เรื่องราวอาชญากรรม โดยเฉพาะอาชญากรรมของบุคคลในชีวิตจริง เป็นเนื้อหาที่นิยมมากอย่างหนึ่งในวงการบันเทิง ทั้งที่แต่งเติมใส่ไข่เพิ่มสีสันและรสชาติ และที่คงเนื้อหาเดิมไว้โดยไม่ใส่ไข่ใส่เครื่องปรุงมากจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ

นี่เป็นเนื้อหาที่เน็ตฟลิกซ์ให้ความสนใจอย่างน่าสังเกตในระยะหลังๆ นี้จากการที่มีหนังชุดหลายตอนและหนังเรื่องตอนเดียวจบทยอยออกมาให้ดูกันไม่ขาดสาย

แน่นอนว่าการใส่ข้อความอ้างอิงว่า “สร้างจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง” หรือ “ดัดแปลงจากเรื่องราวในชีวิตจริง” ย่อมจะให้น้ำหนักแก่ความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์และตัวละครที่กระทำสิ่งสุดโต่งเหลือเชื่อจนชวนตาค้างในสายตาของคนทั่วไป

เป็นเหตุให้มีการสร้างหนังสารคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมและอาชญากรในชีวิตจริงออกมารองรับความสนใจใคร่รู้ของคนทั่วไป

เมื่อต้นปีนี้ ก็มี Inventing Anna ซีรีส์หลายตอนที่ดูแล้วอ้าปากค้างไปเลยสำหรับผู้คนที่ห่างไกลจากแวดวงการเงินหรือเศรษฐีมหาเศรษฐี…เหมือนอยู่คนละโลกเดียวกันก็ว่าได้…ว่าคนอย่างนี้ก็มีในโลกด้วยหรือ ฉ้อฉลหลอกลวงใช้ชีวิตตบตาคนอื่นไปวันๆ…แล้วก็ทำได้อย่างแนบเนียนเสียด้วย…จนกว่าจะจับได้ก็ออกจะสายไปแล้วด้วยซ้ำ

จากซีรีส์ ก็ตามต่อมาด้วยหนังสารคดี Anna Delvey : The True Story Behind และ Fake Heiress : The Anna Delvey Story…

…ด้วยรูปแบบของตัวจริงเสียงจริง การสืบสวนและค้นพบอาชญากรรมที่สั่นสะเทือนสังคม ซึ่งก็แน่นอนว่าคนทำหนังได้มาจากการสัมภาษณ์ผู้คน และสารคดีย่อมนำเสนออย่างไม่ถึงกึ๋นถึงแก่นและเร้าใจเท่ากับซีรีส์ แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี เพราะเป็นการยืนยันตัวตนและเรื่องราวของบุคคล/ตัวละครที่มีสีสันชวนติดตาม

หนังประเภท “อาชญากรรมในชีวิตจริง” นี้มีหลายเรื่องหลายชุดที่ชวนติดตามอย่างใจจดใจจ่อ อย่างเช่น The Assassination of Gianni Versace, The House of Gucci, Molly’s Game, Inventing Anna เป็นต้น

แต่ก็มีบางเรื่องบางชุดโดยเฉพาะหนังชุดที่เพิ่งออกฉายเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ผู้เขียนเลิกดูไปกลางคันอย่างหมดความอดทน และไม่อยากรู้เรื่องต่อจนจบ เพราะมองไม่เห็นประเด็นที่ก่อให้เกิดประโยชน์ หรือเป็นเรื่องสร้างสรรค์ที่น่าจะทำให้สังคมดีขึ้นแต่อย่างใด

บอกเลยก็ได้ค่ะว่าเรื่อง Dahmer หรือ Jeffrey Dahmer ซึ่งสร้างจากคดีของฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นมนุษย์กินคน ฆ่าหั่นศพอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งตกเป็นข่าวใหญ่ชวนตกตะลึงสะเทือนขวัญคนในสังคม

The Good Nurse ก็มาจากเรื่องราวสะเทือนขวัญสาธารณชนคนทั่วไปอยู่ไม่น้อย ในแง่ที่ใครก็ตามที่เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลอาจเคราะห์หามยามร้ายไปเจอเข้าโดยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

ข้อความท้ายเรื่องบอกข้อมูลที่น่าตกใจยิ่งเป็นทำนองว่า “ฆาตกรรับสารภาพว่าฆ่าคนไปราว 28-29 คน แต่เชื่อกันว่าจริงๆ แล้วจำนวนเหยื่อทั้งหมดอาจถึง 400 คน”

น่าตกใจไหมล่ะคะ สำหรับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล

The Good Nurse เป็นหนังเรื่องนะคะ ซึ่งก็ถูกจริตของผู้ชมคนนี้อย่างยิ่ง เพราะพยายามหลีกเลี่ยงหนังซีรีส์แบบต่อความยาวสาวความยืดให้น้อยที่สุดอยู่แล้ว

จ่อตามหลัง The Good Nurse มาติดๆ…ตามฟอร์มระยะหลังๆ นี้…คือหนังสารคดี Capturing the Killer Nurse ซึ่งเผยโฉมหน้าของฆาตกรตัวจริงและคดีสะเทือนขวัญ

เอมี่ (เจสซิกา เชสเทน) เป็นพยาบาลห้องไอซียูในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนิวเจอร์ซีย์ เธอเป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรงขนาดกำลังรอการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอยู่

ปกติคนที่เสี่ยงต่อหัวใจวายอย่างเฉียบพลันแบบเอมี่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้หยุดทำงานและพักผ่อนมากๆ แต่เอมี่ทำเช่นนั้นไม่ได้

เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสำหรับลูกเล็กๆ สองคน และนโยบายประกันสุขภาพของโรงพยาบาลยังไม่ครอบคลุมแก่เจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ยังเพิ่งเข้าทำงานอย่างเธอ

เอมี่จึงเก็บงำอาการโรคหัวใจของเธอไว้ไม่ให้ใครรู้ ยังทำงานเป็นพยาบาลในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก ซึ่งเป็นงานอาชีพที่มีความกดดันสูง

รอเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เธอจะได้รับสิทธิลาพักได้โดยมีประกันสุขภาพคุ้มครอง

ระหว่างนั้น มีบุรุษพยาบาลห้องไอซียูคนใหม่มาเป็นผู้ร่วมงาน ชื่อชาร์ลี คัลเลน (เอ็ดดี เรดเมย์น) เป็นพยาบาลที่ชำนิชำนาญ มีความรู้ความสามารถเรื่องการใช้ยา และกลายเป็นเพื่อนที่ดีของเอมี่

ไม่นานต่อมา มีคนไข้เสียชีวิตโดยที่ทีมแพทย์และพยาบาลไม่คาดคิด การชันสูตรพลิกศพพบตัวยาบางชนิดในกระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิต

โรงพยาบาลจึงทำการสอบสวน และแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตามระเบียบปฏิบัติ

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการสืบสาวราวเรื่องไปจนถึงตัวผู้ที่น่าจะรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่เงื่อนงำต่างๆ ก็ดูเหมือนถูกหมกเม็ดไว้เป็นทอดๆ

ทีมผู้บริหารโรงพยาบาล ภายใต้คำปรึกษาของทีมทนายความ ล้วนปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว อันส่งผลให้ผู้กระทำผิดลอยนวลอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน และยังคงประกอบอาชญากรรมอุกฉกรรจ์แบบเดิมอย่างต่อเนื่อง

หนังไม่ได้เผยให้รู้ถึงสาเหตุหรือแรงจูงใจของฆาตกรหรอกค่ะ…ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับคนดูที่ต้องการคำตอบให้รู้แจ้งแดงแจ๋กันไป…ทว่า แม้ว่าฆาตกรคดีนี้จะรับสารภาพและยอมรับผิด แต่ก็ไม่เคยเปิดเผยถึงที่มาที่ไปของแรงจูงใจในการกระทำของตนเลย

เรื่องนั้นยังดูสำคัญน้อยกว่าประเด็นสำคัญอีกเรื่องในอาชญากรรมต่อเนื่องครั้งนี้

เพราะประเด็นก็คือเรื่องการปกปิดของหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสุขภาพของคนไข้

สิ่งที่ผู้บริหารของโรงพยาบาลต้นเรื่องทำ เปรียบเหมือนการปัดฝุ่นหมกไว้ใต้พรม หรือกวาดผงออกจากบ้านตัวเองให้ไปเลอะบ้านคนอื่นอย่างไร้ความรับผิดชอบ

ประเด็นที่น่าสนใจกว่าคือการให้ความสำคัญแก่การเติบโตของธุรกิจมากกว่าจรรยาบรรณในอาชีพและความรับผิดชอบต่อสังคม

หนังมีความเป็นดราม่ามากกว่าเป็นทริลเลอร์นะคะ

น่าจะเป็นเพราะนักแสดงนำสองคนที่มีฝีมือประณีตเหนือชั้น ทั้งเจสซิกา เชสเทน และเอ็ดดี เรดเมย์น ต่างได้รับการชื่นชมแซ่ซ้องในฐานะดาราเจ้าบทบาทมาแล้ว

ดูจบแล้ว เกิดความรู้สึกชัดเจนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะนักแสดงนำฝีมือดีสองคนนี้ หนังเรื่องนี้คงจืดชืดอืดอาดแทบไม่เป็นรสเลย •

THE GOOD NURSE

กำกับการแสดง

Tobias Lindholm

นำแสดง

Jessica Chastain

Eddie Redmayne

Noah Emmerich

Nnamdi Asomugha

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022