ศึกทุนจีนสีเทาบาน ‘สันธนะ’ ฉะ ‘ชูวิทย์’ ด่าแรง-ฟ้องกันนัว! สางต่อผับศูนย์เหรียญ

เพิ่มดีกรีความเดือดมากขึ้นทันที สำหรับกรณีการปราบปรามทุนจีนสีเทาที่มาลักลอบเปิดสถานบริการผับบาร์-บ่อนการพนันในประเทศไทย

เมื่อมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้น เป็นอดีตนายตำรวจคนดัง สันธนะ ประยูรรัตน์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

เปิดหน้าซัดกันจะจะกับชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเสี่ยอ่าง ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ กล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจให้มีการเสพยาภายในผับที่เปิดภายในโรงแรมของนายชูวิทย์ พร้อมทั้งยังแจ้งความดำเนินคดีในความผิดเปิดเกินเวลา

พร้อมกันนั้นยังขอเป็นนายประกันให้เสี่ยทุนจีนที่ถูกจับกุม

เป็นการเพิ่มคู่ขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งแตกขยายไปจากเรื่องทุนจีนสีเทา

กลายเป็นคำถามที่นายชูวิทย์ ซัดตรงถึงนายสันธนะ มาเคลื่อนไหวแจ้งจับหลัง ตร.ทลายแก๊งทุนจีนไปเพียงไม่กี่วัน

พร้อมประกาศไม่เจรจา ฟ้องกลับทุกคดีที่ทำให้เสียหาย

บทสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตาม!!!

บุกโรงแรมชูวิทย์

สันธนะซัดชูวิทย์ปล่อยมั่วยา

เหตุการณ์นี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกี่ยวพันกับการบุกทลายเครือข่ายทุนสีเทาชาวจีน ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล 2 รอง ผบ.ตร. ลุยเดินหน้าขยายผลการบุกจับผับจินหลิง ย่านยานนาวา แล้วพบเปิดบริการผิดกฎหมาย แถมขายยาเสพติดให้นักเที่ยวชาวจีนอย่างโจ๋งครึ่ม

ตามมาด้วยการแฉขบวนการ 5 มาเฟียชาวจีน รวมทั้งพาดพิงไปถึงเจ้าพ่อเมืองกรุง อดีตรัฐมนตรีนักการเมืองดังที่เข้าไปมีส่วนร่วมในขบวนการ ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่สร้างความฮือฮาให้สังคมอย่างกว้างขวาง

และเริ่มร้อนแรงยิ่งขึ้นเมื่อมีตัวละครใหม่เข้ามายุ่งเกี่ยว

โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจคนดัง เดินทางไปที่สถานกักตัวคนต่างด้าว สตม. เพื่อขอยื่นประกันตัวนายเดวิด นักธุรกิจชาวจีน เจ้าของผับเบบี้เฟซ ย่านคลองตัน กทม.ที่ถูกบุกจับ และตั้งข้อหาช่วยซ่อนเร้น ช่วยกันจำหน่ายตามความผิดกฎหมายศุลกากร ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สรรพสามิต

พร้อมพาดพิงถึงนายชูวิทย์ ที่ระบุถึงกลุ่ม 5 มาเฟียจีนนั้น อยากถามว่ารู้จักเขาไหม เพราะตนรู้จักหมด การพูดจาเช่นนี้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่ได้ค้ายาเสพติด ต่อจากนี้หากไม่รับคนจีนก็ปิดประเทศแล้วไล่ออกไปทั้งหมด

รวมทั้งยังอ้างว่ามีการพาดพิงถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่ามีความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ เป็นเรื่องการเมือง เพราะก่อนนี้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวดำเนินคดีอะไร แต่กลับมาทำตอนนี้ มองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกิดจากความไม่พอใจส่วนตัว พร้อมจะชี้แจงแทนกลุ่ม 5 เสือชาวจีนที่ถูกพาดพิง เรียกร้องความเป็นธรรมให้ เพราะไม่มีโอกาสชี้แจง ส่วนที่อ้างกลุ่มทุนจีนจ้าวเหว่ยนั้น คนที่ถูกอ้างก็ไม่ได้อยู่ในไทย จึงไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

การันตีความบริสุทธิ์ของกลุ่มนักธุรกิจจีน!!!

ไม่เพียงแค่นั้น ยังเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เมื่อตอนตี 4 วันที่ 5 พฤศจิกายน ระบุว่าสถานบริการชื่อ The Lobby X Chuweed ภายในโรงแรมเดวิส โฮเทล คอร์เนอร์ วิง (Davis Hotel Corner Wing) บนถนนสุขุมวิท ย่านคลองเตย กรุงเทพฯ ของนายชูวิทย์ เปิดเกินเวลา และมีกลุ่มนักเที่ยวเข้าไปมั่วสุมยาเสพติด

เป็นคดีความที่บานปลายจากการแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา!!!

แถลงแฉซ้ำ

โยงที่มาแฉทุนจีน-ฟ้องกันนัว

ว่องไวไม่แพ้กัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความในช่วงตี 4 ต่อมาเวลาบ่าย 3 ตำรวจ สน.ทองหล่อ ก็เข้าตรวจสอบสถานบริการดังกล่าว โดยมีนายชูวิทย์ในฐานะเจ้าของโรงแรมนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณห้องน้ำชาย-หญิง ที่ล็อบบี้ชั้นล่าง และห้องโถงจัดงานที่ชั้น 2 ของโรงแรม

โดยนายชูวิทย์ระบุว่า โรงแรมนี้มีใบอนุญาตถูกต้อง มีล็อบบี้เปิดให้เช่าเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ รับจัดงานปาร์ตี้ งานสังสรรค์ ไม่เคยถูกตำรวจจับยาเสพติด และเลิกทำธุรกิจสีเทาทั้งหมดแล้ว โรงแรมนี้ลูกบริหาร และเป็นสถานที่เปิด มีร้านกาแฟ ล็อบบี้ใกล้กันคนเข้าออกตลอด

ขณะที่นายสันธนะก็เดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าว พร้อมเผชิญหน้ากับนายชูวิทย์ ยืนยันว่ามีสายลับของคนเข้ามาในงาน พบแขกเข้าใช้ห้องน้ำชาย-หญิงพร้อมกันนับสิบคน ในลักษณะที่ผิดวิสัย มีการ์ดคอยคุ้มกัน เชื่อว่ามีสารเสพติดค้างอยู่ แม้ตำรวจจะบอกว่าไม่พบสิ่งผิดปกติก็ตาม

ยืนยันตรวจสอบตามปกติ ไม่เกี่ยวกับผับจินหลิงที่ถูกกวาดล้างไปแน่นอน

ต่อมาวันที่ 8 พฤศจิกายน นายสันธนะเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่ออีกครั้ง เอาผิดนายชูวิทย์ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีที่นายชูวิทย์แถลงข่าวเรียกตัวเองเป็นสัตว์ 4 ขา

พร้อมจี้ตรวจสอบวงจรปิดของสถานบันเทิงในโรงแรมนายชูวิทย์ และสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องเอาผิดให้ได้

ด้านนายชูวิทย์ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ ตั้งข้อสังเกตการออกมาตรวจสอบโรงแรมตนเกิดขึ้นหลังแฉ 5 เสือมาเฟียไปหยกๆ เรียกว่ารวดเร็วคุ้มราคา แต่คลิปที่เอามาเปิดเผยอ้างว่ามีการเสพยา เป็นคลิปในห้องน้ำ เป็นพื้นที่ส่วนตัว ยากที่เจ้าของสถานที่จะตรวจสอบภายในห้องส้วมทุกห้องได้

ยืนยันไม่ได้สนับสนุนให้มั่วสุมเสพยาในห้องน้ำโรงแรม และไม่ทราบว่าโรงแรมอื่นเอาการ์ดไปเฝ้าหน้าห้องน้ำหรือไม่

ระบุอีกว่า เตรียมใจว่าเมื่อเป็นนักแฉ ก็ต้องมีคนแฉกลับ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล แต่หากพิจารณาจะเห็นว่าสิ่งที่แฉเกี่ยวกับทุนจีนสีเทา ก็พบว่าเมื่อขยายผลพบเงินสด ซูเปอร์คาร์ บ้านหรู มีหญิงจีนตายคาผับเพราะเสพยาเกินขนาด เชื่อมโยงแก๊งบัตรประชาชนปลอม คอลเซ็นเตอร์ ครบสูตรสายดำที่ทำร้ายประเทศ

ก่อนโพสต์เดือดอีกครั้ง ว่าเตรียมดำเนินคดีนายสันธนะ แจ้งความกลับฐานข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของสถานที่ รู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนให้มีการเสพยา

ผลสรุปจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู!!!

ยึดรถหรู

ค้นคอนโดฯ หรูยึดทรัพย์เพิ่ม

ขณะที่การดำเนินคดีกับกลุ่มธุรกิจสีเทาชาวจีน ก็ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยหลังจากเปิดฉากบุกจับผับจินหลิง และปูพรมค้นหลายจุดทั่วประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สั่งการให้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมหรู 2 จุดกลางกรุงที่ต้องสงสัยเชื่อมโยงร้านจินหลิง

จุดแรกคือ อาคารบันยันทรี ตั้งอยู่เลขที่ 1188/105 ชั้น 33 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กทม. ตรวจยึดรถหรูโรลส์-รอยซ์ 2 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ 2 คัน โตโยต้า เวลไฟร์ โตโยต้า อัลพาร์ด เงินสด 19,088,000 บาทในตู้เซฟ กำไล แหวน นาฬิกายี่ห้อหรู กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนม โฉนดห้องชุด 3 ใบ สุราและไวน์ราคาแพงจำนวนมาก

พบนายจะหมี่ แซ่หลี่ อายุ 24 ปี และ น.ส.ณัฐชา แซ่หยาง อายุ 25 ปี ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร มีภูมิลำเนาอยู่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แสดงตนเป็นผู้นำตรวจค้น และสืบสวนทราบว่าห้องคอนโดฯ เป็นของนายหวัง เจิ้นหนาน อายุ 21 ปี

จุดที่ 2 ตึกมหานคร ห้องเลขที่ 114/35-36 ชั้น 59 พบยาอี โทรศัพท์มือถือ ไพ่กระดาษ 60 สำรับ สุราราคาแพงหลากหลายยี่ห้อ 120 ขวด โดยราคาแพงสุด 2,000,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้ง 2 จุด ประมาณ 150 ล้านบาท รวมทั้งตรวจยึดเอกสารสำคัญและโทรศัพท์มือถืออีกหลายรายการ เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเชื่อมโยงผับจินหลิง

ขณะที่นายชูวิทย์ก็ยังเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้เป็นอีกกลุ่มทุนชาวจีน นอกเหนือจาก 5 มาเฟียที่เคยเปิดโปงไปก่อนหน้านี้ โดยเป็นกลุ่มที่ใส่สูทปล้น เป็นบริษัทศูนย์เหรียญ ที่จดทะเบียนเมื่อปี 2543 มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท เป็นบริษัทที่ต่างชาติถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์

โดยเมื่อเริ่มก่อตั้ง มีชาวไทย 6 คน ต่างด้าว 6 คน มีกรรมการบริษัท 2 คน เป็นต่างชาติรายหนึ่งและชาวไทยอีกหนึ่ง ทุนจดทะเบียน 16,000,000 บาท แต่ถัดมาเพียงปีเดียว เอกสารลงวันที่ 30 เมษายน 2544 มีรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็นชาวจีนทั้งหมด 7 คน และรายชื่อกรรมการบริษัทสลับสับเปลี่ยนเรื่อยมาจนไม่มีกรรมการเป็นชาวไทย พร้อมกับทุนจดทะเบียนที่เพิ่มสูงขึ้นจดถึง 80,000,000 บาท

พฤติกรรมคือมาประมูลงานติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าของหน่วยงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เมื่อปี 2560 ทั้งที่กฎหมายกำหนดห้ามบริษัทต่างด้าวประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความสามารถพร้อมจะแข่งขัน

ซึ่งจากเอกสารพบว่าได้เสนอราคาต่ำสุดที่วงเงิน 90 ล้านบาท และสั่งสินค้าทุกอย่างมาจากจีนโดยตรง สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย

เป็นอีก 1 กลุ่มทุนสีเทาจากจีน ที่ต้องเร่งดำเนินการ!!!