ความจริง ปรากฏ ณ เบื้องหน้า ‘ลิ่มซีอิม’ เจ็บปวด รวดร้าว | บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ความจริง ปรากฏ

ณ เบื้องหน้า ‘ลิ่มซีอิม’

เจ็บปวด รวดร้าว

 

ในเมื่ออาฮุยต้องพิษซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากฝ่ามืออรหันต์ของซิมไบ๊ไต้ซือ ผู้พิทักษ์กฎแห่งเสียวลิ้มยี่ มายังดาวเย็นอันสาดซัดมาจากขลุ่ยเหล็กของทิเต็กซิงแซ

มีความจำเป็นต้อง “จำศีล”

ความจำเป็นที่ต้อง “จำศีล” และรายละเอียดที่อาฮุยเผชิญประสบจะขอ “พัก” เอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว

แม้ว่าจะถือเป็น “จุดตัด” อัน “เปลี่ยน” ชีวิตมันอย่างล้ำลึก

ขอย้อนกลับไปยังสิ่งที่ลี้คิมฮวงได้ประสบ

บทที่ 16 ของฤทธิ์มีดสั้นอาจว่าด้วย “น้ำมิตรเหนือชีวิต” ตามมาด้วยบทที่ 17 ว่าด้วย “เผชิญโดยไม่พรั่นพรึง” และบทที่ 18 ว่าด้วย “สมองเปรื่องตาแจ่มใส”

ขณะที่ “เซี่ยวลี้ปวยตอ” ดำเนินมาในอีกแบบ

นั่นก็คือ บทที่ 16 ว่าด้วย “คุณธรรมอันจอมปลอม” ตามด้วยบทที่ 17 ว่าด้วย “เผยโฉมที่แท้จริง” แล้วจึงถึงบทที่ 18 ว่าด้วย “เหตุแปรเปลี่ยนรายทาง”

ขอให้เราเริ่มด้วยรายละเอียดแห่ง “เผยโฉมที่แท้จริง”

 

เป็นฉากภายในห้องซึ่งจุดเทียนไขเพียง 1 เล่ม แสงเทียนส่องต้องใบหน้าอันซีดขาวแฝงรังสีระเรื่อแห่งโรคภัยของลี้ชิ้มฮัว

นั่นคือ ไอไม่หยุดยั้ง ไอจนแทบหายใจไม่ออก

เป็นเล้งเซ่าฮุ้นที่มองดูอย่างเงียบงัน รอจนลี้ชิ้มฮัวไอผ่านพ้นค่อยยื่นสุราให้ถ้วยหนึ่ง ยื่นถึงมุมปาก เทสุราเข้าปากลี้ชิ้มฮัวอย่างแช่มช้า

พอดื่มสุราหมดถ้วยลี้ชิ้มฮัวก็ยิ้มออกมา

“ตั่วกอ ท่านดู ข้าพเจ้าไม่ทำสุราหกออกมาแม้สักหยดเดียว ต่อให้ข้าพเจ้าถูกผู้คนจับหัวห้อยลง หากมีคนป้อนสุราให้ข้าพเจ้าดื่มข้าพเจ้าจะไม่ทำหกออกมา”

“ท่านไฉนไม่ยอมให้เราคลายจุดแก่ท่าน” เป็นคำถามจากเล้งเซ่าฮุ้น

“ข้าพเจ้าเป็นคนไม่อาจทนทานการเย้ายวน หากท่านคลายจุดให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่แน่ว่าคิดหลบหนีไป” เป็นเหตุผลจากลี้ชิ้มฮัว

“ตอนนี้ ตอนนี้พวกเขาล้วนไม่อยู่ที่นี้” เป็นเสียงเร่งเร้าอย่างร้อนรน

“ตั่วกอ จนบัดนี้ท่านยังไม่เข้าใจจิตเจตนาของข้าพเจ้าหรือ” นั่นเท่ากับเป็นการตัดบท หลีกออกจากความปรารถนาของเล้งเซ่าฮุ้น

แต่ละคำของลี้คิมฮวงจึงสมควรจดจาร

 

ข้าพเจ้าทราบว่า ท่านคิดจะกล่าวคำพูดนั้นอีกแล้ว แต่ท่านไม่มีที่ใดพึงต้องละอายต่อข้าพเจ้าเลย ท่านพาข้าพเจ้าจากห้องเก็บฟืนมาที่นี้ทั้งมีสุราให้ดื่มอีกด้วย

นับว่าไม่เสียทีที่เราสองเป็นพี่น้องกันมา

พรุ่งนี้ (พวกเขานำ) ข้าพเจ้าไป ท่านอย่าคิดมาส่งข้าพเจ้าเป็นอันขาด ข้าพเจ้าไม่ยินดีให้ผู้คนส่งมาแต่ไหนแต่ไร

และก็ไม่ยินดีส่งผู้ใดด้วย

ข้าพเจ้าเมื่อเห็นคนไปส่งคนแล้ว ปั้นหน้าราวกับสูญเสียบิดา มารดา ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบต้องอาเจียน

อย่าว่าแต่สถานที่ไปของข้าพเจ้านี้ไม่ไกลนัก มิแน่ว่าอีก 4-5 วันก็จะกลับมาได้

 

ในคำกล่าวต่อเนื่องยาวเหยียดของลี้คิมฮวง แม้จะมีเสียงแย้งและขัดจากเล้งโซ่วฮุ้นในเบื้องต้น แต่ในที่สุดก็สมคล้อย สอดคล้อง คล้องประสาน

ผ่านการยอมรับของเล้งโซ่วฮุ้น

“ใช่แล้ว ตอนท่านกลับมาข้าพเจ้าต้องไปต้อนรับท่านแน่นอน ในตอนนั้นเราสองค่อยดื่มกันให้สมใจสักพัก”

พลันมีคนผู้หนึ่งกล่าวเสียงราบเรียบ

“ทั้งที่พวกท่านรู้แน่ว่า ลี้คิมฮวงไปครานี้ไม่มีทางได้กลับมาอีกแล้วตลอดกาล ไยยังต้องหลอกลวงตัวเองกันอีกด้วย”

ลิ่มซีอิมเดินช้าๆ เข้ามา ใบหน้าที่สวยสะคราญคล้ายซูบซีดกว่าเดิมอีกมากหลาย

นี่เป็นอีกฉากซึ่งสำคัญและมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะมองผ่าน “ฤทธิ์มีดสั้น” ไม่ว่าจะมองผ่าน “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า”

จำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจ

เริ่มจากสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ตามมาด้วยสำนวนแปล น.นพรัตน์ จะยิ่งทำให้ปักหมุดในทางความคิดได้

แท้จริงลี้คิมฮวงรู้หรือไม่ แท้จริงเล้งโซ่วฮุ้นคิดอย่างไร

 

ในดวงตาลี้คิมฮวงปรากฏแววเจ็บช้ำรันทดขึ้นทันที แต่ยังคงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ข้าพเจ้าไหนเลยไม่กลับมา พวกท่านต่างเป็นสหายรักที่สุดของข้าพเจ้า”

ลิ่มซีอิมมิยอมให้ลี้คิมฮวงกล่าวจบคำ

นางสอดเสียงเย็นชา “ผู้ใดเป็นสหายรักของท่าน ในที่นี้ไม่มีสหายของท่านเลย”

นางพลันชี้เล้งโซ่วฮุ้นแล้วกล่าวต่อ

“ท่านเข้าใจว่ามันเป็นสหายของท่าน หากมันเป็นสหายของท่านก็ควรปล่อยท่านหนีไปทันที”

เล้งโซ่วฮุ้นร้องขึ้น “แต่ว่ามัน…”

ลิ่มซีอิมสอดคำทันที “มันไม่ไป เป็นเพราะกลัวฉุดรั้งท่านได้รับภัยด้วย แต่ท่านเหตุใดไม่ปล่อยมัน ไปหรือไม่เป็นเรื่องของมัน ปล่อยหรือไม่เป็นเรื่องของท่าน”

นางมิรอให้เล้งโซ่วฮุ้นตอบมา ก็พุ่งตัวออกไปทันที

 

ย้อนกลับไปพลิก “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า” ในดวงตาลี้ชิ้มฮัวทอแววปวดร้าวขึ้น แต่ยังคงยิ้มพลางกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าไฉนไม่กลับมา พวกท่านล้วนเป็นสหายรักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า…”

ลิ้มซีอิมไม่ปล่อยให้ลี้ชิ้มฮัวกล่าวจบ ชิงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ผู้ใดเป็นสหายรักของท่าน ที่นี้ไม่มีสหายของท่าน”

นางพลันชี้มือไปยังเล้งเซ่าฮุ้น กล่าวว่า

“ท่านเข้าใจว่าเขาเป็นสหายของท่านหรือ หากเขาเป็นสหายของท่านก็สมควรปลดปล่อยท่านไปในบัดดล”

เล้งเซ่าฮุ้นกล่าวว่า “แต่ว่าเขา…”

ลิ้มซีอิมกล่าวว่า “เขาไม่ไปเพราะกลัวสร้างความลำบากแก่ท่าน แต่ท่านไฉนไม่ปลดปล่อยเขา ไปหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ปลดปล่อยหรือไม่กลับเป็นเรื่องของท่าน”

นางไม่รอให้เล้งเซ่าฮุ้นตอบคำ ก็หมุนตัวโถมออกไป

 

ไม่ว่า “ฤทธิ์มีดสั้น” ไม่ว่า “เซี่ยวลี้ปวยตอ” เมื่อบรรยายท่าทีของเล้งโซ่วฮุ้นสอดรับกัน ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกแล้ว

“โกวเล้ง” บรรยายรายละเอียดฉากตอนนี้อย่างระมัดระวัง

เป็นความระมัดระวังที่เหมือนกับว่าลี้คิมฮวงจะไม่เข้าใจ ที่เหมือนกับว่าเล้งโซ่วฮุ้นจะเปี่ยมด้วยความห่วงหาอาทร

เหมือนกับจะมีแต่ลิ่มซีอิมเท่านั้นที่มองทะลุ

ขณะเดียวกัน ความเป็นห่วงต่ออาฮุยที่ลี้คิมฮวงมีอย่างท่วมท้นบ่งบอกความนัยและความมั่นใจออกมาอย่างแจ่มชัด

แจ่มชัดเมื่อสะท้อนความแคลงคลางกังขาของเล้งโซ่วฮุ้น

ต่อเมื่อการสนทนาใกล้จบและมีเสียงร้องตะโกนมาจากเบื้องนอกเรียกหา “เล้งสี่เอี้ย เล้งสี่เอี้ย” นั้นหรอก

ทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลายด้วยรอยยิ้มของลี้คิมฮวง

“สุราของข้าพเจ้าดื่มพอแล้ว ตั่วกอไปเถอะ แต่จดจำไว้ เช้าวันพรุ่งนี้อย่าได้ส่งข้าพเจ้าเด็ดขาด”

นั่นคือความเชื่อ นั่นคือความมั่นใจ

 

ว. ณ เมืองลุง ถอดความออกมาว่า เล้งโซ่วฮุ้นเดินช้าๆ ไปที่ปากประตู แต่พอพ้นธรณีประตู ฝีเท้าของมันพลันรวดเร็วกว่าเดิมแลเห็นชั้งชิกยืนอยู่ใต้ร่มไม้ในสวน กำลังกวักมือเรียกมันอยู่

เล้งโซ่วฮุ้นจึงเร่งฝีเท้าเข้าไป ลดเสียงแผ่วเบากล่าว “ได้ผลแล้วกระมัง”

รับไม้ต่อด้วยสำนวน น.นพรัตน์ “พวกท่าน 10 กว่าคน บวกกับซิมไบ๊ไต้ซือและซิงแซขลุ่ยเหล็กยังจัดการกับเด็กน้อยผู้หนึ่งไม่ได้”

ฉั้งฉิกฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า

“เด็กน้อยนั้นร้ายกาจจริงๆ ถึงกับน่ากลัวอยู่บ้าง เตี่ยเล่าตั่ว (อันดับหนึ่งแซ่เตี่ย) ถูกมันทำร้ายยังพอทำเนา แม้แต่ซิงแซขลุ่ยเหล็กยังรับบาดเจ็บใต้คมกระบี่มัน”

ที่ระบุในตอนต้นว่า “เผยโฉมที่แท้จริง” จึงเป็นอย่างนี้เอง

นั่นก็คือ การหลอกล่อให้อาฮุยเข้ามายังตึกเมฆโรจน์โดยลิ่มเซียนยี้ การจัดวางกำลัง-ไว้ภายใน การนำลี้คิมฮวงออกจากห้องเก็บฟืนโดยเล้งโซ่วฮุ้น

ล้วนเป็นการวางแผน “ร่วม” อย่างแยบยล

 

ที่หลังต้นไม้มีภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ฉั้งฉิกกับเล้งเซ่าฮุ้นเพิ่งจากไป ที่หลังภูเขาจำลองปรากฏเงาร่างสายหนึ่งแสดงตนขึ้นดุจวิญญาณภูตพราย

ในดวงตาคู่งามของนางเปี่ยมแววตื่นตระหนกคลางแคลง

เต็มไปด้วยความคับแค้นรันทด ตลอดทั้งร่างของนางสั่นระริก น้ำตาไหลรินลงอาบสองแก้ม

สามีของนางกลับเป็นโจรที่ทรยศต่อสหาย