ประชาธิปัตย์ เปิดตัว สนามปักษ์ใต้ ปรับ “ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี” ทวงบัลลังก์! | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

“สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” หรือ “นิด้า” ศูนย์สำรวจความคิดเห็น (นิด้าโพล) ที่แม่นยำ ความน่าเชื่อถือ-เครดิตดีที่สุด เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ” โฟกัสนำร่องเฉพาะ “สนามภาคใต้” ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม จากกลุ่มผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้ง

พบว่า “คนปักษ์ใต้” จะให้การสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อันดับ 1 “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ร้อยละ 23.94 อันดับ 2 “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 13.24 อันดับ 3 “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” ร้อยละ 12.75 อันดับ 4 “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” พรรคก้าวไกล ร้อยละ 11.24 อันดับ 5 “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 6.14 และอันดับ 6 “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 5.95

ขณะที่ “พรรคการเมือง” ที่แนวโน้มจะได้รับเลือกจากเขตเลือกตั้ง ลำดับที่ 1 “ประชาธิปัตย์” ร้อยละ 27.49 ที่ 2 “เพื่อไทย” ร้อยละ 14.94 ที่ 3 “พลังประชารัฐ” ร้อยละ 12.09 ที่ 4 ยังไม่ตัดสินใจเลือก ร้อยละ 12.09 ที่ 5 “ก้าวไกล” ร้อยละ 11.84 ที่ 6 “ภูมิใจไทย” ร้อยละ 7.45

“บัญชีรายชื่อ” ที่ 1 ร้อยละ 27.64 “ประชาธิปัตย์” ที่ 2 ร้อยละ 15.34 “เพื่อไทย” ที่ 3 ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร ร้อยละ 12.54 ที่ 4 “ก้าวไกล” ร้อยละ 12.49 ที่ 5 “พลังประชารัฐ” ร้อยละ 11.89 ที่ 6 “ภูมิใจไทย” ร้อยละ 6.95

สรุปว่า “คนที่ใช่” ที่คนภาคใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แต่ “พรรคที่ชอบ” ทั้งเขตเลือกตั้ง-บัญชีรายชื่อ “ประชาธิปัตย์” แชมป์เก่า มีโอกาสสูงที่จะกลับมาทวงบัลลังก์จ่าฝูงได้สำเร็จอีกครั้ง

ขณะที่ตัวแทนระบอบทักษิณ ชินวัตร ยี่ห้อ “เพื่อไทย” ของแสลงในสนามปักษ์ใต้บ้านเรา อยู่โซนท้ายๆ ของตารางเลือกตั้งมาเกือบตลอด แต่ “นิด้าโพล” รอบนี้ จ่ออยู่หัวแถว ในลำดับที่ 2 ทั้ง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ” ถ้าลงเอยเยี่ยงนี้ ถือว่าเป็นนิมิตใหม่สำหรับด้ามขวานทอง

สนามเลือกตั้งภาคใต้ มี 14 จังหวัด ไล่จากจังหวัดชุมพรลงไป ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2562 หักปากกาเซียน เกิดปรากฏการณ์ “เสาไฟฟ้าล้ม” พรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นตลอดกาล บอบช้ำอย่างหนัก

ไม่เพียงแต่สนาม กทม.จะกินไข่ ผู้สมัครไม่ได้รับเลือกเลยแม้แต่คนเดียว “ภาคใต้” สนามที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน พังครืนง่ายดายยิ่งกว่าปราสาททราย จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 50 ที่นั่ง รักษาฐานที่มั่นเอาไว้ได้เพียง 22 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าตกต่ำหนักมากในรอบกว่าสิบปี

ปกติในศึกเลือกตั้งสนามใหญ่ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครไปชิงชัย ผอม ต่ำ ดำ อ้วน เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ขนาดไหน ก็ได้รับเลือกมาทำหน้าที่ผู้แทนฯ ในสภา จึงเป็นที่ไปที่มาว่า “ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครก็ชนะ”

“ประวัติศาสตร์อาจมีหลายหน้า และหลายด้าน” แต่สนามเลือกตั้งปักษ์ใต้ แทบจะมีหน้าเดียวคือ “ประชาธิปัตย์” ชนะทุกครั้งที่มีการหย่อนบัตร ไม่ว่ากระแสภาพรวมขาขึ้น หรือขาลง แต่เขตด้ามขวานทอง เข้าที่หนึ่งมาตลอด เช่นในปี 2548 ยุคพรรคสีฟ้าได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาจำนวน 96 ที่นั่ง สนามกรุงเทพมหานครได้รับเลือกเพียง 4 เขต แต่ปักษ์ใต้บ้านเรา ช่วยกู้หน้ากวาดเข้ามามากที่สุดถึง 52 เสียง จาก 54 เสียง

หรือในปี 2550 ที่พรรคพลังประชาชนบูมสนั่น ประสบชัยชนะอย่างท่วมท้นจากการเลือกเข้ามามากถึง 232 ที่นั่ง “ประชาธิปัตย์” เข้าที่ 2 ได้รับเลือก 165 ที่นั่ง มาจากสนามปักษ์ใต้ 49 ที่นั่งจาก 56 ที่นั่ง

หรือจากการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2554 นอมินีทักษิณ ถอนร่างเปลี่ยนรูปมาเป็น “เพื่อไทย” กวาดชัยชนะไปอีกคำรบ คะแนนท่วมท้นทั่วประเทศ 264 ที่นั่ง กับ 15.7 ล้านเสียง ส่ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ขึ้นทำเนียบนามผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

“พรรคประชาธิปัตย์” ก็ไม่เลวซะเลยทีเดียว เข้าป้ายในลำดับที่ 2 เช่นเดียวกัน มี ส.ส.เข้าสภา 161 คน กับ 11 ล้านเสียง ภาคใต้ยังชูโรงดุจเดิม ได้รับเลือก 48 คน จากยอดเต็ม 52 ที่นั่ง

ศึกเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อปี 2562 เท่านั้นที่ประชาธิปัตย์เสียรังวัด ผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกมา 52 คะแนนมหาชนหายวับหดเหลือ 3.9 ล้านเสียงที่นั่งทั่วประเทศ “กทม.” กินไข่ ขณะที่ปักษ์ใต้ถูกตัดตอนเหลือ 22 ที่นั่ง จึงเป็นที่ไปที่มา “เสาไฟฟ้าล้ม”

กับศึกเลือกตั้งในสมัยหน้า ไม่ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะลากยาวไปจนครบเทอม หรือยุบสภาก่อนกำหนด “พรรคสีฟ้า” ยุค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” นั่งหัวหน้าพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นเลขาธิการพรรค ปรับทั้งยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี หมายมั่นปั้นมือ จะทวงบัลลังก์จ่าฝูงสนามปักษ์ใต้กลับคืนมาอีกครั้ง

เดินสาย ทยอยเปิดตัวเลือดเก่า-เลือดใหม่ใน 14 จังหวัดด้ามขวานทอง นำร่องตั้งแต่ไก่โห่ก่อนใครเพื่อน โดยก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัคร มีการทำโพลตัดตัวกันอย่างมีระบบ จนได้ผู้สมัครเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ขาดเหลืออยู่ไม่กี่เขตเลือกตั้ง

ตั้งเป้าไว้ว่า จะชิงพื้นที่กลับคืนมาจาก 35-40 ที่นั่ง ผลจาก “นิด้าโพล” ล่าสุด “ประชาธิปัตย์” เพิ่มธงเป็น 40-45 ที่นั่ง

จังหวัดที่จะเก็บคะแนนเข้ากระเป๋าแบบเต็มๆ ประกอบไปด้วย “สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-สงขลา-นครศรีธรรมราช-ตรัง” และอันดามันในบางจังหวัด

เป้าหมายรวมของประชาธิปัตย์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่ที่ 80 ที่นั่งโดยประมาณ โดยครึ่งหนึ่งมาจากปักษ์ใต้ ที่เหลือกระจัดกระจายกันไป เช่น “กทม.” ดูตามฐานที่มั่นจากการเลือกตั้งสมาชิกสภา กทม. โอกาสชิงพื้นที่มาได้ 7-10 ที่นั่ง บวกกับภาคกลาง ต้นทุนเดิมมีอยู่ 9 เสียง เพิ่มเป็น 12-15 พึ่งบริการฝีมือของ “สาธิต ปิตุเตชะ” แม่ทัพ ที่เหลือจากภาคเหนือ-อีสาน ก็คาดว่าจะชิงพื้นที่มาได้อีกหลายที่นั่ง ดังนั้น ธงที่ประชาธิปัตย์วางไว้ 80 เสียง เพิ่มจากศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 จึงไม่ไกลเกินฝัน

“พรรคสีฟ้า” หลังเลือกตั้งใหญ่ จึงแน่นอนแล้วว่า ไม่ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะทำหน้าที่ “พรรคร่วม” เหมือนเดิม และเมื่อเอ็กซเรย์ดูท่าที ชั้นเชิงในหลายองคาพยพ

เชื่อว่าสามารถร่วมวงไพบูลย์กับพรรคการเมืองขั้วไหนก็ได้ แม้กระทั่งซีก “เพื่อไทย”