สังฆาภิคีติ | ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด : รุจรวี นาเอก

ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด | รุจรวี นาเอก

สังฆาภิคีติ

 

ครั้งที่ 1

แอนนับทดไว้ในใจ

เธอถอดรองเท้า วางเข้าคู่เป็นระเบียบ หน้าทางเข้าศาลา เพราะมาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ในศาลาจึงมีที่ว่างอยู่เหลือเฟือ ให้เลือกได้ว่าจะนั่งตรงไหน แอนเล็งที่นั่งท้ายๆ ศาลาเอาไว้ เธอไม่ชอบนั่งอยู่ด้านหน้า เพราะจะทำอะไรก็ไม่สะดวก ยิ่งต่อหน้าพระ ก็ยิ่งเกร็งกว่ามีครูยืนอยู่หน้าห้องเสียอีก

ใครที่ไหนจะอยากมาวัดกัน… เพื่อนของเธอบ่น เมื่อรู้ว่าเทอมนี้ ครูประจำวิชาพระพุทธศาสนา เปลี่ยนวิธีให้คะแนนใหม่ ครูบอกตั้งแต่เริ่มคาบแรก ว่าทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมร่วมกับวัดในชุมชน โดยให้นักเรียนทุกคนที่เรียนวิชาพระพุทธศาสนา ต้องเข้าปฏิบัติธรรมที่วัดในช่วงบ่ายของวันเสาร์ เพื่อร่วมสวดมนต์ นั่งสมาธิ และฝึกเดินจงกรม เป็นจำนวน 12 ครั้งด้วยกัน ใครที่ไม่ไปก็จะไม่ผ่าน ส่วนใครที่ไปไม่ครบ เกรดก็จะลดหลั่นลงมา… เรียกเสียงโอดครวญจากบรรดานักเรียนในห้องได้ดีนัก

ครูกำหนดว่า ใครที่จะเข้าร่วมปฏิบัติธรรมกับวัด ต้องแต่งกายด้วยชุดขาว แอนต้องยืมชุดของยายมาใส่ ชุดฝ้ายเนื้อหยาบสีขาวบริสุทธิ์ ทำเอาแอนคันยุบยิบ เมื่อมองซ้ายแลขวาก็ยังไม่เห็นเพื่อนในห้องมา แต่เห็นครูนุ่งกระโปรงห่มขาวนั่งอยู่ริมศาลา

ครูหยิบสมุดรายชื่อออกมาจากกระเป๋าสาน ในสมุดบางๆ เล่มนี้ บรรจุชื่อของนักเรียนทุกห้อง ครูพลิกกระดาษหาห้อง 4 ปากขมุบขมิบชื่อจริงของแอน เมื่อเจอแล้ว ครูหยิบปากกาทำเครื่องกากบาทสีแดงในช่องที่เขียนไว้ว่า… ครั้งที่ 1

‘เหลืออีกตั้ง 11 ช่องแน่ะ’

แอนนับช่องเปล่าๆ แล้วก็ท้อใจ แต่เพื่อเกรดดีๆ ในเทอมนี้ ก็พอจะยอมทนได้อยู่ แอนลาครู เดินไปหาที่นั่งที่เล็งเอาไว้ เบาะรองนั่งแถวเกือบสุดของศาลา เธอนั่งลง ขัดสมาธิบนเบาะ เพราะยังไม่มีใครมา แอนหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเล่น จนกระทั่งพิธีเริ่ม โดยครูหญิงเป็นมัคนายก กล่าวคำทักทายกับนักเรียน และแม่ชีที่มาเข้าร่วมสวดมนต์ในครั้งนี้ ก่อนจะบอกกล่าวขั้นตอน เริ่มต้นจากสวดมนต์ยาว 1 ชั่วโมง เดินจงกรม 1 ชั่วโมง และนั่งสมาธิปิดท้ายอีกหนึ่งชั่วโมง จึงจะจบกิจกรรม

“โห น่าเบื่อตายเลย” คนข้างๆ บ่นเสียงเบส ก่อนพนมมือขึ้นว่าตามอย่างเซ็งๆ ก่อนพลิกหนังสือบทสวดมนต์ไปหน้าที่สาม บทบูชาพระรัตนตรัย โดยมีเจ้าอาวาสนำขึ้นสวด

“อะระหังสัมมา…”

 

ครั้งที่ 3

เท้าของแอนบิดขัดกันไปมา

การนั่งเป็นเวลานาน ทำให้แอนรู้สึกเมื่อยขบไปทั้งตัว แม้จะเปลี่ยนจากนั่งคุกเข่ามาเป็นพับเพียบ ก็ยังไม่ชินจนต้องขยับขาเปลี่ยนข้างบ่อยครั้ง

ปากของแอนขยับขมุบขมิบ พยายามตามการนำสวดของบรรดาแม่ชี ซึ่งนั่งประจำอยู่ด้านหน้า คอยเป็นต้นเสียงให้คนอื่นในศาลา ถึงจะมาเป็นครั้งที่สาม แต่แอนก็ยังสวดได้ไม่คล่อง ต้องอาศัยเสียงต้นของพวกแม่ชีคอยนำสวดเสมอ แล้วตัวเองคอยตามเสียงอ้อมแอ้ม ตาของแอนจ้องหนังสือ ไล่ไปทีละบรรทัด จนอ่อนล้าที่จะตาม ต้องหยุดกลืนความเงียบ สายตาควานหาคำสวดที่ตกหล่นหายไปในหน้ากระดาษ แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ ในขณะที่แม่ชีก็นำสวดเร็วขึ้น เร็วขึ้น

“หยุดสวดๆ” เจ้าอาวาสหยิบไมค์ขึ้นประกาศ การสวดมนต์หยุดชะงัก แอนเงยหน้าขึ้นมองเบื้องหน้า เห็นแม่ชีที่นำอยู่นั้นหันมองกันเลิ่กลั่ก

“จะรีบไปไหน นี่สวดวัดเดียวกันหรือเปล่า” เจ้าอาวาสเว้นจังหวะ สายตาของพระชรากวาดมองแม่ชีแถวหน้า จ้องหาคนผิด… คนที่ทำให้บ่ายอากาศร้อนระเบิดออกมา แม่ชีบางคนก้มหน้า มองหนังสือ “ไม่ได้เรื่อง” เจ้าอาวาสพูดพึมพำกับตัวเอง แต่คงลืมแล้วว่าไมค์ยังคงอยู่ที่ปาก เสียงตำหนิจึงดังก้องทั่วศาลา กัดกินซึมลึก… ลึกเข้าไปถึงลำคอของแม่ชี

“เอ้า สวดต่อสิ” เจ้าอาวาสวางไมค์เข้าที่ตามเดิม “บทสังฆาภิคีติ เริ่มใหม่แต่ต้น เอาช้าๆ” และเริ่มขึ้นต้นใหม่ ด้วยจังหวะที่ช้าลง เบาลง เพราะปราศจากเสียงของแม่ชีด้านหน้า เหลือแต่นักเรียนที่สวดตามกระท่อนกระแท่น แอนก้มอ่านหนังสือ หาบรรทัดที่หายไปจนเจอ เธอรอจังหวะ และสวดตาม

วันทันโตหัง จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปันนะตัง…

ข้าพเจ้าไหว้อยู่จักประพฤติตามความที่พระสงฆ์ปฏิบัติดีแล้ว

 

ครั้งที่ 5

ภายในศาลานั้นอับทึบ แสงจากหน้าต่างก็จ้าเกินกว่าจะจ้องมอง ชวนให้หลายคนห่อเหี่ยว มากกว่าจะสงบจิตใจให้นิ่ง มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นแหละที่ทนได้ เด็กๆ อย่างพวกเธอ หลายคนไม่อยากจะทนกับมันเสียเท่าไร จึงตัดใจมาบ้างไม่มาบ้าง พอแล้วเกรดสี่ แต่แอนก็พยายามมาทุกครั้ง และพยายามชักชวนให้เพื่อนมา แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ โชคไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีก และเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น เรื่องเรียน ครูที่สอนแล้วไม่เข้าใจ ดาราคนนั้นที่กำลังมีข่าวดัง

“หลับตาช้า ช้า…” แอนหลับตา ประสานมือตามเสียงของเจ้าอาวาสที่พูดออกไมค์ กำหนดลมหายใจอย่างที่สอน หายใจเข้า…พุท หายใจออก…โธ พุท…โธ… วิธีที่ถูกต้อง แอนภาวนา ทุกอย่งสงบ… นิ่ง กระทั่งหูไปจับเอาเสียงหนึ่ง ดังติ๊ก ติ๊ก เสียงดังขึ้น แอนภาวนา ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ เมื่อใจสงบ…อย่างที่แอนเชื่อ เธอจับเอาจิตมาที่รู้ลมหายใจ ผ่านรูจมูก หลอดลม ปอดพองและแฟบ กระบังลมขึ้นลง ติ๊ก ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ… พุท…โธ… ติ๊ก เอ๊ะ เสียงอะไร… ได้ยินหนอ ได้ยิน… ติ๊ก… แอนขมวดคิ้ว ใจเพ่งภาวนา กำหนด ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ

ติ๊ก

 

ครั้งที่ 7

ครูไม่ยอมเช็กชื่อให้แอน

“ไว้เสร็จกิจกรรมค่อยมานะจ๊ะ” ครูว่า “วันนี้ด้านหน้าว่างอยู่เยอะ แอนไปนั่งด้านหน้าสิ” แอนไม่กล้าถามต่อ และทำตามครูอย่างว่าง่าย ทั้งที่วันนี้แอนตั้งใจมาสาย เผื่อจะได้นั่งด้านหลังๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมาถึงก็พบว่าคนมาน้อยถนัดตา มีแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นเอง เมื่อก่อนมาเร็วจะนั่งตรงไหนก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้มาสายยังต้องนั่งหน้า รู้งี้ไม่มาดีกว่า… แอนนึกบ่นอยู่ในใจ

แอนสวดมนต์ไปพลางก้มอ่านหนังสือบทสวด ตั้งสมาธิอยู่ที่ถ้อยคำที่ไม่รู้ความหมาย แม้มีคำอธิบายก็ยากเกินจะเข้าใจ แต่แล้วหูได้ยินบางอย่าง… ความผิดพลาด

แอนเอะใจ… อ้าว แอนพลิกหนังสือกลับไปดู และพบว่า มันผิดนี่ ตาของเธอเบิกกว้าง จ้องมองเจ้าอาวาสที่บัดนี้เงียบไป เหมือนความผิดพลาดตันจุกที่คอหอย แอนเหลือบมองแม่ชีที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน เธอเองก็เงียบ เหมือนรอดูอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ไม่มีวันเกิดขึ้น เจ้าอาวาสกระแอมไอ ทำทีเหมือนมีอะไรติดคอ ก่อนกลืนหายเข้าไปในเสียงสวดมนต์ของพระรูปอื่น และเมื่อถึงบรรทัดหนึ่ง ก็โผล่พรวดขึ้นมาร่วมกับรูปอื่น เหมือนเป็นเรื่องปกติ เหมือนว่าไม่มีจังหวะผิดพลาด แต่กระนั้นเสียงของพระชราก็ไม่เข้าจังหวะ เร็วเกินกว่าคนอื่น จนโดดเด่นขึ้นมา จังหวะหนึ่ง จังหวะของความผิดพลาด และท่านกลืน ‘คำตำหนิ’ ลงคอไปแล้ว

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงสวดมนต์ดังเป็นจังหวะ ช้า เสมอกัน และดำเนินต่อ แม่ชีที่นั่งข้างกันกลับไปมองหนังสือบทสวดตามเดิม เว้นแต่แอนที่ยังคงมองท่าเจ้าอาวาสว่าจะเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อสวดมนต์จบ แล้วเข้าสู่การเดินจงกรม ผ่านเลยไปถึงนั่งสมาธิ

แอนหลับตาทั้งใจที่ยังสั่น ถึงบทสวดที่ผิดพลาด จังหวะกระโดดเด่น สลับไปมากับบ่ายร้อนอับ วันที่ชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบคันยิบ แม่ชี จังหวะหล่นหาย คำตำหนิที่หายไป ในขณะเดียวที่เสียง ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ดังหลอกหลอนอยู่ข้างหู ติ๊ก เสียงที่ไม่เคยหยุดดังตั้งแต่ครั้งที่ห้า และยังดัง ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ทุกอย่างผสมกัน ติ๊ก รวม ติ๊ก เข้า แต่แอน ติ๊ก ก็ไม่ยอม ติ๊ก ลืม ติ๊ก ตา

มันหนวกหู

 

ครั้งที่ 9

เสียงประกาศจากพระอาจารย์เรียกนักเรียนที่อยู่ในห้องน้ำให้กลับมานั่งสมาธิต่อ แอนกลับไปนั่งที่ตามเดิม มือประสานไว้ที่หน้าตัก กำหนดลมหายใจเข้าออก เหมือนเดิม…อย่างที่เป็นมาเสมอ แอนภาวนา อย่าได้ยินหนอ อย่าได้ยินหนอ…

ติ๊ก

ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน… ประโยคนี้สั่นใจของแอนเต้นระรัว สั่นจนเปลือกตาเต้น ตุบ ตุบ สลับกับเสียง ติ๊ก ติ๊ก เหมือนโชคโยนก้อนหินถามทาง และหินก้อนนั้นนำแอนให้เริ่มสงสัย เกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าเป็นอะไร แอนภาวนา คิดหนอ คิดหนอ…ไม่เอาๆ ไม่ลืมตา ไม่อยากรู้ ติ๊ก ไม่เอาแล้ว ไม่ทนแล้ว แอนเลิกภาวนา ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องรู้ คิดอย่างนั้นก็ลืมตา มองความจริงที่เกิดต่อหน้า เพราะกดเปลือกตามาก ภาพที่เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ติ๊ก ภาพตรงหน้ากลับกระจ่าง…จริงแท้ เพราะเจ้าของเสียงนั้นมาจากตรงอาสนะนี่เอง

เธอเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังก้มหน้าทำอะไรอยู่ มือของเขาขยุกขยิกอยู่ใต้จีวร และมีแสงส่องลอดชายผ้าเหลืองออกมา แอนพยายามเพ่ง แต่ก็มองไม่ชัด แต่ในทันนั้น เสียง ติ๊ก ติ๊ก น่ารำคาญที่ดังมาตลอดนั้น กลับกลายเป็นเสียงที่คุ้นหู เสียงที่แอนมักได้ยินช่วงพักกลางวัน ช่วงนี้มีเกมในมือถือกำลังดังมาก เป็นเกมกระต่ายกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และต้องเก็บแต้มไปเรื่อยๆ เสียงที่เธอเคยคุ้น

เสียงกระโดดเก็บเหรียญดัง ติ๊ก

แอนลืมตาโพล่ง ไม่กะพริบ ท่ามกลางความเงียบในศาลา ความจริงปรากฏแล้ว พระรูปนั้นไม่รู้ว่าแอนมองอยู่ และรูปอื่นๆ ก็ไม่สนใจ เจ้าอาวาสที่มักพูดตำหนิออกไมค์ก็นั่งสมาธินิ่งเงียบ แม่ชีปิดปากสนิท นักเรียนไม่เห็นอะไร เพราะทุกคนกำลังหลับตา แอนหลุบตาลงต่ำ พยายามจะหลับตา ตั้งสมาธิ แต่ก็ทำไม่ได้ ตลอดหลายนาทีหลังจากแอนไม่ได้หลับตาอีกเลย

เพราะเธอตื่นแล้ว รู้แล้ว แต่ไม่อาจจะเบิกบาน

 

ครั้งที่ 12

ครูยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีกิจกรรม เจ้าอาวาสประกาศชื่อครู และมอบประกาศนียบัตร ‘นักกิจกรรมพุทธศาสนาดีเด่น’ เป็นกำลังใจให้ครู ซึ่งจัดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจพระพุทธศาสนามากขึ้น ทำให้ช่วงนี้ในวัดครึกครื้นเพราะมีเด็กนักเรียนแวะเวียนกันเข้าร่วมสวดมนต์กันมากขึ้น

แอนนั่งอยู่ด้านหลังสุดของศาลา พักนี้เธอมักหาทางย้ายมาอยู่ด้านหลัง แอบมานั่งทีหลังบ้าง หรือตั้งใจนั่งตั้งแต่ต้น บางครั้งก็อยู่กับโชค เธอนั่งพับเพียบโดยไม่เมื่อยอีกแล้ว ชุดผ้าฝ้ายสีขาวที่เคยยุบยิบก็ใส่สบาย สวดมนต์ได้คล่อง เดินจงกรมได้ดี แต่ยังนั่งสมาธิไม่ได้เช่นเดิม เธอมองเห็นครูอยู่ลิบๆ ใบหน้าของครูเปี่ยมไปด้วยความสุข

“ต้องขอบคุณนักเรียนทุกคนที่ตั้งใจมาร่วมกันปฏิบัติธรรมจนครบทั้งสิบสองครั้ง ครูดีใจที่พวกเธอมีความมานะ และศรัทธาที่ดีต่อพระพุทธศาสนา” เจ้าอาวาสกล่าว “ต่อไปเราจะเริ่มต้นสวดมนต์กัน” สิ้นคำประกาศของเจ้าอาวาส แอนก็เปิดไปที่หน้าสาม ก่อนที่ประกาศต่อไป “เปิดไปที่หน้าสาม” แอนรู้…ว่าต้องทำอย่าง พนมมือ มองหนังสือบทสวดและสวดเป็นจังหวะช้า พร้อมเพียงกัน โดยไม่รู้ซึ่งถึงความหมายที่แท้เหมือนวันแรกที่มา

แอนสวดได้คล่องจนไม่ต้องเปิดอ่าน แต่กระนั้นด้วยความเคยชิน เธอก็พลิกไปถัดไปโดยธรรมชาติ และก้มอ่านมองชื่อบทสวดถัด ที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า

 

สังฆาภิคีติ

บทสรรเสริญพระสงฆ์

เจ้าอาวาสขึ้นนำ หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส ฯ …เชิญเถิดเราจงทำการขับสรรเสริญพระสงฆ์ แต่แอนกลับนั่งนิ่ง ก่อนเอื้อมมือไปปิดบทสวด และพนมมืออยู่เงียบๆ ปล่อยให้เสียงสวดมนต์ดังก้องไปทั่วศาลา ผสานเสียงพระ แม่ชี ครูและนักเรียน

เว้นแต่เสียงของแอน •