ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
รอยแค้น ล้ำลึก
รอยแค้น ซิงแซขลุ่ยเหล็ก
เบื้องหน้า ‘อาฮุย’
แรงสะเทือนจากการล้อมจู่โจมโดย “องครักษ์พิทักษ์กฎ” เสียวลิ้มยี่มีอยู่อย่างแน่นอน แรงสะเทือนจากการกระทำอย่างต่อเนื่องโดย “4 ยอดฝีมือ” มีอยู่อย่างแน่นอน
ทว่า อาฮุยมิได้มีความต้องการจะหลบหนี
เนื่องจากเป้าหมายอย่างแท้จริง คือ ต้องการรู้ให้ได้ว่าพวกเหล่านั้นซุกซ่อนลี้คิมฮวงไว้ในสถานที่แห่งใด
หากเรื่องนี้ยังไม่สำเร็จมันย่อมมิยอมทอดทิ้งกลางคันอย่างเด็ดขาด
สายตาของอาฮุยจึงกวาดมองเพื่อค้นหาไปรอบข้างดั่งสายตาของเหยี่ยว โฉบลงจากหลังคาดุจแมวป่าอันปราดเปรียว พุ่งไปยังสวนด้านหลัง
ทันใดนั้นมันได้ยินเสียงหัวร่อ เป็นเสียงหัวร่อที่ไม่ดังเท่าใดนัก
แต่อยู่ในระยะใกล้ คล้ายดั่งกับดังขึ้นอยู่ข้างๆ เมื่ออาฮุยเหลียวไปมองยังต้นเสียงจึงได้พบเห็น
ปรากฏว่าผู้ส่งเสียงถึงกับอยู่ห่างจากมันอย่างยิ่ง
ตามสำนวนแปล น.นพรัตน์ ที่ห่างไปหลายวามีเก๋งน้อยอยู่หลังหนึ่ง มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ภายในในอิริยาบถเอนกายพิงราวลูกกรง กำลังอ่านหนังสืออย่างจดจ่อ
คล้ายไม่สังเกตสนใจเรื่องราวอื่น
สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ระบุว่า ดูท่าอ่านอย่างลุ่มหลงจนเคลิบเคลิ้ม มันสวมเสื้อนวมที่เก่าคร่ำคร่า ใบหน้าซูบผอมจนเหลืองซีด เคราก็มีหร็อมแหร็ม
ดูไปแล้วคล้ายเป็นนักศึกษาชราที่ขาดอาหาร
ใบหน้าซูบเซียวยิ่ง เหลืองซีดยิ่ง เคราหร็อมแหร็มเบาบาง ดูไปคล้ายบัณฑิตสูงอายุที่ขาดการบำรุงผู้หนึ่ง (สำนวนแปล น.นพรัตน์)
แต่บัณฑิตสูงอายุหากส่งเสียงหัวร่อในที่ห่างไปหลายวา
ผู้อื่นจะไม่รู้สึกว่าเสียงหัวร่อดังที่ข้างกาย มีแต่ยอดฝีมือที่มีพลังการฝึกปรือสูงล้ำเท่านั้นจึงสามารถถ่ายทอดเสียงหัวร่อไปไกลถึงเพียงนี้
อาฮุยชะงักเท้า มองดูมันอย่างสงบ
ย้อนกลับไปอ่านสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง อาฮุยชะงักเท้าไว้ สงบมองมันอย่างเยือกเย็น นักศึกษาชราคล้ายดั่งมิได้เห็นอาฮุย
ยกนิ้วแตะน้ำลายพลิกหนังสือออกอีกใบหนึ่ง
ก้มอ่านอย่างติดอกติดใจต่อไป อาฮุยถอยหลังไปทีละก้าว ถอย 10 กว่าก้าวแล้วพลันหันกาย
พอหันกาย ร่างก็ได้ไปไกลกว่า 6 วา
ไม่เหลียวกลับหลังอีกแล้ว รีบพุ่งปราดจนสุดแรง โลดละลิ่วไป 3 ครั้ง บุกเข้าไปในป่าเหมยแห่งหนึ่ง
เหมยกำลังเบ่งบานสะพรั่ง กลิ่นหอมซาบซ่านไปทั่วทุกแห่งหน
อาฮุยสูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นโลหิตที่ประดังมาถึงลำคอให้ลงไปอีกครั้ง มันพบเห็นว่าอาการบาดเจ็บของมันยังสาหัสกว่าที่คาดหมายไว้มากนัก เพราะเมื่อครู่พอใช้ลมปราณที่ทรวงอกก็คล้ายมีโลหิตเดือดดาลจะกระอักออกมา
น่ากลัวว่าจะยากลงมือต่อสู้กับผู้คนแล้ว
เมื่ออ่านสำนวนแปล น.นพรัตน์ แต่แล้วยามนั้นพลันได้ยินเสียงขลุ่ยดังขึ้น เสียงสดใสกังวาน หิมะอันสุมบนดอกเหมยถูกเสียงเร่งเร้าจนร่วงพรู
ตกลงบนร่างของอาฮุย
ท่ามกลางเกล็ดหิมะปลิวโปรย สามารถเห็นคนผู้หนึ่งนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ใต้ต้นเหมยที่ว่างไปหลายวา
บนร่างสวมเสื้อนวมเก่าคร่ำคร่าตัวหนึ่ง
กลับเป็นบัณฑิตสูงอายุที่เมื่อครู่นั่งอ่านหนังสืออยู่
เสียงขลุ่ยอันแหลมคม แปรเปลี่ยนเป็นแผ่วทุ้มทีละน้อย ทีละน้อย อ้อยสร้อยรำพัน บีบคั้นจิตใจผู้คน
จนรันทด หดหู่
คราครั้งนี้อาฮุยไม่ไปอีกแล้ว หากแต่จับจ้องมองมัน กล่าวย้ำออกมาเหมือนกับเป็นคำถาม
“ซิงแซขลุ่ยเหล็ก”
นามของซิงแซขลุ่ยเหล็กมิได้เป็นนามใหม่ ไม่เพียงแต่ต่ออาฮุย หากแต่แม้กระทั่งเราท่านซึ่งติดตามเรื่องราว
คงจำได้ในการพบระหว่างลิ่มเซียนยี้กับอาฮุย ณ ศาลบูชา
ข่าวสารอันลิ่มเซียนยี้นำมาเล่าขานให้อาฮุย 1 ลี้คิมฮวงแม้ไม่อาจหลุดรอดแต่อย่างน้อยไม่เป็นอันตรายแล้ว เพียงเพราะพวกชั้งชิกจำต้องคล้อยตามความเห็นของซิมไบ๊ไต้ซือตกลงคุมตัวลี้คิมฮวงไปวัดเสียวลิ้มยี่
“พวกมันเตรียมเดินทางเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ เนื่องเพราะค่ำคืนนี้พวกมันจะตั้งโต๊ะเลี้ยงต้อนรับซิมไบ๊ไต้ซือ”
และอีก 1 “มิใช่เพราะต้องการกินมื้อนี้จึงรีรออยู่ แต่กลับอย่างไรต้องอยู่รอกินเลี้ยงมื้อนี้ก่อนให้ได้ เนื่องเพราะงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ยังมีอาคันตุกะพิเศษอีกท่านหนึ่ง
(เป็น) ทิเต็กซิงแซ (ท่านขลุ่ยเหล็ก)”
เมื่ออ่านสำนวนแปล น.นพรัตน์ ก็เห็นความต่อเนื่อง ซิงแซขลุ่ยเหล็กแม้มิใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในแผ่นดินแต่ก็ใกล้เคียงยิ่ง ฟังว่าความสูงส่งของพลังฝีมือคนผู้นี้หาด้อยกว่าเจ้าสำนักมาตรฐานทั้ง 7 ไม่
คนผู้นี้มันมิใช่ชนชั้นที่มีชื่อเสียงจอมปลอม มิเพียงแต่มีพลังฝีมือสูงล้ำ มิหนำซ้ำในขลุ่ยเหล็กยังบรรจุ “ตะปูสะกดวิญญาณ” (เนียบฮุ้นเต็ง) 13 ตัว ใช้ยิงใส่จุดเส้นบนร่างผู้คน
ต่อให้ไม่ตามตัวมาซิงแซขลุ่ยเหล็กก็มิอาจไม่มา
“ทั้งนี้ เพราะนางบำเรอคนโปรดของซิงแซขลุ่ยเหล็กนามยู่อี่ (สมปรารถนา) ได้เสียชีวิตในเงื้อมมือโจรดอกเหมย”
เป็นลิ่มเซียนยี้ต่างหากที่นำข่าว “ซิงแซขลุ่ยเหล็ก” แจ้งต่ออาฮุย
เมื่ออาฮุยเอ่ยถามนามเสียงขลุ่ยพลันชะงักหายไปในบัดดล ทิเต็กซิงแซเงยหน้าขึ้น ดวงตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นมีประกายแวววาวราวดาวบนท้องฟ้า
ขณะเวลานั้นชายชราที่ดูท้อแท้ระโหยคล้ายดั่งวัยเยาว์กว่าเดิมอีก 10 ปี
มันจ้องมองอาฮุยแน่วนิ่ง มองอยู่เป็นนานพลันกล่าวขึ้น “ท่านบาดเจ็บแล้ว บาดเจ็บที่กลางหลัง เป็นหลวงจีนซิมไบ๊ลงมือ”
เป็นทั้ง “คำถาม” เป็นทั้ง “คำตอบ”
“ที่แท้องครักษ์พิทักษ์กฎของเสียวลิ้มยี่ก็เพียงเท่านี้เอง ด้วยศักดิ์ศรีของมัน ความจริงไม่สมควรลงมือทำอันตรายคนทางด้านหลัง ในเมื่อทำอันตรายท่านแล้วยิ่งไม่ควรปล่อยให้ท่านหนีอาชีวิตรอดมาจนถึงเบื้องหน้าเรา”
หัวร่อแล้วรำพึงเบาๆ “หรือหลวงจีนชราคิดจะใช้เล่ห์ยืมดาบฆ่าคน”
“ข้าพเจ้าบอกกับท่าน 3 เรื่อง” เป็นเสียงจากอาฮุย “เรื่องแรกหากมิใช่ลงมือที่ด้านหลังมันจะไม่มีทางลงมือเลย เรื่องสอง มันมาตรว่าลงมือก็ฆ่าข้าพเจ้าไม่ตาย เรื่องที่สาม ท่านยิ่งฆ่าข้าพเจ้าไม่ตาย”
คำยืนยันจากทิเต็กซิงแซ “ในเมื่อท่านบาดเจ็บแล้วเราความจริงไม่ยินยอมลงมือเลย แต่คำพูดของท่านเขื่องโขโอหังเกินไปเรามิอาจไม่สั่งสอนให้ท่านสำนึกตัวได้
เห็นแก่ท่านที่บาดเจ็บ เอาเถิด เราต่อให้ท่าน 3 กระบวนท่า”
ซิงแซขลุ่ยเหล็กส่งเสียงหัวร่อดังยาวนาน ลอยตัวขึ้น แขนเสื้อนวมคลี่สะบัด ทิ้งตัวลงที่เบื้องหน้าอาฮุยราวเหยี่ยวร้าย
อาฮุยจับจ้องมอง
ซิงแซขลุ่ยเหล็กพลันรู้สึกมีความเย็นสายหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ มันเผชิญกับดวงตาคู่หนึ่ง
เป็นดวงตาที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
เป็นดวงตาที่แทบปราศจากความรู้สึก เป็นดวงตาที่คล้ายสลักเสลาจากก้อนหิน ขณะที่ดวงตาคู่นี้ถลึงมองคล้ายกับรูปปั้นเทพเจ้าองค์หนึ่งมองดูมวลส่ำสัตว์อย่างชืดชา ซิงแซขลุ่ยเหล็กต้องถอยไปครึ่งก้าวอย่างลืมตัว
ยามนั้นอาฮุยใช้กระบี่ออกแล้ว กระบี่พอแทงออกย่อมไม่คืนกลับโดยเปล่า
นี่เป็นหลักการของอาฮุย หากไม่มีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นมันจะไม่ใช้กระบี่เป็นอันขาด
การปะทะระหว่างซิงแซขลุ่ยเหล็กกับอาฮุยจึงร้อนแรงและแหลมคม
เป็นการปะทะโดยที่เมื่อซิงแซลั่นวาจา “เห็นแก่ท่านรับบาดเจ็บ เราต่อให้ท่าน 3 กระบวนท่า”
ได้ยินเช่นนั้นอาฮุยกลับคิดเดินจากไป
สร้างความสงสัยให้กับซิงแซขลุ่ยเหล็กยิ่ง “เมื่อพบกับเราท่านยังคิดจากไป” พลันประสบกับคำตอบ
“ข้าพเจ้าไม่ไป ท่านก็ต้องตาย”
แม้แฟนานุแฟนของ “โกวเล้ง” จะรับรู้อยู่เป็นอย่างดีว่าในที่สุดผลแห่งการสัประยุทธ์จะลงเอยไปอย่างไร
แต่ก็น่าศึกษา และน่าติดตาม
ติดตามว่าในที่สุดแล้วสิ่งที่ซิงแซขลุ่ยเหล็กประสบคืออะไร ติดตามว่าในที่สุดแล้วสิ่งที่อาฮุยประสบคืออะไร
เป็นไปตาม “แผน” เป็นแผนของ “ใคร”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022