ทำไมภาพลักษณ์ติดลบหนัก? โปลิศสีเทา-ตั้งทีมรีดไถ? คุยกับอดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร.

พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร อดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และนายกสมาคม รร.นายร้อยตำรวจ มองว่าปัญหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบันเพราะดำเนินการปฏิรูปอย่างหลงทิศทาง

ยกตัวอย่างสิ่งที่เห็นชัดเจน คือพัฒนาการของสถานีตำรวจ เนื่องจากผลการวิจัยในหลายงานวิจัยบ่งชี้ว่าตำรวจสามารถจะชนะใจประชาชนได้ต้องมาจากการให้บริการที่สถานีตำรวจ และงานวิจัยก็ชี้ชัดอีกว่าโรงพักไหนจะดีสถานีไหนจะดี จะต้องมีผู้นำหน่วยหรือผู้กำกับที่ดี

โจทย์จึงขึ้นอยู่กับว่าทำอย่างไรจะได้ผู้กำกับที่ดีมาบริหารในโรงพักเนื่องจากเป็นสถานที่ใกล้ชิดกับประชาชน

แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้เดินแบบหลงทาง ที่ผ่านมากลายเป็นว่าให้ความสำคัญกับการเพิ่มตำแหน่งและสร้างหน่วยงานขึ้นมาซ้ำซ้อนหลายหน่วยงาน ทำให้เกิดการดึงกำลังจากหน่วยปฏิบัติงานหลักไปให้หน่วยสนับสนุน ที่ตั้งขึ้นมามากมายหลายหน่วยมีกำลังที่จะดูแลประชาชนได้ไม่เพียงพอ

สถานการณ์กำลังพลปัจจุบัน ณ โรงพักปัจจุบัน น่าจะขาดกำลังไปเกือบ 50% ทำให้การให้บริการประชาชนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดรถชนกัน เกิดขึ้น 2 แห่งในพื้นที่ กว่าร้อยเวรจะไปถึงยังที่เกิดเหตุที่ 2 ต้องใช้เวลายาวนาน ประชาชนต้องรอนาน จนส่งผลกระทบรถติดจำนวนมาก

ดังนั้น การให้บริการตั้งแต่โรงพักเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ประการต่อมา พล.ต.อ.ศักดาบอกว่า การที่ตั้งหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ ขึ้นมามากมายเป็นการบั่นทอนการเจริญเติบโตของคนในโรงพักซึ่งเป็นกำลังหลัก เพราะหน่วยงานหลักของตำรวจทุกวันนี้คือกองบัญชาการตำรวจทั้ง 9 ภาค + นครบาล ก็คือ 10 กองบัญชาการ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างหน่วยสนับสนุนขึ้นมาปัจจุบันมีถึง 20 กองบัญชาการ แค่อัตราพลตำรวจโทเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าหนึ่ง เห็นชัดเจนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเจริญเติบโตไปยังทิศทางไหน?

“สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องชี้ให้เห็นเลยว่าไปอย่างผิดทิศทาง”

พล.ต.อ.ศักดามองว่าการมาขยายหน่วยงานเพิ่ม “เพื่อเพิ่มตำแหน่ง” เกิดขึ้นจากการต้องการลดปัญหาการร้องขอตำแหน่งของฝ่ายต่างๆ ในบรรดาผู้มีอำนาจ เพื่อคลายความกดดัน จึงต้องเอาตำแหน่งมาประเคนให้กับผู้มีอำนาจจึงมีความพยายามที่จะขยายตำแหน่ง เร็วๆ นี้ก็เพิ่งมีการเพิ่ม 6 นายพล หมายถึงการเพิ่ม 6 สายจะมีทั้งผู้การ รองผู้การ ผู้กำกับ สารวัตรเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนเรียงตามลำดับกันลงมา ซึ่งการขยายอัตราตำแหน่งเพิ่มเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องดี ควรเสริมให้โรงพักมีกำลังที่เพียงพอเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าสำหรับประชาชน

ที่มาของปัญหาเหล่านี้เกิดจากแนวคิดที่ว่าอยากเอาตัวเองให้รอดเพราะว่าระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงต้องเอาอกเอาใจสายการเมือง ซึ่งการสร้างหน่วยต่างๆ ขึ้นมาก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย

พล.ต.อ.ศักดาชี้ว่า ภาพพจน์ของตำรวจในปัจจุบันเลวร้ายลงมากเนื่องจากประชาชนสัมผัสแต่สิ่งที่ไม่ดี หน่วยงานซ้ำซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่สร้างขึ้นมีหลายหน่วยงานที่ว่างงาน หรือมีงานน้อยไม่พอทำ สิ่งที่บางหน่วยงานหรือบางคนไปทำ คือการตั้งทีมออกไป “รีดไถประชาชน” จนเกิดความเดือดร้อนในหมู่ประชาชนและผู้ประกอบการ

เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเปิดร้านเหล้าหรือขายโซดาร้านหนึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายมากมาย แต่เหมือนแร้งไปลง บางคนเรียกพวกเหล่านี้ว่า “นักบิน” ที่บินไปหาผลประโยชน์ บางคนเรียกว่า “พ่อบ้าน” สิ่งเหล่านี้กลายเป็นจุดที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมศรัทธาลงมากจากประชาชน เสื่อมความนิยมเลื่อมใส ถ้าผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.หรือระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้จะยากมากในการแก้ไขปัญหาภาพพจน์ที่เกิดขึ้น

“การออกไปรีดไถแบบนี้ ประชาชนเขารับไม่ได้ผมเองเป็นตำรวจเก่าเห็นแล้วก็รู้สึกสมเพช บางหน่วยงานบางคนแม้กระทั่งช่วงโควิดช่วงหน้าฝนมันก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจใครเลย ไปขอขึ้นราคาเขาอีก 100-150% ผมทั้งรู้สึกสมเพช และอย่างยิ่งคือความรู้สึกอาย เมื่อก่อนการเป็นตำรวจเป็นความภาคภูมิใจมาก แต่พอเห็นพวกนี้สมัยนี้มาทำแบบนี้ที่เรียกว่านักบิน ทำผมอายที่จะชี้แจงกับคนที่จะเข้ามาถามมาหามาปรึกษา เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผู้ใหญ่จะต้องรีบแก้ไขปัญหาด้านนี้อย่างเร่งด่วน!”

“ถ้าผมมีอำนาจผมจะจัดการนักบินเป็นอันดับแรก ที่เรียกว่านักบินเพราะพวกนี้สามารถว่อนไปได้ทั่วประเทศไป วงจรอุบาทว์แบบนี้ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาด้วยว่าถ้าระดับสูงให้ความสนใจลงมาจัดการอย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าปัญหานี้จัดการไม่ยาก ใช้เวลาสืบไม่นานก็จะรู้ว่ากลุ่มนักบินเหล่านี้เป็นใครบ้าง ที่ออกไปรีดไถทั่วประเทศ ก็รีบกำจัดพวกนี้ทิ้งซะก็จะทำให้หน่วยอื่นไม่กล้าที่จะทำ ท้องที่ไหนทำผิดจับกุมพิจารณาโทษกันไปตามเหตุ”

“การแสวงหาผลประโยชน์ในสังคมไทยเราเนื่องจากมันฝังรากลึกมานานยากที่จะแก้ไข จึงต้องอาศัยผู้บังคับบัญชาที่กล้าหาญและเห็นแก่ภาพพจน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งแก้ไขภาพลักษณ์ในช่วงนี้ต้องกำจัดนักบิน”

(Photo by Ishara S.KODIKARA / AFP)

พล.ต.อ.ศักดา บอกอีกว่า ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าตำรวจเป็นอาชีพพิเศษ ทุกชาติทุกประเทศในโลกมีตำรวจเพราะเป็นหน่วยที่ควบคุมสังคม การที่สังคมจะมีตำรวจดีและไม่ดีเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาตลอดกับทุกประเทศ แต่องค์กรที่จะอยู่ได้คือองค์กรที่มีตำรวจดีมากกว่า และต้องมีกฎระเบียบแบบแผนที่จัดกลุ่มชัดเจน มีผู้บังคับบัญชาที่สอดส่องดูแลกำกับควบคุมได้ ก็จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น แบบที่เราเห็นในภาพยนตร์ทั่วไปว่ามีทั้งตำรวจดีและตำรวจไม่ดี แต่เรามักจะเห็นใน “ตอนจบ” เสมอ ที่ตำรวจดีจะโผล่มาตอนท้ายของเรื่อง คือต้องให้เกิดเรื่องเสียก่อน

“ผมเข้าใจว่าทุกคนก็พยายามจะแก้ไขปัญหานี้ เพราะเบ้าหลอมอย่างโรงเรียนตำรวจก็ปลูกฝังเสมอว่าต้องเป็นตำรวจที่คนดีรักและคนร้ายกลัว”

“ตำรวจในยุคที่มีทหารปกครอง ผมมองว่า เขาก็มีแนวความคิดต้องการทำให้ตำรวจเหมือนกับทหาร ซึ่งความจริงแล้วหลักการของเรากับทหารคนละหลักการเลย เราต้องยึดกฎหมายหลักการเป็นหลัก แต่ทหารเขาเน้นเรื่องความมั่นคง มันไม่เหมือนกัน การอบรมสั่งสอนก็จะแตกต่างกัน โรงเรียนนายร้อยทั้ง 4 เหล่าก็สอนไม่เหมือนกัน”

“เราต้องการให้ตำรวจอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะรวมอำนาจไว้ส่วนกลาง ตำรวจถึงเวลาควรที่จะต้องกระจายอำนาจได้แล้ว ควรจะกระจายไปสู่ประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่เพียงแค่กรุงเทพมหานครแห่งเดียวเพราะประชาชนตามชนบทก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันต้องให้บริการพี่เพียงพอสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ให้ในสถานีตำรวจตามชนบทต่างๆ มีตำรวจที่มีขีดความสามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้นั่นคือหลักการที่แท้จริงของตำรวจ”

“ช่วงเวลาของประเทศไทยบางช่วงไม่ได้เอื้อต่อการดำเนินการเช่นนี้ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หากตำรวจยังอยู่ภายใต้ระบบการปกครองของทหารก็จะได้แบบทหาร แต่ถ้าได้อยู่ภายใต้นักการเมืองก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งซึ่งจะดีหรือร้ายกว่านี้ก็ไม่รู้ แล้ว 8 ปีที่ผ่านมามีการพูดเรื่องปฏิรูปตำรวจอยู่บ่อยครั้งมีการตั้งคณะทำงานถึง 6 คณะ พระราชบัญญัติตํารวจใหม่นี้บางคนอาจจะมองไม่เห็นแต่ผมมองเห็น ว่ายังมีการรวมอำนาจอยู่”

(Photo by Jack TAYLOR / AFP)

พล.ต.อ.ศักดาบอกว่า อนาคตของตำรวจเราในวันข้างหน้าล้วนเป็นผู้ที่มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือคือผู้ที่อยู่ส่วนกลางเป็นหลัก กลายเป็นว่าตำรวจท้องที่มีโอกาสน้อยมากในการเติบโต คนที่มีโอกาสอยู่ในส่วนกลางลื่นไหลห่างชั้นกันอยู่เยอะ

ความไม่เจริญเติบโตในหน้าที่การงานของตำรวจในท้องที่ทำให้เกิดการวิ่งเต้นออกมาอยู่หน่วยสนับสนุนมากกว่าอยู่ในท้องที่ ทำให้ไม่มีใครอยากอยู่โรงพัก เพราะโรงพักต้องรับผิดชอบทั้งพื้นที่รับผิดชอบทั้งประชาชน แต่ถ้าอยู่หน่วยนอกจะรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว แถมยังปล่อยให้พวกนักบินออกหากินหาผลประโยชน์มาคอยเลี้ยงดูแลหล่อเลี้ยง ตรงนี้ยิ่งสบายไปใหญ่

กลายเป็นว่าตำรวจท้องที่เหนื่อย ตำรวจท้องที่มีความคาดหวังจากประชาชนสูง ภายใต้อุปสรรคที่มากคือความขาดแคลนทั้งกำลังพลขาดแคลนเทคโนโลยี รวมถึงขาดแคลนทั้งอุปกรณ์ แต่ตำรวจท้องที่ถูกคาดหวังจากประชาชนสูง

ดังนั้น อย่าปล่อยให้หน่วยต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาใหม่กลายเป็นพื้นที่ของนักหาผลประโยชน์บินว่อนทั่วประเทศคอยออกไปหาผลประโยชน์เพื่อรีดไถประชาชน ตอนนี้ประชาชนรับไม่ได้ ความเกลียดชังจะเพิ่มมากขึ้น

ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรที่จะหันมาดูเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่าปล่อยให้พวกนี้เหิมเกริม คอยวิ่งหาผลประโยชน์อย่างน่าไม่อาย เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยต้องรับผิดชอบพื้นที่มันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก

คนรักในอาชีพตำรวจมีความเป็นตำรวจได้ยินได้ฟัง มันเป็นความอับอายอย่างมาก

ชมคลิป