‘MG4 ELECTRIC’ เก๋ง 5 ประตู รถ ‘EV’ ระดับโลก-เขย่าตลาดไทย

สันติ จิรพรพนิต

ยังมาแรงไม่เปลี่ยนกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในบ้านเรา เพราะเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะค่ายใหญ่หรือเล็ก มีเสียงตอบรับและยอดจองชนิดถล่มทลาย

อย่าง “โตโยต้า bZ4X” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโตโยต้า ที่เข้ามาฉลองครบรอบ 60 ปี การดำเนินธุรกิจในระเทศไทย ล็อตแรกจำนวน 50 คันหมดเกลี้ยงในพริบตา และมียอดจองล่วงหน้าทะลุ 300 คันไปแล้วด้วย

หรือ “บีวายดี ATTO 3” น้องใหม่ในบ้านเราแต่เป็นยักษ์ใหญ่ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก มียอดจองถล่มทลายเช่นกัน

ด้วยความร้อนแรงของตลาดทำให้ “เอ็มจี” (MG) ยักษ์ใหญ่จากจีนอีกค่าย ที่ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยหลังเปิดตัวในมืองไทย ด้วยหลากหลายรุ่น และหลากหลายเครื่องยนต์ ไม่รีรอที่จะส่งรุ่นใหม่มาขอแชร์ส่วนแบ่ง

นั่นคือ “MG4 ELECTRIC” ที่สร้างชื่อไปแล้วทั่วโลกทั้งยุโรป และสแกนดิเนเวีย โดยติดท็อป 10 รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม

ถือเป็นรุ่น “BORN TO BE EV” ออกแบบพื้นฐานเพื่อใช้กับรถ EV โดยเฉพาะ แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของเอ็มจี ที่บางครั้งใช้แพลตฟอร์มเดียวกับรถยนต์กลุ่มพลังงานทั้งเลือกทั้งไฮบริด หรือปลั๊กอินไฮบริด

สร้างบนแพลตฟอร์ม “NEBULA PURE ELECTRIC” พัฒนาขึ้นเพื่อรถ EV โดยเฉพาะ สามารถรองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ

ปรับใช้ได้กับรถ EV หลากหลายเซ็กเมนต์ตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่

ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่จะเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรถยนต์

ความปลอดภัย และการปกป้องแบตเตอรี่จะถูกยกระดับให้มีมากขึ้น

โดยเอ็มจีเตรียมใช้แพลตฟอร์มนี้กับรถ EV รุ่นอื่นๆ ในอนาคตด้วย

“MG4 ELECTRIC” ออกแบบสไตล์ Hatchback 5 ประตู เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว

ฝากระโปรงหน้ามีลูกเล่นไม่ดูโล้นเกินไป

กระจังหน้าดีไซน์ “shark-nosed” ยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นเมื่ออยู่คู่กับ ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX ออกแบบทรงเฉี่ยวคล้ายตาเหยี่ยว พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home

มีแผงไฟเดย์ไทม์แบบ LED เช่นกัน

ต่ำลงมาเป็นช่องดักลมและช่วยในเรื่อง Aero Dynamic

ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING

ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

หลังคาแบบทูโทนสีดำ เช่นเดียวกับกระจกมองข้างติดตั้งไฟเลี้ยวและพับ-ปรับไฟฟ้า

ชายประตูด้านล่างตกแต่งสีดำเช่นกัน จนดูดุดันมากขึ้น

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายสวยแบบทูโทนดำ-เงิน พร้อมยาง 215/55

ดิสก์เบรก 4 ล้อ

ภายในใช้สีทูโทนเทา-ดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบไฟฟ้าหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร

การตกแต่งใช้วัสดุแบบนิ่ม

หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display)

ตรงกลางเป็นจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง

และเป็นจอที่ใช้ปรับระบบต่างๆ ของรถด้วย

ระบบปรับอากาศดิจิทัล พร้อมกรองอากาศ PM 2.5

คอนโซลกลางดูแปลกตาแบบ FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM ลักษณ์เป็นแท่นยื่นออกมา ระบบเกียร์แบบหมุนไปมา

มีอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)

เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

เบาะหลังพับได้แบบ 60-40

กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ

มีโหมด Intelligent Smart Access เมื่ออยู่ในตำแหน่งคนขับเพียงเหยียบเบรก รถจะสตาร์ตอัตโนมัติ

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที

ความจุแบตเตอรี่ 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง (kWh)

วิ่งไกลสุด 425 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

แบตเตอรี่เทคโนโลยี RUBIKžs CUBE BATTERY จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM

ระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ Quick Charge และ Normal Charge

โดยชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC กระแสตรง ชาร์จ 10-80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที

ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG HOME CHARGER 0-100% ใช้เวลาประมาณ 8.30 ชั่วโมง

มีระบบ V2L ไฟฟ้าจากรถยนต์จ่ายพลังงานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้ด้วย

โหมดการขับขี่มีให้เลือก 5 รูปแบบ ประกอบด้วย SNOW, ECO, NORMAL, SPORT และ CUSTOM ตั้งค่าลักษณะการขับขี่ได้แบบเฉพาะตัว

มี KERS MODE ตั้งค่ามาตรฐานได้ถึง 4 ระดับ ตั้งแต่ LOW, MEDIUM, HIGH สามารถเลือกแบบ ADAPTIVE ที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับลักษณะการขับขี่อัตโนมัติ

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,836 x 4,287 x 1,516 ม.ม. ระยะช่วงล้อ 2,750 ม.ม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 ม.ม.

ช่วงล่างหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลัง 5 LINK

ความปลอดภัยจัดเต็มสุดๆ อาทิ โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)

ระบบช่วยเตือนอุบัติเหตุจากมุมอับสายตา

ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)

ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD

ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)

ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist)

ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)

ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)

ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)

ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)

ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)

กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ฯลฯ

แน่นอนว่าไม่พลาดกับระบบซิกเนเจอร์ของค่ายนี้อย่าง “i-SMART” สั่งการด้วยเสียงภาษาไทย เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้

และด้วยเป็นรถไฟฟ้า จึงมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม อาทิ ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ สามารถวิเคราะห์ ให้คำแนะนำกับเจ้าของรถได้ เพื่อถนอม และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์

ส่วนจุดเด่นอื่นๆ ของ “i-SMART” ยังอยู่ครบ เช่น ระบบวางแผนเดินทาง ควบคุมการทำงานของระบบรับอากาศผ่านสมาร์ตโฟน ฯลฯ

“MG4 ELECTRIC” มีให้ลือก 2 รุ่นย่อยคือรุ่น D และรุ่น X

สำหรับราคาจะไปเปิดในงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” จัดที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2-12 ธันวาคมนี้

แต่ขนาดไม่บอกราคา แค่เพียง 8 ชั่วโมงแรกที่เปิดให้คนไทยจองล่วงหน้า มีคนแห่แสดงความเป็นเจ้าของเกือบ 2 พันคันไปแล้ว •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]