ทำไมสังคมจึงให้ความสนใจต่อแต่ละคำพูดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และ นายสุทิน คลังแสง เมื่อเอ่ยถึงแนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ

มิใช่เพราะว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ดำรงอยู่ในสถานะแห่ง”ผู้นำ”ฝ่ายค้าน ประการเดียว

ที่สำคัญก็คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

มีบทบาทอย่างสำคัญในการเปิดตัว นส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานที่ปรึกษานวัตกรรมและการมีส่วนร่วม ที่ขอนแก่นเมื่อเดือนตุลาคม 2564

และมีบทบาทอยู่เรียงเคียงข้าง นพ.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อสำแดงบทบาทในสถานะแห่ง”หัวหน้าครอบครัว”เพื่อไทยตั้งแต่เปิดตัวที่อุดรธานีเป็นต้นมา

เมื่อจับเอาแต่ละคำพูดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ประสานเข้ากับแต่ละคำพูดของ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง

สังคมจึงร้อง”อ๋อ”และ”อ้อ”ด้วยความเข้าใจต่อการปูทางและ สร้างเงื่อนไขโดย”เครือข่าย ประชาสัมพันธ์”ของพรรคเพื่อไทย

เด่นชัดยิ่งต่อ”แนวโน้ม”ของพลังประชารัฐกับเพื่อไทย

หากติดตามสถานการณ์อันเกิดขึ้นกับรัฐบาลและกับพรรคพลังประชารัฐนับแต่เดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา ก็จะสามารถต่อแต่ละภาพจนกลายเป็นความสมบูรณ์

นั่นคือ จุดแตกหักอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

เพราะการเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกมองและตีความว่าเป็นการกบกฎ พยายามจะดิสเครดิตและโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จึงนำไปสู่การโต้กลับอย่างรุนแรงแข็งกร้าวพอกัน นั่นก็คือ การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากตำแหน่งในครม.

ตามมาด้วยการรุกไล่ผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรคพลังประชารัฐ

นั่นคือรูปธรรมอันเป็นจริงจากผลสะเทือน”การดีล”ทางการเมืองอันมากด้วยความแหลมคม โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหัวรถจักรอันทรงความหมาย

เป้าหมายเพื่อสร้างความแตกแยกภายในพี่น้อง”3 ป.”

เป้าหมายเพื่อแยก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเพื่อสร้างก้าวใหม่ในทางการเมือง

และที่สุดก็ปรากฏผ่าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อย่างเด่นชัด