่งก็ได้เก็บล็อตเตอรี่แบบชุดที่ว่าแยกไว้ตามที่แม่สั่งเพราะจะมีคนที่จองไว้มาเอา

แต่แม่ต้อยกับเต ถูกนักเลงมาทวงหนี้นอกระบบถึงที่บ้าน และไม่รู้จะเอาของมีค่าอะไรไป มีก็แต่แผงขายล็อตเตอรี่เท่านั้นจึงยึดไปดื้อๆ เรื่องคงไม่กระไร หากอีกไม่กี่วันได้รู้ว่าล็อตเตอรี่ชุดที่ติดไปกับแผงนั้นมันถูกรางวัลที่หนึ่ง ทีนี้เจ้าของล็อตเตอรี่อีก 4 คนที่สั่งเอาไว้ก็มาทวง และพบว่ามันถูกเอาไปแล้ว ความหวังที่จะได้เงินคนละ 6 ล้านเพื่อต่อชีวิตก็มีอันพังทลาย

แต่ทั้งหมดไม่ยอม เพราะมันคือ “ยาวิเศษ” ที่จะช่วยแก้ปัญหาของแต่ละคนได้ แผนการที่จะเอาล็อตเตอรี่คืนได้ถูกคิดขึ้นโดยเต เป็นแผนชนิดที่โปรยไว้ตอนต้นคือ “แด่แผนเหี้ยๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้”

ช่วงที่มีการวางแผนนั้น เหมือนได้ดู The Ocean ฉบับไทยแลนด์ เพราะจะมีการกำหนดให้ใครปลอมตัวเข้าถ้ำเสือเพื่อชิงล็อตเตอรี่อย่างไรบ้าง ใครต้องเล่นบทบาทไหน และใครต้องปฏิบัติการลับๆ อะไร

ถ้ำเสือที่ว่าคือ โรงงานทำพลุของ “เฮียใช้” ที่เป็นโรงงานบังหน้า เพราะเบื้องหลังคือบ่อนพนันมวย โดยจะมีการจัดชกมวยทุกวันศุกร์ให้นักพนันได้มาแทงมวยกัน เป็นรายได้หลักของเฮียใช้ นอกเหนือจากการให้กู้หนี้นอกระบบ และคิดดอกโหดๆ แบบที่ว่าใครเบี้ยวก็มีสิทธิ์ตายได้จาก “เจ้าเสก” มือฆ่าคู่ใจ

หนังใช้ความยาวราว 75% กับการปฏิบัติการนี้ ให้คนดูได้ลุ้นตามว่าจะรอดหรือเละ ซึ่งก็จัดเต็มทั้งความสนุกและความลุ้นในสไตล์การ์ตูนที่เชื่อว่าจะถูกใจผู้ชมส่วนใหญ่

ผู้กำกับฯ พฤกษ์ เลือกที่จะใช้แนวของหนังให้เป็นโอเวอร์แอ๊กชั่นเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ การเดินเรื่องกระชับฉับไว ผสมกับการถ่ายทำและตัดต่อ ใส่ดนตรี และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เข้าไป ก็ทำให้คนดูเพลิดเพลินได้ไม่ยาก

หนังเริ่มต้นผ่านการเล่าของ “เต” ถือว่าเปิดเรื่องได้น่าสนใจ ไม่เยิ่นเย้อและบอกรสชาติของหนังอย่างชัดเจนว่า เตรียมตัวสนุกแบบเว่อร์ๆ กันได้

บทเต นั้นแสดงโดย “สกาย-วงศ์รวี นทีธร” ที่พัฒนาความสามารถในการแสดงมากขึ้น จากที่เล่นแข็งๆ พูดไม่ค่อยชัดตามสไตล์คนรุ่นใหม่ มาวันนี้สกายได้ถีบตัวเองขึ้นมามาก สามารถเล่นแนวคอเมดี้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยทั้งสีหน้า น้ำเสียง และจังหวะการแสดงที่ส่งเสริมกัน

ที่น่าชื่นชมคือบทแม่ต้อย รับบทโดย “ปาน-ธนพร แวกประยูร” ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ จะออกแนวโอเวอร์แอ๊กชั่นกึ่งการ์ตูน แต่ปานกลับเล่นเป็นธรรมชาติแต่ก็ลื่นไหลไปกับคนอื่นๆ ได้ ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อให้กับตัวละครได้อย่างดี เมื่อถึงตอนดราม่าในเรื่องความรักลูก ปานก็เอาอยู่โดยไม่ต้องฟูมฟายเกินจริง นับว่าเป็นศิลปินแท้ๆ ที่ไม่ว่าจะร้องเพลงหรือแสดงก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวละครที่เป็นสีสันคือ 4 คนที่ร่วมปฏิบัติการ นับแต่ “แจ๊ส ชวนชื่น” หรือชื่อจริงว่า “ผดุง ทรงแสง” ก็เพิ่งรู้จักชื่อนามสกุลจริงของแจ๊สก็ครั้งนี้จากเครดิตท้ายเรื่อง แจ๊สรับบทเหวิ่น ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง แต่ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบต๊อกต๋อยเท่านั้น

แล้วก็ยังมี “สมจิตร จงจอหอ” ที่รับบทคุ้ง อดีตนักมวยที่ไม่ประสบความสำเร็จบนผืนผ้าใบ เลยหันมาเป็นเซลส์ขายผลิตภัณฑ์แก้ส้วมตัน ไปพร้อมๆ กับการเล่นพนันมวยเป็นครั้งคราว โดยมีความฝันว่าอยากขึ้นชกเพื่อพิสูจน์ฝีมืออีกสักครั้ง และหวังจะรวยจากการชกมวยนั่น

อีก 2 คนเป็นผู้หญิง คือ “แพท-ณปภา ตันตระกูล” ในบทโซ่ ที่ใช้ความเซ็กซี่ของตนทำงานเป็นพริตตี้ขายของทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ บอกก่อนว่าไม่ได้เป็นแค่สำนวน เพราะในตอนท้าย เธอขายเรือรบจริงๆ ฮะฮะฮ่า โซ่มีน้องชายที่อายุห่างมากที่ต้องเลี้ยงดู เธอจึงเป็นเหมือนแม่กลายๆ ของเด็กชายน้อยๆ นั่น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเธอและน้องคือสิ่งที่ใฝ่ฝัน ซึ่งจะผ่านจากการมีเงินไปทำนมให้ใหญ่ขึ้น

ส่วนสาวอีกคนคือ “มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร” ที่เคยฝากฝีมือจากเรื่อง “แสงกระสือ” จนได้รับรางวัลสุพรรณหงส์สาขานักแสดงนำหญิงมาแล้ว เรื่องนี้มินนี่รับบท “บีท” สาวน้อยหน้านิ่ง นัยน์ตาเศร้า ลูกช่างทำกุญแจ ที่ถูกรถเก๋งลูกคนรวยพุ่งชนจนเจ็บหนักเข้าโรงพยาบาล เธอต้องการเงินไปรักษาพ่อและจ้างทนายเอาคนผิดเข้าคุกให้ได้ เธอเป็นอีกคนที่เล่นนิ่งๆ เป็นธรรมชาติไม่ได้โอเวอร์เหมือนอีก 3 คน แถมมีบทดราม่าให้ได้แสดงความสามารถด้วย

ในขณะที่ฝ่ายปฏิบัติการกู้หวยจัดเต็มความเว่อร์ ในฝั่งผู้ร้ายที่เป็นตัวหลัก กลับใช้การแสดงที่ดูจริงจัง ในบทของเฮียใช้ ที่แสดงโดย อนุสรณ์ ภิญโญพจนีย์ และ นักฆ่าเสก ที่แสดงโดย สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ซึ่งก็ช่วยบาลานซ์ให้โทนของเรื่องไม่การ์ตูนจนเกินไป และดูจริงจังขึ้นมายามถึงบทโหดๆ

นอกจากความบันเทิงที่สอดแทรกมุกตลกตลอดเวลาที่ทั้งโดนมากโดนน้อย และฝืดๆ ก็มี ตัวหนังได้สะท้อนความจริงในสังคมไทยออกมาผ่านตัวละครที่เป็นภาพจำมากมาย นับแต่ “หวย” ที่เป็นตัวละครที่แข็งแรงเหลือเกินสำหรับคนยากคนจน การถูกหวยรางวัลใหญ่ๆ ดูจะเป็นหนทางเดียวของชีวิตสำหรับคนชั้นล่าง ทำให้การปฏิบัติการกู้หวยแม้จะดูโอเวอร์ แต่ก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก

เราจะได้เห็นการเล่าชีวิตผ่านตัวละครอย่าง เหวิ่น คุ้ง โซ่ บีท เต และแม่ต้อย ที่ถูกสังคมทำร้ายแบบต่างๆ แถมไม่ค่อยได้รับความยุติธรรม ถูกแบ่งแยกชั้นวรรณะ ชนิดที่ว่าคนรวยย่อมมีอำนาจและโอกาสกว่าเสมอ ซึ่งมีอยู่จริงๆ ในสังคม ถ้าเป็นตลกก็เป็นตลกร้ายสำหรับเรื่องราวของคนเหล่านี้

ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นคนอีกระดับหนึ่ง นับแต่เฮียใช้ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย และใช้อำนาจเงินและปืนในการจัดการกับคน ซึ่งก็ยังมีหน้าตาและที่ยืนได้ในสังคมแบบที่เราเห็นๆ กันอยู่ หรือคนรวยที่เอาเงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ขับรถชนคนจนๆ ก็รอดคดีได้อย่างสบาย เรื่องอย่างนี้ไม่แปลกใหม่เลยในสังคมจริงๆ

หรือภาพจำของ ส.จ. ที่เป็นคนมีอำนาจในระดับท้องถิ่น ก็ได้ถูกนำภาพจำนั้นมาเป็นมุขตลกในหนังด้วย

รวมทั้งการหยิกกัด กทม. ที่มีท่อให้คนตก, ตำรวจที่ซื้อล็อตเตอรี่ในราคา 120 บาทเสียเอง, การล่วงละเมิดทางเพศแบบด้านๆ ตามความคิดเพศชายเป็นใหญ่, การเห็นเงินเป็นพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ

ทั้งนี้ คงจะดีมากขึ้น หากหนังได้เสนอแง่มุมอื่นที่ไม่ค่อยได้ถูกพูดถึงผ่านการเดินเรื่องแบบสนุกๆ อย่างที่ทำนี้ ก็จะทำให้หนังมีอะไรลุ่มลึกกว่าที่เป็นอยู่ได้

จะว่าไปแล้วสิ่งที่หายไปอาจไม่ใช่ล็อตเตอรี่ก็ได้ แต่เป็น “ความถูกต้อง” ในสังคมไทย ที่นับวันจะถูกด้อยค่าจากคนที่มีเงิน มีอำนาจ และอยู่ในระดับสูงกว่าของสังคม

และถ้าเป็นเช่นนั้น คำถามคือ ใครจะมาวางแผนเพื่อปฏิบัติการกู้ชาติให้ได้จริงๆ สักที หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ “แผนเหี้ยๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้” เท่านั้นก็ได้ •

 

เครื่องเคียงข้างจอ | วัชระ แวววุฒินันท์