มาแล้ว ‘โตโยต้า bZ4X’ เอสยูวีไฟฟ้า-ออปชั่นจัดเต็ม

สันติ จิรพรพนิต

ฉลองครบรอบ 60 ปี เข้ามาดำเนินกิจการในเมืองไทยปีนี้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่มาช่วงท้ายคือการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า “bZ4X” (บีซีโฟร์เอ็กซ์) เอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลาง

ก่อนหน้านี้อวดโฉมยั่วน้ำลายมาพักใหญ่ ก่อนจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

bZ4X ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโตโยต้า ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน

เป็นไปตามพันธกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ.2593 พร้อมด้วยแนวคิดความพร้อมในหลากหลายทางเลือก (Multi Pathway Approach)

เพราะโตโยต้ามองว่าโลกยังเต็มไปด้วยความหลากหลาย ยากจะคาดเดาอนาคตได้ จึงเสนอรถหลากหลายขุมพลังรักษ์โลก มาเป็นตัวเลือกตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน

ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด HEV : Hybrid Electric Vehicle

ปลั๊กอินไฮบริด PHEV : Plug-in Hybrid Electric Vehicle

รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า BEV : Battery Electric Vehicle

และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน FCEV : Fuel Cell Electric Vehicle

ก่อนหน้านี้ในระดับโลกเปิดตัว “มิไร” (MIRAI) รถพลังไฮโดรเจน

ส่วนในเมืองไทยแม้ยังไม่ได้อวดโฉม แต่ก็เปิดตัวสถานีเติมไฮโดรเจน ต้นแบบมาก่อนแล้ว

โตโยต้า “bZ4X” รถยนต์นั่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV)

ภาพลักษณ์ภายนอกดูล้ำสมัย กระจังหน้าขนาดใหญ่แต่ไม่มีช่องดักลมเพราะเป็นรถไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องใช้อากาศช่วยระบบายความร้อนในห้องเครื่อง

ไฟหน้าแอลอีดีเรียวเล็ก พร้อมไฟเลี้ยว และไฟเดย์ไทม์รวมอยู่ด้วยกัน

ซุ้มล้อขนาดใหญ่เชื่อมตั้งแต่ด้านหน้า-ชายล่างและซุ้มล้อหลังอย่างลงตัว เพิ่มความบึกบึน

ขอบประตูใช้สีดำเชื่อมไม่ถึงหลังคา และราวหลังคา

กระจกมองข้างสีดำเช่นกัน

ไฟท้ายทรงสวยมีเส้นไฟบรกสีแดงคาดกลาง ด้านบนเป็นสปอยเลอร์สีดำ เสาอากาศครีบฉลาม

ล้อทรงสปอร์ตสวยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้าง-แก้มต่ำขนาด 235/50

หลังคา Panoramic sunroof ครอบคลุมพื้นที่ผู้โดยสารทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

ที่ชาร์จไฟอยู่บริเวณแก้มหน้าฝั่งซ้าย

ภายในให้ความเป็นอวกาศหน่อยๆ ดีไซน์แบบ Open space รู้สึกโอ่โถง แม้จะใช้โทนดำเน้นความเข้มด้วยสีเปียโนแบล็ก

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง เข้า-ออก

แปลกตาไม่พ้นมาตรวัดที่อยู่ลึกเข้าไป และตำแหน่งอยู่เหนือคอนโซลหน้า

ข้อดีคืออยู่ในระดับสายตาพอดี จากปกติเราจะคุ้มเคยกับการมองมาตรวัดผ่านช่องพวงมาลัย

คอนโซลหน้าใช้วัสดุรีไซเคิล อันนี้ต้องดูกันยาวๆ ว่าจะทนทานขนาดไหน

ขยับมาตรงกลางเป็นจอสัมผัสแบบ Full HD ขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว รองรับ AppleCarPlay และ Andriod Auto ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง

ต่ำลงมาเป็นช่องแอร์ ยิงเข้าลำตัวผู้ขับขี่ ไม่ต้องกังววงเรื่องมือซ้ายเย็นเพราะโดนลมเป่า

เกียร์ทรงกลมวางตำแหน่งใกล้ช่องแอร์ มองผาดๆ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอกลาง

ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับโหมดขับขี่ ส่วนทางขวาเป็นเบรกมือไฟฟ้า

ใต้คอนโซลกลางมีช่องขนาดใหญ่ใส่ของได้

มีพอร์ต USB 5 ตำแหน่ง ที่วางแก้วน้ำมากถึง 12 จุด

เบาะคู่หน้าที่มาพร้อมระบบ Ventilator มีลมร้อน-เย็น

เบาะหลังพับ 60-40 มีที่เท้าแขนกลางพร้อมช่องวางแก้วและสมาร์ตโฟน

สบายขึ้นอีกนิดสำหรับรถที่จอดกลางแดด เพราะสามารถสั่งเปิดแอร์ล่วงหน้าจากรีโมตระยะห่างกว่า 30 เมตร

ขุมพลังจากชุดมอเตอร์อิสระ 2 ชุด แยกหน้า-หลัง มอเตอร์หน้า 80 กิโลวัตต์ และหลัง 80 กิโลวัตต์ รวมให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 337 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ใหม่ “X-Mode” ช่วยควบคุมการกระจายแรงขับที่ล้อ เบรก และคันเร่ง ใช้กับถนนลื่น และเนินเขาสูง

มีระบบ Regenerative Braking Mode ที่จะช่วยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาทุกครั้งที่ยกคันเร่ง

ชาร์จไฟฟ้าทั้งไฟบ้าน (0-100%) ใช้เวลาระมาณ 10 ชั่วโมง ส่วนชาร์จเร็วแค่ครึ่งชั่วโมง และเร็วกว่านั้นหากความจุแค่ 80%

ระยะทำการประมาณ 411 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง แม้ใช้จริงไม่ถึง แต่ต่ำๆ ต้องมี 350-360 กิโลเมตรแน่ๆ

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต และด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และเกาะถนน

มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานโตโยต้าเวอร์ชั่นใหม่ “Toyota Safety Sense 3.0” มีประสิทธิภาพตรวจจับวัตถุแม่นยำขึ้น

อาทิ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ และรถที่ตัดหน้า

มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Intelligent Parking Assist ประกอบด้วยกล้อง 4 ตัว และเซ็นเซอร์ 12 จุด ช่วยการจอดเทียบ และเข้าช่องจอดได้ง่ายขึ้น

ระบบเตือนชนด้านหน้า เบรกอัตโนมัติ

 

แบตเตอรี่ผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ มีขบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตลอดกระบวนการผลิต

ปกป้องภายใต้โครงสร้างตัวรถที่ออกแบบมาอย่างแข็งแกร่ง พร้อมแผ่นรองรับกันกระแทกที่มีน็อตยึดเพิ่มความแข็งแรงมากถึง 56 จุด ฉนวนหุ้มระบบไฟฟ้าแรงดันสูงกันน้ำ 3 ชั้น

และระบบล็อกที่ข้อต่อสายไฟ 2 ชั้น ป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้าถึงระบบไฟฟ้าแรงดันสูงได้

ใช้โครงสร้าง e-TNGA แพลตฟอร์มใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้าโดยเฉพาะ มีจุดเด่นด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทนต่อแรงบิดสูง แข็งแกร่ง เสริมการปกป้องตัวแบตเตอรี่

โตโยต้า “bZ4X” ราคา 1,836,000 บาท

พร้อมแพ็กเกจพิเศษ

รับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้า 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

ขยายการรับประกันจาก 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี 10,000-100,000 กิโลเมตร

บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside service 5 ปี

ส่วนลด Wall Charger มูลค่า 30,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]