ล่องแพสำรวจแม่ปิง

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมทัวร์ล่องแพลำน้ำแม่ปิง จ.ตาก ขึ้นไปทะเลสาบดอยเต่า จ.เชียงใหม่ สัมผัสกับบรรยากาศเย็นฉ่ำร่มรื่นเงียบสงบตลอดเส้นทางอย่างเต็มอิ่ม เป็นธรรมชาติสิ่งแวดล้อมสวยสดงดงามมาก มีข้อเสียอย่างเดียวเศษซากขยะพลาสติกที่ลอยฟ่องบางช่วงบางเวลาเพียงเท่านั้น

โปรแกรมเริ่มแต่เช้าตรู่ 8 โมง คณะทัวร์ 30 ชีวิตมุ่งหน้าไปขึ้นแพนงนภัสเหนือเขื่อนภูมิพล ที่ อ.สามเงา จ.ตาก เป็นแพขนาดใหญ่ 2 ลำ ผูกติดกันใช้เรือยนต์ลากจูง

แพลำแรกมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องอาหารจัดเลี้ยง ห้องครัว และห้องพักพนักงาน ส่วนอีกลำเป็นชั้นเดียว แบ่งซอยเป็นห้องพักผู้โดยสารมีห้องน้ำในตัว

เรือยนต์ลากจูงแพจากเหนือเขื่อนภูมิพลล่องไปตามลำน้ำแม่ปิง ขึ้นสู่ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางทิวทัศน์สองฝั่งน้ำที่งดงาม

อาหารเช้าเตรียมพร้อมสำหรับคณะทัวร์เรียบร้อยแล้วเป็นข้าวต้มหมูสับ กาแฟและขนมปัง ระหว่างกิน เรือยนต์ลากแพล่องไปตามผืนน้ำกว้างใหญ่

ลมพัดเอื่อยๆ ปะทะใบหน้ารู้สึกได้ว่าเป็นลมหนาว แม้ไม่เย็นมากนักเพราะเป็นต้นเดือนพฤศจิกายน แต่สูดเข้าไปให้ความรู้สึกชุ่มปอด เป็นอากาศบริสุทธิ์แท้ๆ

ทิวทัศน์สองฝั่งน้ำมีทั้งแผ่นผาโตรกหิน ทิวไม้เขียวชอุ่ม เงาภูเขาสะท้อนบนผืนแผ่นน้ำอันใสสะอาด ประกายแดดระยิบระยับ

วัดพระธาตุแก่งสร้อย ริมน้ำแม่ปิง

แม่น้ำปิงถือว่าเป็นสายน้ำสำคัญของภาคเหนือ มีต้นกำเนิดมาจากทิวเขาผีปันน้ำในเขต อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไหลจากทิศเหนือลงมาทางทิศใต้ผ่าน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ตาก และกำแพงเพชร ไปบรรจบกับแม่น้ำน่าน ที่ อ.ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์

ย้อนดูอดีต แม่น้ำปิงเป็นเส้นทางเรือจากภาคเหนือมายังภาคกลาง มีตำนานเล่าว่า เมื่อ 600 ปีก่อน พระนางจามเทวี เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าจักรพรรดิราช แห่งกรุงละโว้ เดินทางไปครองเมืองหริภุญไชยพร้อมกับพระสงฆ์ สมณะชีพราหมณ์ พ่อค้าวาณิช โดยใช้เส้นทางแม่น้ำปิง

ช่วงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ มีบันทึกการเดินเรือในลำน้ำปิงจากเชียงใหม่มายังตาก ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เรือหางแมงป่อง เรือแต่ละลำบรรทุกสินค้าได้ราว 2 ตัน ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 2-3 เดือน

เส้นทางล่องเรือต้องผ่านแก่งต่างๆ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ว่า แก่งในน้ำแม่ปิง ทั้งเขตแดนเมืองเชียงใหม่และแดนตากล้วนเรียกรวมกันว่า “แก่งเชียงใหม่” มีอยู่ 49 แก่ง ล่องแก่งอันตรายที่สุดคือแก่งสร้อย เพราะบางตอนลำน้ำคดเคี้ยวมีก้อนหินใหญ่ต้องระมัดระวังมาก มักมีแพแตกหรือเกยหินกลางแก่งเป็นประจำ

อีกแก่งเป็นแก่งอาบนาง อันตรายมากเพราะเป็นช่องเขาและมีความยาวมากทำให้น้ำไหลแรงและพุ่งเร็วเข้าหน้าผา กลางหน้าผามีหินย้อยคล้ายๆ กับฝักบัวมีน้ำพุ่งออกมาตลอดเวลา

ในตำนานเล่าขานระหว่างขบวนเรือของพระนางจามเทวีผ่านมาถึงบริเวณแก่งนี้ ได้สรงน้ำและสระเกศาแต่น้ำไม่สะอาดพอ จึงอธิษฐานว่า หากมีบุญญาธิการจะทำนุบำรุงศาสนา ขอให้เทวดาอารักษ์ประทานน้ำบริสุทธิ์ พอจบคำอธิษฐานมีน้ำเย็นใสไหลตกลงมาคล้ายฝักบัว จึงได้ชื่อว่า ผาอาบนาง

ทิวทัศน์ลำน้ำแม่ปิง มองจากวัดพระธาตุแก่งสร้อย

เมื่อปี 2500 รัฐบาลสมัยนั้นสร้างเขื่อนภูมิพล ผลิตไฟฟ้าป้อนให้ภาคกลางและภาคเหนือ เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จ น้ำท่วมแก่งทั้งหมด การล่องเรือจากเชียงใหม่ถึงเขื่อนจึงสะดวกขึ้น

พนักงานของแพบอกว่า เส้นทางที่ล่องแพจากเหนือเขื่อนภูมิพลไปถึงดอยเต่า ระยะทางราว 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 26 ชั่วโมง ปีนี้ฝนตกชุก น้ำในแม่ปิงจึงเยอะมาก เรือแพล่องได้สะดวก ต่างกับเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ฝนแล้ง น้ำในเขื่อนน้อยมากล่องแพไม่ได้เลย

ช่วงเย็น เรือยนต์ลากแพมายังแก่งสร้อย อ.สามเงา จ.ตาก เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุแก่งสร้อย วัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่ยุคล้านนาไทย การเข้าถึงวัดนี้ต้องใช้เส้นทางน้ำเท่านั้น

แพจอดเทียบท่าตรงหน้าบันไดวัด ปล่อยให้คณะทัวร์ขึ้นไปสักการะพระธาตุแก่งสร้อยและดูวิวเหนือลำน้ำปิง บางจุดเห็นยอดเจดีย์โผล่เหนือน้ำ

ในหนังสือ “ตามรอยวัฒนธรรมบ้านนา : บันทึกประวัติศาสตร์จากนโยบายสู่วิถีชีวิตชุมชน” พูดถึงเมืองสร้อย เมื่อ 800 กว่าปีก่อนมีเจ้าครองนครมานานหลายชั่วอายุคน มีพญาอุตตุมเป็นเจ้าเมืององค์สุดท้าย อาณาเขตเมืองสร้อยประกอบด้วยหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก มีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามาก่อน ดูได้จากการค้นพบคัมภีร์ใบลานที่คัดลอกในพุทธศตวรรษที่ 20 ประมาณ 500 ปีที่แล้ว เก่าแก่ที่สุดในประเทศนี้

ลองจินตนาการตามบันทึกประวัติศาสตร์ บริเวณแก่งสร้อย เป็นที่ตั้งของเมืองสร้อย อยู่กลางหุบเขามีลำน้ำปิงกั้นกลาง มีหมู่บ้านรายล้อมสองฝากฝั่ง แต่ละหมู่บ้านมีวัด เจดีย์ เช่นเดียวกับวัดพระธาตุแก่งสร้อย สร้างอยู่บนเนินเขา เมื่อสร้างเขื่อน น้ำทะลัก เมืองจมอยู่ใต้ท้องน้ำ

มีเพียงวัดพระธาตุแก่งสร้อยที่หลงเหลืออยู่ในวันนี้

แพล่องแม่น้ำปิงจากเหนือเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ไปยังดอยเต่า จ.เชียงใหม่

แพออกจากท่าวัดพระธาตุแก่งสร้อย ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว อาหารมื้อค่ำถูกวางเรียงรายบนโต๊ะกลมให้คณะทัวร์ได้กินอิ่มหนำสำราญ

พนักงานกระซิบบอกว่า แพจะล่องถึงทะเลสาบดอยเต่าราวๆ 6 โมงเช้า แต่ช่วงกลางคืนแพอยู่ในร่องเขา ไม่มีสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ให้กวนใจ เพราะฉะนั้น หลับสบายไร้กังวล

ระหว่างล่องขึ้นไปยังทะเลสาบดอยเต่า เห็นเศษซากขยะพลาสติกกองใหญ่ลอยมาตามกระแสน้ำเกือบตลอดทาง น่าจะเป็นขยะถูกน้ำชะจากชุมชนลงสู่ลำราง คูคลองแล้วไหลลงแม่น้ำปิง ช่วงกลางดึกได้ยินเสียงกองขยะปะทะกับท้องแพดังเป็นช่วงๆ

ถ้าไม่กำจัดตั้งแต่ต้นทางจากชุมชน ขยะเหล่านี้จะไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วที่สุดก็ถึงทะเลอ่าวไทย ทำลายระบบนิเวศน์ทางทะเล •

 

สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน

[email protected]