รวมไทยสร้างชาติ รวม ‘ใคร’ สร้าง ‘ตู่’

ยิ่งนานวัน ความเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้น พร้อมๆ ไปกับปี่กลองการเมืองที่ยิ่งคึกคักขึ้น เมื่อศึกเลือกตั้งใหญ่ใกล้เข้ามา

ที่ยิ่งปรากฏชัดขึ้น คือลักษณะความสัมพันธ์ของพรรคนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะคำถามตอนนี้เป็นเรื่องว่า ตัวจริงอย่าง พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าพรรคเมื่อไหร่ และจะนำสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ต้นปี 2566 อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์จะลอยตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ เช่นที่ทำกับพรรคพลังประชารัฐเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 หรือจะพลิกบทบาทใหม่ นำทัพจับไมค์ปราศรัยเรียกคะแนน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนถึงวันนี้ รู้ได้อย่างหนึ่งว่า ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ ส่วนใหญ่ล้วนมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ

รวมไทยสร้างชาติ

“รวมไทยสร้างชาติ” ปรากฏขึ้นมาในหน้าข่าวครั้งแรกเมื่อกลางปี 2563 จากปากของ พล.อ.ประยุทธ์เอง ครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์พยายามผลักดัน “รวมไทยสร้างชาติ” ในนามของหลักการ มีความหมายปลุกใจความเป็นหนึ่งเดียว ความสามัคคีในการขับเคลื่อนประเทศ

จากนั้นเราจะเห็นคำว่ารวมไทยสร้างชาติ เป็นหนึ่งในแนวคิดหลักที่ปรากฏอยู่ในทุกแคมเปญที่ทำโดยรัฐบาลเรื่อยมา รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ เวลาขึ้นปราศรัย หรือขึ้นปาฐกถาโชว์วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ ก็จะปรากฏคำว่ารวมไทยสร้างชาติห้อยท้ายในหัวข้อเสมอ ตลอดทั้งปี 2563

กระทั่งคำขวัญวันเด็กต้นปี 2564 ของนายกฯ ว่า “เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม” ก็ยังมีคำนี้

ต้นเดือนมีนาคม ปี 2564 นั้นเอง ความเคลื่อนไหวในลักษณะความเป็นพรรคการเมืองสำรองของรัฐบาลก็ปรากฏ มีการก่อตั้งสำนักงานพรรค แจ้งจดโลโก้พรรค แถมพบหลักฐานการยื่นคำขอแจ้งเตรียมตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งแต่ช่วงกรกฎาคม ปี 2563 คาบเกี่ยวใกล้เคียงกับช่วงที่แนวคิดนี้กำเนิดขึ้นโดย พล.อ.ประยุทธ์

ช่วงนั้นสื่อมวลชนก็แกล้งหยอดไปถามว่า ไม่ปรับชื่อรวมไทยสร้างชาติหรือ เพราะไปสอดคล้องกับชื่อพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตอบด้วยท่าทีขึงขัง ทำนองว่าตัวเองใช้มาก่อน เป็นหน้าที่พรรคการเมืองต้องปรับ ไม่ใช่นายกฯ ต้องปรับ

เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นถือว่ามีบทบาทมากสุด ตั้งแต่ประกาศลาออกจากพลังประชารัฐ หรือการไปชวนตระกูลอดิเรกสารแห่ง จ.สระบุรี มาเข้าร่วมพรรค

วันนั้นแรมโบ้อีสานให้เหตุผลว่า ทนเห็น พล.อ.ประยุทธ์ถูกบีบไข่ทุกวันไม่ได้ บ้านหลังที่ชื่อว่าพลังประชารัฐไม่อบอุ่น เลยหาบ้านใหม่ให้อยู่ แรมโบ้บอกตั้งแต่ต้นปี 2564 ว่าหัวหน้าพรรคชื่อย่อว่าตอเต่า แต่ไม่ใช่บิ๊กตู่ (ซึ่งปัจจุบันก็คือ ต.ตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั่นเอง)

ขณะที่องคาพยพอย่างเพจที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือตระกูลเพจเชียร์ลุง ต่างร่วมกันเชียร์ดันพรรคใหม่กันหมด

นี่คือสัญญาณตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564

หลังตั้งพรรคเสร็จอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 1 เดือนถัดมา พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ประกาศลาออกจากพลังประชารัฐ โดยมีเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส. ที่ประกาศ ถ้าพีระพันธุ์ไปไหน จะไปด้วย

อาการเหล่านี้จึงประมวลออกมาได้ว่า รวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการคิดและดำเนินเรื่องอย่างเป็นระบบ และพีระพันธุ์เองก็มีส่วนสำคัญในการเข้าพบไปรายงานความเคลื่อนไหวเรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ดังปรากฏหน้าสื่อ

หลังจากความเป็นพรรคชัดเจน ยุทธศาสตร์ต่อไปก็เป็นเรื่องของการดึงตัว เราได้เห็นคนจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นเป้าหมายหลักของรวมไทยสร้างชาติ

เลือดประชาธิปัตย์เริ่มไหล ตั้งแต่ สามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.กทม.หลายสมัย พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช, เจือ ราชสีห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี, ชุมพล กาญจนะ และโสภา กาญจนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ก็มีแนวโน้มจะย้าย, พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช แถลงนำคนตระกูลเสนพงศ์ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จ่อซบรวมไทยสร้างชาติ หรือจะเป็น สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต ส.ส.ตรัง ก็มีแนวโน้มจะไป

แม้แต่คนรุ่นใหม่ ดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย วางตัวซะดิบดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระนอง ประชาธิปัตย์ ก็หนีไปรวมไทยสร้างชาติ

กุนซือใหญ่ประชาธิปัตย์อย่างไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ลาออกจากประชาธิปัตย์ไปนั่งที่ปรึกษานายกฯ ที่โยงไปถึงการช่วยทำพรรครวมไทยสร้างชาติในอนาคต น่าจับตาอีกคนก็ สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ก็มีแนวโน้มเช่นกัน

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามไม่พูดเรื่องรวมไทยสร้างชาติตั้งแต่ช่วงก่อนจัดประชุมเอเปค โดยใช้คำว่า “หลังเอเปคค่อยว่ากัน” เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามสถานการณ์ช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้คำว่า “ขอให้อยู่ในบรรยากาศแห่งความสุขก่อน”

ด้านความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นที่รับรู้กันว่ามีปัญหาระหองระแหงกันมานาน บางครั้งไม่ได้แสดงออกมาโดยตรงจากทั้ง 2 ป. แต่แสดงออกมาการทางขุมกำลังและเครือข่ายตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่าวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าไปกราบลา พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อขอไปทำงานการเมืองร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ วันถัดมาก็ทำตัวแบบนักการเมือง ดอดลงพื้นที่กรุงเทพฯ แบบไม่แจ้งล่วงหน้า

ใครจะไปเชื่อว่าพี่น้องสายเลือดทหาร รักกันมานาน 40-50 ปีจะแยกทางกันได้ง่ายๆ สื่อทำเนียบจึงพยายามถาม พล.อ.ประยุทธ์เรื่องนี้ เจ้าตัวไม่ตอบรับทันที แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เหมือนยันกลายๆ กล่าวสั้นๆ เพียงเรื่องสมัครเข้าพรรคว่า “พิจารณาอยู่” แล้วรีบหนีขึ้นรถ

หลังจากข่าว พล.อ.ประยุทธ์เข้าลา พล.อ.ประวิตร ได้สร้างความปั่นป่วนขึ้นในพรรคพลังประชารัฐทันที มีรายงานข่าว กลุ่ม ส.ส.พยายามเช็กข่าวสอบถามถึงกระแสข่าวที่ออกมา ขณะเดียวกันทางแกนนำของทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โทรศัพท์เช็กชื่อ ส.ส.แต่ละคนว่าตัดสินใจที่จะอยู่กับใคร โดยส่วนใหญ่ยังคงสงวนท่าทีเพื่อรอความชัดเจน

ส.ส.กทม. พปชร.บางส่วน มีแนวโน้มที่จะย้ายไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีท่าทีชัดเจนหลังจากที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เขตบางกะปิ อาทิ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. เขต 13 (บางกะปิ-วังทองหลาง) และคาดว่ายังมีอีก 2 คน คือ น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. เขต 4 (วัฒนา-คลองเตย) และ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ เขต 6 (พญาไท-ราชเทวี-จตุจักร) ส่วนคนอื่นๆ อยู่ระหว่างตัดสินใจ

สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ ส.ส.พปชร. สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช ประกาศชัด จะย้ายไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ผมได้โทร.ไปถาม ส.ส.สงขลาอีก 3 คน ก็พร้อมที่จะไปทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ”

ที่เหลือยังไม่ชัดเจนที่จะย้ายไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากในบางพื้นที่ปรากฏว่าเกิดปัญหาทับซ้อนของตัวผู้สมัคร ส.ส.ในหลายเขต

อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่นอนแล้ว 2 กลุ่ม ที่จะย้ายออกจากพรรค พปชร. คือ “กลุ่มคุณปลื้ม” ของนายสนธยา คุณปลื้ม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ “กลุ่มพ่อมดดำ” นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จะย้ายกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย

สุชาติ ชมกลิ่น
สุชาติ ชมกลิ่น

แต่ที่ชัดเจนดีจริงๆ ต้องยกให้สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส.ส.ชลบุรี ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันจะไม่ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน

“ผมคนจริงใจ จิตใจนักเลง เป็นนักรบ บาดเจ็บบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติ ขออย่าให้ใครมานินทา ว่าเอาแต่ได้ ถึงเวลาต้องแสดงความจริงใจ คนชลบุรี จิตใจนักเลงจริง สมคำว่า นักเลงเมืองชล ลุงตู่ปกป้องดูแลผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้านได้อย่างไร เสียชื่อคนชลบุรีหมดสิครับ”

นอกจากนี้ ยังมีสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีกระแสข่าวว่าเตรียมจะย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติด้วย ขณะท่าทีของแกนนำกลุ่มสามมิตรอย่างสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ยังพูดเรื่องนี้แบบกั๊กๆ ขอรอดูข้อมูล เพราะมีอัพเดตเรื่อยๆ จะไปกับ ‘ตู่’ หรือ ‘ป้อม’ ต้องดูดินฟ้าอากาศ

กระแสการไปร่วมงานพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกสะกิดโดยวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พลังประชารัฐ ที่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าไปแน่ เพราะไม่คุ้ม อยู่พลังประชารัฐนี่แหละดีกว่าชัดๆ ไปอยู่พรรคเล็ก ได้ ส.ส.พอเสนอชื่อหรือไม่ก็ไม่รู้

แต่จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ เห็นตรงกันข้าม บอกว่า ถ้าคิดแบบนั้นต้องคิดใหม่ ต้องไม่ลืมว่าประยุทธ์มี ส.ว. 250 คนอยู่ในมือ มากกว่า ส.ส.พรรคใดที่จะได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้น อย่าประเมิน พล.อ.ประยุทธ์ต่ำเกินไป

ขณะที่ทักษิณ ชินวัตร ฟันธงชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ย้ายไปรวมไทยสร้างชาติแน่ พวกที่ตามไปก็คงกลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น ไม่เกิน 12 คน กับพวกประชาธิปัตย์ที่สอบตก เพราะเห็นว่าคะแนนภาคใต้ดี

“ถามว่ารวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ก็คงยากอยู่ เพราะส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองหน้าเก่า แถมสอบตกอีก นักการเมืองปัจจุบันก็มีไม่มาก ส่วนนายกฯ ก็อยู่ได้แค่ 2 ปี แล้ววันนี้นายกฯ ก็หมดเสน่ห์ไปเยอะ จะดึงได้ซักกี่คะแนนเชียว ผมยังคิดไม่ออก” นี่คือความเห็นแบบขิงๆ จากทักษิณ

ภารกิจนำโดยพีระพันธุ์และสุชาติ นำรวมไทยสร้างชาติและ พล.อ.ประยุทธ์ สู้เลือกตั้งไม่ง่าย แต่นี่คือทางที่คำนวณแล้วว่าดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ไม่ว่าเราจะวิจารณ์การขยับครั้งนี้ในมุมใด บางคนมองว่า นี่อาจจะเป็นยุทธศาสตร์แยกกันเดินก่อน แล้วกลับมารวมกันตี จะเป็นจริงหรือไม่อย่างไร หรือจะเป็นแยกกันเดิน แล้วรวมกันดับ อีกไม่นานเดี๋ยวได้รู้

แต่วันนี้เราได้เห็นแล้ว รวมใครสร้าง “ตู่” หน้าตาประมาณไหน