เปิดเบื้องลึก! เกาหลีเหนือรัวยิงขีปนาวุธ

(Photo by JUNG YEON-JE / AFP)

ดูจะเป็นของแสลงสำหรับเกาหลีเหนือ กับการซ้อมรบร่วมของกองทัพเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกาบนคาบสมุทรเกาหลี ที่ครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งสองชาติได้ปฏิบัติการซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ร่วมกัน ภายใต้รหัสที่เรียกว่า Vigilant Storm

โดยทั้งสองชาติส่งฝูงเครื่องบินรบเข้าร่วมภารกิจซ้อมรบครั้งนี้รวมกันมากถึง 240 ลำ ซึ่งมีเครื่องบินขับไล่ล่องหนเอฟ-35 หนึ่งในเครื่องบินรบที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก และเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-1บี ของสหรัฐร่วมในภารกิจครั้งนี้ด้วย

ซึ่งกระตุกต่อมเดือดให้เกาหลีเหนือแสดงความกราดเกรี้ยวและตอบโต้ออกมาทันควัน

ด้วยการทำการทดสอบยิงขีปนาวุธที่มีอยู่ในคลังแสงลงสู่ทะเล เฉียดเขตแดนของเกาหลีใต้ไปแบบรัวๆ ต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ รวมแล้วมากกว่า 80 ลูก

Photo by KCNA VIA KNS / AFP

จากการวิเคราะห์ของกองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงออกมามีทั้งขีปนาวุธพิสัยใกล้ (เอสอาร์บีเอ็ม) และขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่มีพิสัยโจมตีได้ไกลถึงดินแดนของสหรัฐ

ยังไม่นับรวมการรัวยิงปืนใหญ่ท้าทายอีกเป็นร้อยนัดออกมาของเกาหลีเหนือ ที่ทำให้บรรยากาศบนคาบสมุทรเกาหลียิ่งร้อนระอุ จากที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดเรื่อยมาตั้งแต่ต้นปีจากการที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบยิงขีปนาวุธถี่ยิบเป็นประวัติการณ์

ท่ามกลางการคาดหมายของหลายฝ่ายที่จับสัญญาณว่าเกาหลีเหนืออาจจะกำลังเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์ในไม่ช้าไม่นานนี้ขึ้นอีกด้วย

ที่จะเป็นครั้งแรกนับจากปี 2017 หลังจากเกาหลีเหนือได้ระงับการทดสอบนิวเคลียร์ไปภายหลังจากการเจรจาของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐในขณะนั้น ที่ทำให้ท่าทีเป็นปฏิปักษ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือสงบลงได้อยู่ชั่วระยะหนึ่ง

(Photo by ANTHONY WALLACE / AFP)

หากมองอย่างผิวเผินก็อาจตีความได้ว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธจำนวนมากภายในเวลาเพียงไม่กี่วันเช่นนี้ของเกาหลีเหนือ ก็เพื่อเป็นการแสดงการตอบโต้เอาคืนการซ้อมรบของเกาหลีใต้กับสหรัฐ ที่เกาหลีเหนือก่นประณามว่าเป็นการกระทำยั่วยุคุกคามตนเอง

แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าเกาหลีเหนืออาจมีเหตุผลอื่นที่มากกว่านั้นในการยิงขีปนาวุธอย่างไม่ยั้งมือเช่นครั้งนี้

เมสัน ริชี อาจารย์จากมหาวิทยาลัยฮันกุกการต่างประเทศ ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล กล่าวให้ความเห็นว่า นอกจากเกาหลีเหนือจะไม่ชอบใจการซ้อมรบทางอากาศของเกาหลีใต้และสหรัฐ โดยเฉพาะที่มีการส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ซึ่งระบบต่อต้านอากาศยานของเกาหลีเหนือยากจะป้องกันได้ เข้าร่วมแล้ว

เกาหลีเหนือยังอาจมีเหตุผลอื่น ที่รวมถึงการทดสอบแสนยานุภาพและความก้าวหน้าทางเทคนิคของอาวุธที่ตนเองพัฒนาขึ้น หรือเป็นการทดสอบความพร้อมและความสามารถของกำลังพลตนเอง หรือเป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อจะข่มเกาหลีใต้และสหรัฐ

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกรายมองว่าการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยไกล ตลอดจนอาวุธอื่นๆ ของฝ่ายเกาหลีเหนือนั้น อาจเป็นลางไม่สู้ดี ที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือกำลังซ้อมแผนโจมตีเป้าหมายสหรัฐที่อยู่ห่างไกลออกไป

Photo by Manan VATSYAYANA / POOL / AFP

ขณะที่ยาง มู จิน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล มองว่า หากมองในแง่ของการเมืองและการทูต คิม จอง อึน อาจกำลังมุ่งความสนใจไปที่การกดดันสหรัฐ ซึ่งกำลังมีการเลือกตั้งกลางเทอมอยู่ เพื่อให้ล้มเลิกนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ

ด้วยการทำให้ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลโจ ไบเดน ที่มีต่อเกาหลีเหนือนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกันยังอาจเป็นความมุ่งหมายของคิม จอง อึน ที่ต้องการจะเพิ่มเสียงสนับสนุนให้กับอำนาจปกครองของตนเองและแสดงให้เห็นว่าเมื่อเกิดปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี เขาคือคนที่คุมหางเสือประเทศ

นักวิเคราะห์หลายคนยังมองว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธมากมายครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือได้ทุ่มทรัพยากรที่มีอยู่ในการผลิตอาวุธมากกว่าที่เคยมีมา

และมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ดูเหมือนจะไม่สามารถสกัดขัดขวางการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือได้เลย

(Photo by KCNA VIA KNS / AFP)

เมสัน ริชี มองว่านี่อาจสะท้อนได้ว่าเกาหลีเหนือจะต้องมีเชื้อเพลิงและขีปนาวุธมากพอ หรือมีศักยภาพในการผลิตอาวุธใหม่ได้อย่างรวดเร็ว หรือสามารถจัดหาส่วนประกอบในการผลิตอาวุธมาได้จากต่างประเทศ

เหล่านี้ล้วนตอกย้ำให้เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือนั้น ที่ผ่านมาทำงานได้ไม่ดีเพียงใด และอาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงอนาคต

สอดคล้องกับข้อมูลของฮิวจ์ กริฟฟิธส์ อดีตผู้ประสานงานของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นที่กำกับดูแลด้านการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ บอกว่า เกาหลีเหนือยังคงอาศัยส่วนประกอบต่างๆ ในการผลิตอาวุธ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยมีรัสเซียและจีนเป็นประเทศที่มีบริษัทนายหน้าจัดหาส่วนประกอบอาวุธเหล่านี้ให้กับเกาหลีเหนือ

นั่นเป็นอีกช่องทางที่ทำให้เกาหลีเหนือสามารถทดสอบอาวุธได้อย่างไม่ยั้งมือ และไม่ยี่หระกับมาตรการคว่ำบาตรที่ได้รับ ซึ่งโลกก็คงจะได้เห็นเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธป่วนคาบสมุทรเกาหลีเช่นนี้ต่อไป