เมื่อ ‘เอเชียนอเมริกัน’ คือปัจจัยชี้ผลเลือกตั้งอเมริกา! | เทศมองไทย

(Photo by Jason Connolly / AFP)

ผมหยิบข้อเขียนของ “แมร์เรียน โจว” แห่งนิกเกอิ เอเชีย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าด้วยอิทธิพลของชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ที่มีต่อผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกามาเล่าสู่กันฟัง ทั้งๆ ที่วันที่ลงมือปั่นต้นฉบับเป็นวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งคือวันเลือกตั้งที่ว่านั้น

เป็นเพราะความสนใจส่วนตัวเป็นสำคัญ ต้องการรู้ว่า เอเชียนอเมริกัน มีทัศนะ มีความคิดเห็นอย่างไรในทางการเมือง ยิ่งแมร์เรียนบอกว่า การลงคะแนนของชุมชนเอเชียนอเมริกันในครั้งนี้ สามารถส่งผลต่อการเมืองในสหรัฐอเมริกา ทั้งในตอนนี้และในการเลือกตั้งต่อไปในอนาคต

ข้อเขียนชิ้นนี้เลยยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีกไม่น้อยเลยครับ

ส่วนเรื่องผลการเลือกตั้ง ขอยกเอาไว้ก่อน เพราะอย่างไรเสีย รอยเตอร์ก็ยืนยันว่า กว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอม ที่ประกอบด้วยการเลือก ส.ส. 435 ที่นั่ง, ส.ว. 35 ที่นั่ง กับผู้ว่าการรัฐอีก 36 รัฐ กันแบบหมดจดจริงๆ ก็อาจต้องใช้เวลาตลอดทั้งคืน หรือไม่ก็หลายวันเลยทีเดียว กว่าจะรู้ชัดเจนว่าเดโมแครต หรือรีพับลิกัน กันแน่ที่จะครองเสียงข้างมากในสภาล่างและสภาสูงของสหรัฐอเมริกา

(Photo by RINGO CHIU / AFP)

แมร์เรียนเริ่มข้อเขียนของเธอด้วยการบอกว่า พิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ ประเมินเอาไว้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่เป็นอเมริกันเชื้อสายเอเชีย (แปซิฟิก) มากถึงกว่า 13.3 ล้านคน

คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 5.5 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งทั้งหมด

ตัวเลขดังกล่าวนั้นทำให้เอเชียนอเมริกัน กลายเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่ขยายตัวเติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกาในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

เห็นหรือยังครับว่า ทำไมแมร์เรียนถึงได้บอกว่า ชุมชนคนเอเชียนอเมริกันกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดผลการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา

บางคนอาจแย้งว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่แมร์เรียนชี้ให้เห็นว่า ชุมชนเอเชียนอเมริกันเคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่าสามารถส่งผลสะเทือนถึงการเมืองระดับชาติได้อย่างไร

เธอบอกว่า ในการเลือกตั้ง “รันออฟ” หรือการเลือกตั้งรอบสองเพื่อชี้ขาดผู้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของรัฐจอร์เจียเมื่อต้นปี 2021 สมาคมนักกฎหมายเอเชียนแปซิฟิกแห่งรัฐจอร์เจีย (the Georgia Asian Pacific American Bar Association) เข้ามามีบทบาทในการรณรงค์หาเสียงเพื่อผู้สมัครของพรรคเดโมแครต จนได้รับชัยชนะ ส่งผลให้พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภามาจนกระทั่งถึงการเลือกตั้งครั้งนี้

แมร์เรียนบอกว่า โดยปกติแล้วชุมชนเอเชียนอเมริกันโดยรวมมักมีแนวคิดค่อนไปทางซ้าย เอนเอียงไปในทางพรรคเดโมแครต

แต่ในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้กลับไม่มีความชัดเจนว่าระหว่าง เดโมแครตหรือรีพับลิกัน เอเชียนอเมริกันจะเลือกอยู่ข้างไหนกันแน่

แนวโน้มจึงออกไปในทางที่เป็น “สะวิงโหวต” คือไปตัดสินใจกันในวันเลือกตั้งกันเสียมากกว่า

เองเจลา ซู ประธานสมาคมนักกฎหมายเอเชียนแปซิฟิกแห่งรัฐจอร์เจียเอง ชี้ว่า ความคิดเห็นของคนเอเชียนอเมริกัน ต่อพรรคการเมืองทั้งสองพรรคครั้งนี้ผสมปนเปกันไป

คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียมักยึดเอาสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยชี้ขาดลำดับหนึ่ง เพราะหลายๆ คนทำงานอาชีพต่างๆ หรือไม่ก็เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้ทำใจเลือกเดโมแครตค่อนข้างยากในสภาวะเศรษฐกิจทรุดแบบตอนนี้

แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังถือเอาเรื่องการควบคุมการใช้และครอบครองอาวุธปืนสำคัญในอันดับต้นๆ เช่นกัน เพราะปัญหาเรื่องอาชญากรรมจากการเกลียดชังเชิงชาติพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นกราดยิงคนเอเชียนในนครแอตแลนต้า เมื่อปีที่ผ่านมาและอีกหลายๆ เหตุการณ์ ก็ยังฝังอยู่ในใจ แล้วก็เป็นที่รู้กันดีเช่นกันว่า รีพับลิกันไม่เอาเรื่องการควบคุมอาวุธปืนเอาเลย

แองเจลา ซู ถึงกับบอกว่า ไม่แน่นัก คนเอเชียนอเมริกันอาจมาลงคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้น้อยไปเลยเพราะไม่ชอบทั้งสองพรรค

(Photo by Olivier Touron / AFP)

ปัญหาเรื่องอาชญากรรมด้วยการเกลียดชังเชิงชาติพันธุ์ ทำให้การตัดสินใจเลือกพรรคของคนเชื้อสายเอเชียในสหรัฐอเมริกา ซับซ้อนขึ้นไม่น้อย

แมร์เรียนสอบถามบอนนี่ ยูน ในประเด็นนี้ ได้รับคำตอบว่า กลุ่มเอเชียนอเมริกันที่สูงอายุหน่อย ต้องการให้การบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็งขึ้น ในทำนองว่า “จับกุมไปให้หมด” แต่ในอีกบางส่วน กลับเรียกร้องหาแนวทางที่ยั่งยืนกว่านั้น เช่น การหาวิธีการอื่นๆ ในการสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนให้ดีขึ้น หรือหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาความเป็นธรรมในชุมชนให้มากขึ้น

เรื่องของเรื่องก็เลยออกมาไม่ชัดเจนดังกล่าว

คนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ให้ความสำคัญกับการประกันสุขภาพ, การมีงานทำและเศรษฐกิจ, อาชญากรรม, การศึกษา, การควบคุมอาวุธปืน, และสิ่งแวดล้อม, การแก้ปัญหาสิทธิ์ในการเลือกตั้ง และการแก้ไขการเหยียดชาติพันธุ์

เอเชียนอเมริกันรู้สึกว่า เดโมแครตทำได้ดีในแง่ของการประกันสุขภาพ, การควบคุมอาวุธปืน, สิ่งแวดล้อม, สิทธิ์ในการเลือกตั้งและปัญหาชาติพันธุ์ แต่ก็ยังแย้งกันอยู่ในชุมชนเองว่า พรรคไหนทำได้ดีกว่ากันในด้านเศรษฐกิจ, อาชญากรรมและนโยบายต่างประเทศ

นโยบายเผชิญหน้ากับจีนของทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน ยิ่งทำให้เอเชียนอเมริกันรู้สึกสับสนและกลัวว่าจะตกเป็นเป้ามากขึ้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิดใหม่ๆ

หวู อี้ผิง อเมริกันเชื้อสายจีนในนิวยอร์ก ที่เคยเป็นผู้นำต่อต้านอาชญากรรมด้วยความเกลียดชังต่อคนเชื้อสายเอเชีย บอกว่า อาจบางที เอเชียนอเมริกันคงต้องลงคะแนนให้เป็นประเด็นๆ ไป ไม่ใช่เหมารวมเป็นพรรคอีกต่อไป

ที่น่าสนใจก็คือ แนวโน้มที่ปรากฏในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะคงอยู่ต่อเนื่องในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่ น่าติดตามนะครับ