“อายอาย” กับปริศนาแห่งการแคะขี้มูก! | ป๋วย อุ่นใจ

ดร. ป๋วย อุ่นใจ

ลึกอีกนิด ลึกอีกนิด จะจามแล้ว…ฮัดเช่ยยยย!

สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดอย่างหนึ่งของการตรวจ ATK ก็คือการทิ่มแทงแยงเข้าไปในโพรงจมูก เพื่อสวอปตัวอย่างออกมาตรวจหาเชื้อ ตรวจกี่ที กี่ครั้งก็ยังไม่ชิน

แต่เรื่องแบบนี้ อาจจะมีคนชอบก็ได้ บางทีสิ่งมีชีวิตบางชนิด อาจจะฟินกับการแยงจมูก ยิ่งแยงลึกยิ่งมัน แยงเข้าไปแล้วปั่น ยิ่งเพลิน อะไรประมาณนี้

งานวิจัยสำรวจพฤติกรรมวัยรุ่นอินเดียจำนวน 200 คนที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Clinical Psychiatry ในปี 2001 เผยว่าวัยรุ่น ม.ปลายจากแดนภารตะจะแคะขี้มูกตัวเองโดยเฉลี่ย ถึงวันละราวๆ 4 ครั้ง และนั่นถือเป็นเรื่องปกติ

งานนี้โด่งดังมาก และเป็นงานวิจัยที่คว้ารางวัลอิ๊กโนเบลไปครองได้สำเร็จ ในปีเดียวกันนั้น

คุณอาจจะคิดว่าแค่แคะขี้มูก ไม่เห็นจะแปลก… คัดจมูก ระคายเคือง ก็ต้องแคะ เรื่องธรรมดา แต่จากการศึกษาค้นคว้าการแยงจมูกในสิ่งมีชีวิตอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยทีมภัณฑารักษ์จากหลายประเทศ ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ สวิตเซอร์แลน และสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาในวารสาร Journal of Zoology ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้บ่งชี้ชัดเจนว่า

“การแยงจมูกนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับสัตว์”

จวบจนถึงปัจจุบัน มีสัตว์แค่ 12 ชนิดเท่านั้น ที่เคยมีรายงานว่ามีความสามารถในการแยงจมูก แคะขี้มูกตัวเอง และทั้งหมดอยู่ในกลุ่มไพรเมต

โรเบอร์โต พอร์เทลา ไมเกซ (Roberto Portela Miquez) ภัณฑารักษ์อาวุโสจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในลอนดอน เผยว่า สิ่งมีชีวิตที่จะมีศักยภาพในการแคะขี้มูกได้นั้นจะต้องเป็นพวกที่มีนิ้ว และสามารถใช้นิ้วได้คล่องแคล่วและพลิ้วไหวเท่านั้น ซึ่งก็มีเหตุมีผลดี ลองจินตนาการว่าถ้าม้าเอาขาแคะขี้มูก จมูกถ้าไม่บาน ก็คงแหว่ง เพราะงั้น พวกที่แคะจมูกตัวเองได้ นอกจากคนแล้ว หลักๆ เลยก็จะมีแต่กลุ่มวงศ์วานใกล้คน อย่างชิมแปนซี อุรังอุตัง กอริลลา คาปูชิน และลิงแม็กแค็ก (macaque) ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเอานิ้วแหย่ๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

แต่ที่แอดวานซ์หน่อย ก็จะเป็นพวกที่รู้จักประยุกต์ใช้ครื่องทุ่นแรง อย่างชิมแปนซี และคาปูชิน ที่แม้ว่านิ้วจะสั้นและใหญ่ แยงได้ไม่ถนัด ถ้าเทียบกับรูจมูก ก็ยังหาอุปกรณ์เสริมอย่างกิ่งไม้ใบหญ้า มาแยงมาปั่นได้แบบฟินๆ

แต่เปเปอร์นี้ ที่จริงแล้ว มีต้นกำเนิดมาจากคาลี (Kali) อายอายสาว จากศูนย์วิจัยลีเมอร์ มหาวิทยาลัยดู๊ก (Duke Lemur Center) ในประเทศสหรัฐอเมริกา

อายอาย (Aye Aye) คือลีเมอร์ชนิดหนึ่งที่พบในมาดากัสการ์ เป็นสัตว์ที่ออกหากินในยามราตรีที่มีหน้าตาที่อัปลักษณ์จนเป็นเอกลักษณ์ จนคนขนานนามมันว่า “ปีศาจราตรี”

มือของมันมีหกนิ้ว นิ้วนางและนิ้วกลางยืดยาวจนผิดส่วน อายอายที่โตเต็มวัยมีขนาดพอๆ กับแมว ใหญ่สุดก็น่าจะยาวได้ราวๆ ฟุตกว่าๆ แต่นิ้วกลางของมันอาจยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ายาวมากถ้าเทียบกับขนาดตัว เพราะถ้าอายอายตัวใหญ่เท่าคน นิ้วกลางคงยาวเป็นฟุต

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูผิดเพี้ยน ดูเผินๆ คล้ายกับตัวเวตาล ผนวกกับนิ้วที่ยาวจนผิดรูปจนเหมือนต้องคำสาป ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น อายอายเปรียบเสมือนพญามัจจุราชผู้มีนิ้วชี้เป็นชี้ตาย ถ้านิ้วกลางอายอายชี้ไปที่ใคร คนนั้นต้องม้วยมรณัง ถ้าเปรียบกับวรรณคดีไทยก็คงแนวๆ นิ้วเพชรของยักษ์นนทกในรามเกียรติ์

และด้วยความเชื่อนี้ เจอเมื่อไร ไม่ต้องรอให้ทันชี้ ยิงก่อนเลย พอโดนล่าไปเยอะ ซ้ำร้ายยังประสบปัญหาโดนรุกรานถิ่นที่อยู่ ประชากรอายอายในธรรมชาติก็เลยค่อยๆ ลดลงจนเข้าขั้นใกล้สูญพันธุ์

ที่จริงแล้ว นิ้วที่ยาวพิลึกพิลั่นของอายอายนั้น ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชอะไรพิสดาร แค่เอาไว้เคาะหาอาหารที่ซ่อนอยู่ตามหลังเปลือกไม้ ไว้เก็บกินแค่นั้น

แต่อายอายสาว คาลี จากเมืองลุงแซมนั้น วันดีคืนดีก็ใช้นิ้วกลางอย่างยาว แยงจมูก แคะขี้มูกซะงั้น แคะไม่แคะเปล่า แต่ควานด้วยความเมามัน หน้าตาบ่งบอกถึงความฟินาเล่แบบสุดๆ แยงจริง แยงจังไม่ยอมหยุด ถ้าเป็นการตรวจ ATK ก็เรียกว่าคงขุดมาจนหมดโพรงจมูก แถมแคะจบภารกิจยังไม่จบ ดึงออกมาลองลิ้มชิมรส

แถมเลียจนเกลี้ยงเกลาเสียด้วย! (อิ๊วววว)

ภาพสามมิติแสดงอายอายคาลีกำลังแคะจมูก และภาพสแกนตำแหน่งของนิ้วกลางที่แสนยืดยาวของอายอายในระหว่างกำลังแคะจมูก (image credit: Renaud Boistel)

“นี่คือการแคะขี้มูกของอายอายที่เอาจริงเอาจังมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะมองข้ามมันไปได้” แอนน์ แคลร์ เฟเบอร์ (Anne-Claire Fabre) ภัณฑารักษ์จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (National History Museum) สวิตเซอร์แลนด์กล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่แอนน์ได้เห็นความซกมกของอายอาย

ทันทีที่เห็น ด้วยสัญชาตญาณอินฟลูเอนเซอร์ แอนน์รีบคว้ากล้องของเธอขึ้นมาอัดคลิปทันที นี่น่าจะเป็นหัวข้อวิจัยที่น่าตื่นเต้น “พฤติกรรมการแคะขี้มูกของอายอาย” หมดกัน ภาพลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัวของปีศาจในตำนานผู้ชี้เป็นชี้ตายแห่งมาดากัสการ์

“เฮ้… นั่นคือสิ่งที่หนุ่มๆ เขาทำกันไม่ใช่เหรอ” แอนน์กล่าวแบบขำๆ ก่อนที่จะยอมรับว่าแม้จะมีหลักฐานเป็นคลิปชัดเจนว่าอายอายนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีพฤติกรรมแยงจมูก แต่ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้นะว่าทำไมมันถึงทำเช่นนั้น มีเหตุผลอะไรเบื้องหลังที่ทำให้น้องคาลียอมเสียฟอร์ม แยงจมูกเข้าไปเสียลึกเลย แถมเอาออกมาชิมอีก

บางทีอาจจะเป็นความเครียดที่ถูกกักขังอยู่ในศูนย์ลีเมอร์ ซึ่งแม้จะดูแลเป็นอย่างดีก็ยังไม่ใช่สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือไม่แน่อาจจะเป็นเหตุผลง่ายๆ อย่างคัดจมูก ระคายเคือง หรือมีแมลงไต่เข้าไปก็ได้

ในตอนนี้ คงไม่มีใครหรอกที่จะรู้คำตอบ (นอกจากน้องคาลีเอง) “และถ้าเรามองเป็นเรื่องยี้ ไม่คิดที่จะศึกษา เรื่องนี้ก็จะยังคงเป็นปริศนาต่อไป ที่ท้ายที่สุดแล้ว ก็จะไม่มีใครที่จะรู้คำตอบ” แอนน์ย้ำ

 

หลังจากเห็นคลิปคาลีแยงรูจมูกของแอนน์ เรอโนลด์ บัวสเทล (Renaud Boistel) ภัณฑารักษ์จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในนครปารีส ก็เริ่มสนใจ และเริ่มตั้งข้อสงสัยว่านิ้วยาวๆ ที่จิ้มเข้าไปเสียมิดโคนนี่ เข้าไปแล้ว ไปสุดอยู่ที่ตรงไหน… เมื่อศึกษาคาลีไม่ได้ เขาก็เลยย้อนกลับไปดูในพิพิธภัณฑ์ เจอกะโหลกและมือ ก็เลยเอามาแสกนภาพเป็นสามมิติ แล้วลองตีความดูว่าตำแหน่งไหนที่ในโพรงจมูกที่นิ้วกลางของเธอน่าจะแยงเข้าไปถึง

จากภาพสแกนสามมิติ ชัดเจนว่านิ้วของคาลีไปได้ลึกกว่าที่คิด ทิ่มผ่านโพรงจมูก ทะลวงยาวผ่านคอหอย แยงต่อเข้าไปในช่องปาก ผ่านทะลุลงไปถึงลำคอ เรียกว่าจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ

“มันเจ๋งมากเลยที่ตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ และเทคนิคสร้างภาพดิจิทัลจะช่วยให้เราเห็นภาพพฤติกรรมที่หาดูได้ยากในถิ่นที่อยู่จริง ผมหวังว่าการศึกษาในอนาคตจะช่วยตอบคำถามได้ว่าทำไม (มนุษย์) เรา และวงศ์วานใกล้ชิดกับเราถึงมีพฤติกรรมแคะจมูกตัวเอง” โรเบอร์โตกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ผลน่าสนใจมาก” แอนน์เสริม เพราะจากที่สังเกต อายอายมักจะมีพฤติกรรมซกมก เอานิ้วกลางตัวเองแยงจมูก แล้วเอาออกมาเลียต่อ เช่นเดียวกันนี้ หลังจากที่ได้สวาปามอาหารที่มันชอบอย่างไข่ดิบ หรือส้มเข้าไป บางที อาจจะเป็นวิธีทำความสะอาดก็ได้ แต่เวลาน้องทำความสะอาดส่วนอื่นของร่างกาย เช่น เกาหู น้องก็ไม่ได้เอากลับมาเลียนะ หรือไม่แน่ อาจจะแค่ติดใจก็เป็นได้

อันนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปแล้วล่ะครับ ว่าในธรรมชาติ เหตุผลอะไรกันแน่ที่ทำให้อายอาย (และวานรอื่นๆ ) มีรสนิยมแสนพิสดาร ชอบเอานิ้วแยงจมูก ผ่านทะลุถึงคอหอย แล้วค่อยเอาออกมาเลีย

คงอีกไม่นานที่ปริศนาของการแคะขี้มูกอาจจะถูกเปิดเผย…