ลี้คิมฮวง ‘รู้’ ทุก ‘แผน’ สมคบคิด เหตุไฉน ไม่พูด | บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ลี้คิมฮวง ‘รู้’

ทุก ‘แผน’ สมคบคิด

เหตุไฉน ไม่พูด

 

เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างทิเต็กซิงแซกับลี้คิมฮวงจะเป็นการชำระ “รอยแค้น” จากอดีตอันฝังจำไม่เคยลืมเลือน

แต่เมื่อมี “ลิ่มซีอิม” เข้ามาอยู่ “ตรงกลาง”

ประหนึ่งว่า นางเองก็มีความแค้นที่มิอาจปล่อยวางได้อย่างเด็ดขาด แต่กลับกลายเป็นว่าเป้าหมายของนางเป็นทิเต็กซิงแซ

วาจาอันเปล่งมาจากปากของลิ่มซีอิม

“มันขายท่าน มันความจริงสมคบกับพวกประดานั้น” (สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง) “เขาขายท่านแล้ว เขาคบคิดกับยอดฝีมือเหล่านั้น” (สำนวนแปล น.นพรัตน์)

อย่าถามถึงทิเต็กซิงแซ เนื่องจากมันอยู่ในภาวะสลบไสล

หากจำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษไปยัง 1 ลิ่มซีอิม และ 1 ลี้คิมฮวง อันถือได้ว่าเป็นคู่กรณีโดยตรง

ไม่ว่าสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ไม่ว่าสำนวนแปล น.นพรัตน์

คําพูดนี้พอกล่าว เรี่ยวแรงของนางก็เสื่อมสูญสิ้น หากมิใช่ยึดเกาะขอบโต๊ะไว้ร่างคงต้องล้มลง นางเข้าใจว่าลี้ชิ้มฮัวได้ยินคำพูดนี้

(ย่อม) ต้องบังเกิดความตื่นตระหนกเช่นกัน

แต่สีหน้าลี้ชิ้มฮัวไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “เกรงว่าท่านเข้าใจเขาผิดไป เขาไหนเลยขายข้าพเจ้าได้”

มิคาด สีหน้าของลี้คิมฮวงมิได้เปลี่ยนแปรสักน้อย

กระทั่งหางตายังไม่กระตุกสักครั้งด้วย กลับแย้มยิ้มแล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “ท่านน่ากลัวเข้าใจมันผิดไป มันไหนเลยจะขายข้าพเจ้าได้”

ลิ้มซีอิมบีบโต๊ะจนแนบแน่น ถ้วยชาบนโต๊ะกระทบกันดังตึงติงตลอดเวลา

นางตะเบ็งเสียงแหบพร่า “ข้าพเจ้าเห็นกับตา ได้ยินกับหูมาชัดๆ”

ลิ่มซีอิมใช้มือขวาจับโต๊ะโดยแรง ถ้วยชาบนโต๊ะสั่นไหวดังติงตัง นางร้องเสียงแหบพร่าว่า “ข้าพเจ้าเห็นกับตา ได้ยินกับหู”

“ท่านดูผิดแล้ว และรับฟังผิดแล้ว” นั่นเป็นการยืนยันจากลี้ชิ้มฮัว

“ท่านดูผิดแล้ว และฟังผิดด้วย” นั่นเป็นความเห็นแย้งจากลี้คิมฮวง

เหตุผลของลี้คิมฮวงก็คือ “ในสองวันนี้ท่านเหน็ดเหนื่อยเกินไป ยากยิ่งที่จะสะสางเรื่องราวมิให้ผิดพลาด ยังคงไปหลับให้เต็มตาสักตื่นเถิด

ถึงพรุ่งนี้ท่านก็จะทราบว่า สามีของท่านเป็นบุรุษที่เชื่อถือได้อย่างยิ่ง”

เหตุผลของลี้ชิ้มฮัวก็คือ “สองวันนี้ท่านเหน็ดเหนื่อยเกินไป อดเข้าใจเรื่องราวมากหลายผิดพลาดมิได้ ยังคงไปนอนพักผ่อนให้เต็มตา เมื่อถึงวันพรุ่งนี้จะพบว่าสามีของท่านเป็นบุรุษที่น่าไว้วางใจผู้หนึ่ง”

ลิ้มซีอิมเบิกตาค้างมองดูเขา มองดูเป็นเวลานาน พลันฟุบร่างกับโต๊ะเปล่งเสียงร่ำไห้ออกมา

ลิ่มซีอิมจับตามองลี้คิมฮวงจนกลมกว้าง

จ้องอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน เนิ่นนานให้หลังพลันฟุบลงกับโต๊ะ เปล่งเสียงร่ำไห้ดังๆ ขึ้นมา ลี้คิมฮวงพริ้มตาลง คล้ายดั่งไม่อาจหักใจทนดู

ส่งเสียงแหบแห้ง “ท่านเพราะเหตุใด…”

วาจาไม่ทันขาดคำ พลันกระอักโลหิตออกมาโอ้กใหญ่

ลิ้มซีอิมก็ไม่อาจควบคุมตัวเองอีกต่อไป อารมณ์ความรู้สึกที่ข่มกลั้นมา 10 กว่าปียามนี้พลันปะทุออกมาราวน้ำป่าทลายทำนบ

นางโถมเข้าหาลี้ชิ้มฮัว กล่าวว่า “ท่านไม่ไปข้าพเจ้าจะขอตายที่เบื้องหน้าท่าน”

ลิ่มซีอิมไม่อาจข่มกลั้นใจได้อีกแล้ว ความรักที่นางฝังไว้ในก้นบึ้งหัวใจมาถึง 10 ปี ตอนนี้ทะลักออกดุจดั่งเป็นน้ำป่าทลายทำนบ

นางถลาเข้าไปหาลี้คิมฮวงพลางร้อง “ท่านไม่ไปข้าพเจ้าจะตายที่เบื้องหน้าท่าน”

 

ในเมื่อ ณ เบื้องหน้าเป็นลิ่มซีอิม ขณะเดียวกัน ที่ลี้คิมฮวงถูกกักขังอยู่แวดล้อมโดยจอมยุทธ์มากหลายล้วนเห็นมันเป็นปรปักษ์

ป้ายหม้อดำให้เป็น “โจรดอกเหมย”

สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ดำเนินความตามที่ “โกวเล้ง” กำหนด ลี้คิมฮวงขบกรามเค้นเสียงทีละคำ

“ท่านจะเป็นหรือตาย เกี่ยวข้องใดกับข้าพเจ้า”

ลิ่มซีอิมถลึงตาจ้อง ร้องเสียงเครือ “ท่าน ท่าน ท่าน” นางเปล่งคำ “ท่าน” แต่ละครั้ง เป็นต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

ขณะที่ลี้ชิ้มฮัวจากสำนวนแปล น.นพรัตน์ ขบกรามกรอด กล่าวย้ำทีละคำว่า “ท่านเป็นหรือตาย เกี่ยวข้องใดกับข้าพเจ้า”

ลิ้มซีอิมพลันเงยหน้าขึ้น ถลึงมองลี้ชิ้มฮัว

ร่ำร้องว่า “ท่าน ท่าน ท่าน” นางพอกล่าวคำ “ท่าน” คำหนึ่ง ก็ถอยกายไปหนึ่งก้าว

น่าเห็นใจไม่ว่ามองจากด้านของลี้คิมฮวง ไม่ว่ามองจากด้านของลี้ชิ้มฮัว ไม่ว่ามองจากด้านของลิ่มซีอิม ไม่ว่ามองจากด้านของลิ้มซีอิม

เจ็บปวด รวดร้าว และทรมาน

 

ทันใดนั้น นางรู้สึกตัวว่าล้มไปบนร่างคนผู้หนึ่ง (สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง) ทันใด นางพบว่านางล้มตัวไปบนร่างของคนผู้หนึ่ง (สำนวนแปล น.นพรัตน์)

นี่ย่อมเป็น “ดราม่า” อย่างยิ่ง

ใบหน้าเล้งโซ่วฮุ้นเคร่งเครียดจนเขียวคล้ำ มันโอบไหล่ลิ่มซีอิมแนบแน่น คล้ายดังกลัวว่าหากคลายมือลิ่มซีอิมก็จะสาบสูญไปจากข้างกายมัน

และจะมิกลับมาหามันอีกแล้วตลอดกาลนาน

ลิ้มซีอิมมองดูมือข้างนั้น สีหน้าพลันสงบเยือกเย็นลง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ยกมือของท่านออกไป นับแต่นี้ขออย่าได้กระทบถูกข้าพเจ้าอีก”

ใบหน้าเล้งเซ่าฮุ้นพลันสั่นกระตุก

คล้ายถูกผู้คนหวดใส่แส้หนึ่ง ในที่สุด เล้งเซ่าฮุ้นคลายมือออกช้าๆ จับจ้องมองลิ้มซีอิม กล่าวว่า

“ท่านทราบทั้งสิ้นแล้ว”

ลิ้มซีอิมกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ในโลก ไม่มีเรื่องราวที่สามารถปกปิดผู้คนได้ตลอดกาล”

เล้งเซ่าฮุ้นถามอีกว่า “ท่าน ท่านล้วนบอกต่อเขาแล้ว”

ลี้ชิ้มฮัวพลันยิ้มออกมา กล่าวว่า “ซึ่งความจริง มิต้องให้นางบอกต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ทราบแต่แรก”

ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ

 

สําคัญทั้งในด้านของเล้งโซ่วฮุ้น สำคัญทั้งในด้านของลิ่มซีอิม และสำคัญอย่างยิ่งยวดหากมองจากด้านของลี้คิมฮวง

บางถ้อยคำของเล้งโซ่วฮุ้นสมควรพิจารณา

เล้งโซ่วฮุ้นคล้ายดั่งมิกล้าประจันหน้ากับลี้คิมฮวงมาเลย ตอนนี้กลับเชิดหน้าขึ้นกล่าว “ท่านทราบ”

ลี้คิมฮวงรับคำอืมม์เบาๆ เล้งโซ่วฮุ้นจึงกล่าวต่อ “ท่านทราบตั้งแต่เมื่อใด”

ลี้คิมฮวงถอนใจกล่าว “ก็ในตอนท่านโอบแขนข้าพเจ้า ปล่อยให้ชั้งชิกจี้จุดข้าพเจ้า เพียงแต่ว่า ข้าพเจ้าแม้ทราบแต่ไม่ตำหนิท่านเลย”

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจ กล่าวว่า

“ขณะที่ท่านโอบแขนข้าพเจ้าปล่อยให้ฉั้งฉิกจี้สกัดจุดข้าพเจ้า เพียงแต่ ข้าพเจ้าแม้ทราบกลับไม่ได้โทษว่าท่าน”

“ท่านเมื่อทราบ ไฉนไม่บอกออกมา” เป็นคำถามจากเล้งเซ่าฮุ้น

“ท่านไม่บอก ใช่เพราะสืบเนื่องจากข้าพเจ้าหรือไม่ ท่านกลัวข้าพเจ้าทราบแล้วจะเศร้าเสียใจ ท่านไม่ต้องการทำลายครอบครัวของพวกเรานี้ ทั้งนี้เพราะครอบครัวของพวกเรา ความจริงเป็นท่าน ท่าน”

นางไม่ทันกล่าวจบก็หลั่งน้ำตาเนืองนองหน้า

ไม่ว่าจะมองจากเหตุผลของลี้คิมฮวง ไม่ว่าจะมองจากเหตุผลของลี้ชิ้มฮัว รวบรัดและแจ่มชัดในตัวเอง

ยิ่งหากมองจากด้านของเล้งโซ่วฮุ้นยิ่งแทบไม่ต้องอธิบายให้ยาวความ

จำเป็นต้องอ่าน

 

สตรีเหตุใดจึงมักหลงตัวเองจนงมงายเช่นนี้

ข้าพจ้าไม่บอก เนื่องเพราะข้าพเจ้าบอกไปก็ไม่มีประโยชน์

ข้าพเจ้าไม่หนี เนื่องเพราะเข้าใจ มันต้องไม่ยอมให้ข้าพเจ้าหนีแน่นอน

ท่านทราบ ท่านทราบเรื่องอันใด ท่านทราบที่เล้งโซ่วฮุ้นทำเยี่ยงนี้เพราะผู้ใด เพื่อผู้ใด

ท่านทราบหรือไม่ มันเพราะกลัวข้าพเจ้ามาทำลายครอบครัวท่านให้แตกกันจึงได้กระทำดังนี้

เนื่องเพราะมันเห็นครอบครัวมันมีความสำคัญกว่าทุกสรรพสิ่ง

เห็นท่านมีความสำคัญกว่าทุกคน