‘สหรัฐอเมริกา’ กังวล ‘เทคโนโลยีจีน’ ก้าวหน้ากว่า? | จักรกฤษณ์ สิริริน

Jon Huntsman Jr. อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานของ Ford Motor กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า ขณะนี้เทคโนโลยีจีนได้นำหน้าอเมริกาไปไกลมากแล้ว

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนนำหน้าสหรัฐในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วอย่างน้อย 5 ปี” Jon Huntsman Jr. กระชุ่น

Jon Huntsman Jr. ชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องรีบสร้างสมดุลในการไล่ตามจีน และเร่งแซงหน้ากลับไปอยู่ในสถานะเดิมให้เร็วที่สุด

“อย่างไรก็ดี สหรัฐต้องรื้อฟื้น และกระชับสัมพันธภาพกับจีนโดยด่วน เพราะการสร้างความแตกแยกนั้น รังแต่จะทำให้เกิดความบาดหมาง ความเข้าใจผิด และความไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงไปทั่วทั้งโลก”

ตามที่ Jon Huntsman Jr. บอก ว่า “จีนนำหน้าสหรัฐในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วอย่างน้อย 5 ปี” มีบทพิสูจน์ทางรูปธรรมก็คือ ความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ของจีน

เพราะหากเอ่ยถึงคำว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” แล้ว “แบตเตอรี่” คือองค์ประกอบสำคัญที่สุด

โดยในปัจจุบัน จีนได้กำหนดยุทธศาสตร์การผลิต “แบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ด้วยความมุ่งมั่น ทำให้จีนขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิต “แบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” รายใหญ่ ซึ่งกำลังครองตลาดโลกอยู่ในขณะนี้!

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการประชุมภายใต้โครงการ Special Competitive Studies Project หรือ SCSP ซึ่งเป็นความพยายามของ Eric Schmidt อดีต CEO ของ Google

เป้าหมายเพื่อทำให้อเมริกากลับสู่ตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยี และเศรษฐกิจภายในปี ค.ศ.2030

การประชุม SCSP ดังกล่าว จัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบเจ้าหน้าที่สหรัฐ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน รวมถึงผู้บริหารจากภาคเอกชน

ประเด็นของการหารือ คือความกังวล ว่าอเมริกากำลังตามหลังจีนในด้านพัฒนาเทคโนโลยีหลักอีกหลายๆ อย่าง

ซึ่งสะท้อนถึงอนาคตที่ถดถอยของวงการ ICT สหรัฐ ที่กำลังเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆ ก้าวขึ้นมาท้าทายอเมริกาในด้านพัฒนาการระบบสารสนเทศและสื่อสารสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

โดยผู้เข้าร่วมการประชุม SCSP ต่างพากันแสดงความวิตกกังวล ถึงศักยภาพในการแข่งขันด้าน ICT ของอเมริกา ว่ากำลังถูกคุกคาม

Photo by Noel Celis / AFP

ไม่กี่วันก่อนหน้าการประชุม SCSP ได้มีการเผยแพร่รายงานประเมินสถานการณ์ผ่านแบบจำลอง ว่าหากจีนได้กลายเป็นผู้นำเทคโนโลยีเบอร์หนึ่งแล้ว โลกจะเป็นเช่นไร?

ส่วนหนึ่งของบทวิเคราะห์ดังกล่าว ระบุว่า หากจินตนาการถึงโลกที่ถูกควบคุมโดยจีน ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทาง Digital การควบคุมการผลิตเทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่

จะส่งผลสะเทือนทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ หรือเทคโนโลยีใหม่ทางด้านการพลังงาน

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าว ยังมีการใช้โมเดลในการพยากรณ์ถึงอนาคตของประเทศจีน ที่จะสามารถทำเงินได้มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ความได้เปรียบดังกล่าว ในการยกระดับการเมืองการปกครองในรูปแบบของจีน

นอกจากนี้ SCSP ยังได้มีการประเมินความน่ากลัวของสถานการณ์ ว่าหากจีนมีการประกาศใช้นโยบาย Sovereign Internet หรือ “อินเตอร์เน็ตรวมศูนย์” แบบเบ็ดเสร็จแล้ว

จะมีผลให้เกิดการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของประเทศต่างๆ โดยมีจีนเป็นผู้พัฒนา และควบคุมเทคโนโลยีหลักสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของชาติต่างๆ ทั่วโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลสะเทือนถึงกองทัพสหรัฐที่จะสูญเสียความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีให้แก่จีน เนื่องจากจีนอาจตัดขาดการจัดส่ง Microelectronics หรือ Chip คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยี

www.flickr.com/World Economic Forum

Eric Schmidt อดีต CEO ของ Google ชี้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามทัน หรือก้าวนำจีนในด้านเทคโนโลยีขณะนี้

“ยิ่งเราตาม จีนก็ยิ่งจะหนีห่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านของ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ Quantum Computer หรือเทคโนโลยีชีวภาพ” Eric Schmidt กล่าว และว่า

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับกรณี 5G ของ Huawei ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก เนื่องจากเราไม่ผูกติดกับเทคโนโลยี และเป็นทาส Platform ที่ต้องใช้งานเป็นประจำทุกวัน ซึ่งถูกควบคุมโดยชาติใดชาติหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นระบบปิด”

กรณี 5 G ของ Huawei ที่ Eric Schmidt พูดถึง คือความกังวลว่าอุปกรณ์ที่ผลิตในจีน จะกลายเป็นแกนหลักของเทคโนโลยีการสื่อสารโลก ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัย และอาจก่อให้เกิดการจารกรรม

“สหรัฐและประเทศพันธมิตร ได้ต่อต้านการติดตั้งอุปกรณ์ของ Huawei ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเปิดตัว 5 G” Eric Schmidt กล่าว และว่า

ทุกวันนี้ การพัฒนา 5 G ของสหรัฐ และประเทศต่างๆ ในโลกตะวันตก ตามหลังประเทศจีนอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนได้ให้การสนับสนุนมากเป็นพิเศษต่อบริษัท Huawei จนทำให้ Huawei กลายเป็นบริษัทระดับโลกที่โดดเด่นในด้าน 5 G ไปแล้ว Eric Schmidt สรุป

Jake Sullivan ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเผยว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการก้าวตามพัฒนาการด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ของจีน

“อย่างที่ทุกคนรู้ การรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันระดับโลก และดำรงความแข็งแกร่ง คือสิ่งที่อเมริกาต้องเร่งทำ หากจะกลับมาเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี”

“เราต้องกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ในการฟื้นฟู และบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว” Jake Sullivan กล่าว และว่า

“เรากำลังเผชิญกับคู่แข่งที่มุ่งมั่นที่จะแซงหน้าสหรัฐ ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกับทรัพยากรในระดับที่แทบจะไร้ขีดจำกัด”

“ขณะนี้ฝ่ายบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดี Joe Biden ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามดังกล่าว และกำลังดำเนินการเพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น” Jake Sullivan กล่าว และว่า

เห็นได้จากการออกกฎหมาย CHIPS ที่มาพร้อมกับการสนับสนุนมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการจัดตั้งโรงงานผลิต Microchip ชั้นสูงของสหรัฐ

“เห็นได้ชัด ว่าเรากำลังลงทุนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ เพื่อให้สหรัฐกลับมาสู่เส้นทางของการเป็นผู้นำอุตสาหกรรม ICT ในอนาคต” Jake Sullivan กล่าว และว่า

สหรัฐได้เพิ่มความพยายามเป็นเท่าทวีคูณ ในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถในด้าน ICT ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังได้ปรับปรุงกระบวนการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับความปลอดภัยทาง ICT ให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ใหม่

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ การดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นไปในลักษณะที่ครอบคลุม ด้วยสรรพกำลังที่มหาศาล และสอดคล้องกับตัวตนของเรา”

 

พล.ท. Herbert Raymond McMaster อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ในสมัยของประธานาธิบดี Donald Trump ระบุว่า การดำเนินการเท่าที่มีอยู่ ยังรวดเร็วไม่มากพอ

“ปัญหาเกิดจากการประเมินที่ผิดพลาดหลังยุคสงครามเย็นเป็นต้นมา” พล.ท. Herbert Raymond McMaster กล่าว และว่า

“เราต้องเพิ่มความพยายามในการสกัดกั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนอีกมาก”

Mao Ning รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน วิจารณ์ความพยายามของสหรัฐในการขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน

เธอกล่าวว่า “สิ่งที่สหรัฐกำลังทำอยู่ก็คือ การใช้ข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี เพื่อกีดกัน และกดทับ การพัฒนาของตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนา”

“สหรัฐคาดหวังที่จะให้จีน และประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ จมปลักอยู่ในระดับล่างสุดของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ICT อย่างน่ากังวล” Mao Ning ทิ้งท้าย